'เต้าหู้'เป็นอาหารจีนที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน เท้าความไปด้วยถึงสมัยราชวงศ์ฮั่นเมื่อ2000กว่าปีก่อน ต้นกำเนิดที่แท้จริงยังคลุมเครือ บ้างก็ว่าเกิดจากอุบัติเหตุในการบังเอิญเทผงยิปซั่มลงไปในน้ำถั่วเหลืองต้ม บ้างก็ว่าเกิดจากความบังเอิญในการใส่เกลือสมุทรลงไปในน้ำนมถั่วเหลืองมากเกินไป หรือแม้กระทั่งบางทฤษฎีก็บอกว่าชาวจีนไปแอบขโมยสูตรการหมักชีสของชาวมองโกลมาใช้กับนมถั่วเหลืองจนเกิดกลายเป็น'เต้าหู้'ขึ้นมา

ในสมัยโบราณ เต้าหู้นิยมนำมาเป็นของเส้นไหว้ เพราะเชื่อว่าวิญญาณของเหล่าบรรพชนนั้นไม่มีฟันที่จะเอาไว้เคี้ยวอาหาร จึงใช้เต้าหู้ที่นิ่มและกลืนง่ายมาเป็นของเส้นไหว้บรรพชน

เต้าหู้ถูกนำเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นช่วงยุคนาระเมื่อประมาณ1000กว่าปีก่อนโดยนักบวชชาวพุทธนิกายมหายานของจีน ด้วยภูมิประเทศที่อำนวยต่อการปลูกถั่วเหลือง เต้าหู้จึงได้กลายเป็นอาหารยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นจวบจนถึงปัจจุบัน

เมนูเต้าหู้ตกกละ(mapo tofu) มีที่มาจากคำว่า ma-po ซึ่งแปลว่า ขี้กละของยายแก่ อนุมานได้จากรูปร่างหน้าตาของเมนูที่มาจากการนำเนื้อสัตว์บดไปเคี้ยวกับก้อนเต้าหู้จนเละ จนออกมาราวกับใบหน้าตกกละของยายแก่ แต่ถึงชื่อจะไม่น่ากิน แต่ถ้ารสชาติไม่ดีจริง ก็คงจะไม่กลายเป็นหนึ่งในเมนูเต้าหู้ยอดนิยมเป็นแน่


เริ่มต้นง่ายเลยแค่ตั้งกระทะไฟปานกลางน้ำมันเล็กน้อย
ใส่กระเทียมสับ ขึ้นฉ่ายสับ แครอทสับ หอมใหญ่สับ พริกขี้หนูสับ อย่างละประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผัดให้เข้ากันกับน้ำพริกเผาประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ จนส่งกลิ่นหอม


ใส่เนื้อสัตว์ลงไป วันนี้ใช้เนื้อวัวบดประมาณ 1 ขีด ผัดให้เข้ากันกับเครื่องที่ผัดเตรียมไว้จนกว่าเนื้อวัวจะสุก 
ปรุงรสง่ายๆด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำตาล อย่างละประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
ถ้าไม่ทานเนื้อวัวก็เปลี่ยนเป็นเนื้ออย่างอื่นแทนได้ไม่มีปัญหา


เติมน้ำซุปลงไปกะให้พอท่วมๆก้นกระทะ พอเดือดจึงใส่เต้าหู้ลงไปเคี่ยวประมาณ 5 นาที
วันนี้ใช้เต้าหู้ถั่วเหลืองแบบหนึบหั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆประมาณ 1 ขีด แต่ถ้าใครอยากใช้เต้าหู้แบบนิ่มก็สามารถใช้ได้เลยไม่มีปัญหา แต่ต้องเบามือตอนเคี่ยวสักหน่อยเพราะเดี๋ยวจะเละ


ผ่านไปประมาณ 5 นาที จนน้ำซุปซึมเข้าเนื้อ ก็ใส่น้ำละลายแป้งมันลงไปเล็กน้อยแล้วเคี่ยวจนน้ำเริ่มข้น จึงค่อยโรยต้นหอมลงไปให้ทั่วๆแล้วปิดไฟได้เลย 
แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วครับกับเมนูเต้าหู้ตกกละ


เนื้อเต้าหู้ถั่วเหลืองหนึบๆดูดซึมรสชาติของน้ำซุปและซอสเข้าไปเต็มที่ เนื้อวัวบดที่ถูกเคี้ยวจนนุ่มชุ่มฉ่ำไปด้วยซอสรสเผ็ดหอมกลมกล่อม คลุกกินคู่กับข้าวสวยร้อนๆรับรองมีเพลินจนพุงกาง

ถึงแม้ที่มาจะคลุมเครือ เริ่มต้นจากการของเซ่นไหว้ ชื่อแซ่อาจฟังดูต้อยต่ำ แต่สุดท้ายเจ้าก้อนเต้าหู้ก็สามารถผงาดตัวเองจนกลายเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของชาวโลกได้ในที่สุด


facebook page : เสือตะหลิว " อาหาร กับ ชายชาตรี "