|
รับ ไม่รับ

คำเตือน: ใครไม่ชอบเรื่องการเมือง ขอแนะนำให้ข้ามบล็อคนี้ไปนะครับ
นานๆ ผมจะเขียนถึงเรื่องการบ้านการเมืองสักที เพราะเรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อน เขียนไปแล้วมักจะเดือดร้อน อย่างดีก็เสมอตัว..เอ้า
แต่ช่วงนี้รู้สึกเหมือนรูปข้างบน
คือมันมีกระแสกดดันมาหลายๆทาง ให้เราหลับหูหลับตารับร่างไปซะ อย่าคิดมาก แต่ถ้าจะถาม.. ผมก็ยืนยันได้ตรงนี้ ว่าผมไม่รับ
ผมเคยชอบโฆษณาแฮปปี้ ดีแทคในโรงหนังอยู่อันนึง ที่มีคนมาโยนแตงโม แล้วไอ้คนที่อยู่ข้างล่างไม่รับ แล้วก็พูดว่า "ไม่รับครับ ไม่รับครับ"
ไม่ใช่เพราะมันร่างโดยสภาร่างทรงเผด็จการหรอก อันนั้นผมทำใจได้ เพราะประธานสภาร่างฯ ก็อาจารย์ผมเอง 5555
สมัยผมเรียนปีหนึ่ง อาจารย์นรนิตินี่แหละ เป็นคนบรรยายประวัติศาสตร์การเมืองไทยให้ผมฟังเป็นฉากๆ ตั้งแต่เริ่มเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
ผมจบจากสถาบันที่นักศึกษาเสพข่าวการเมืองเป็นอาหารว่าง เห็นรัฐธรรมนูญมาหลายฉบับ ผมก็ยังสบายใจกับฉบับปี 2540 ที่สุด
ฉบับ 2550 นี่ ถ้ารับไปใช้กัน ก็มีแต่ถอยหลังลงคลอง เหมือนย้อนไปสมัยป๋าเป็นนายก ยังไงยังงั้น
แต่ก็ค่อนข้างยอมรับว่า ด้วยอิทธิพลของสื่อ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็คงผ่าน ให้เรากลับไปตะเกียกตะกาย ล้มลุกคลุกคลานกันใหม่ มันแทบจะไม่มีทางเลือกนี่
แต่เมื่อผมมีสิทธิ ก็ต้องขอใช้ ถึงจะเป็นฝ่ายค้านส่วนน้อยก็ตาม
ตอนนี้ผมว่าบ้านเมืองมันแปลกๆ คนมีอำนาจคิดอยู่อย่างเดียว ว่าทำยังไงจะกำจัดทักษิณให้สิ้นซาก ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานว่า ทำยังไงบ้านเมืองจะดีขึ้น
โจทย์มันต่างกันนะครับ คิดว่าทำไงให้บ้านเมืองดีขึ้นจริงๆ กับคิดว่าทำยังไงจะกันทักษิณกลับมามีอำนาจเนี่ย
ดูอย่าง คตส.สิ ใครไม่ให้ความร่วมมือ เป็นเจอข้อหา กากเดนของระบอบทักษิณ...แน๊..
อย่างบล็อคนี้ เขียนแบบเห็นแย้งกะ คตส. ถ้าผมเป็นคนดังอ่ะนะ คงมีคนพูดว่า ผมได้ท่อน้ำเลี้ยงของเสี่ยแม้ว ถ้าจะพูดถึง ก็อย่าไปดึงน้องลิเดีย มาเกี่ยวกะผมด้วยละกัน 
ผมก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า.. ให้ผมเลือก ผมปล่อยให้ลุงแม้วอยู่จนครบเทอมแล้วเลือกตั้งใหม่ดีกว่า
ขี้หมูขี้หมา ผมก็ยังด่าได้ ไม่ต้องกลัวว่าบล็อคนี้ จะโดนสั่งปิดไหม
แล้วจากสถิติย้อนหลัง ฝรั่งเขาเรียก Track Record รัฐบาลอัศวินทหารขี่ม้าขาว มักจะเริ่มต้นดี แต่ลงท้าย มักจะโกงยิ่งกว่าพลเรือน เพราะพลเรือนน่ะ เขาไม่มีปืน ไม่มีรถถัง ไม่มีเครื่องบินขับไล่
ทักษิณโกงนี่ นักข่าวดมๆ สองที ก็ตีข่าวกันสนุกสนาน แต่ทหารโกงนี่ ใครจะกล้าแฉไหม ปุดๆกันสองวันก็เงียบ
นายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง ยังไงก็ดีตรงที่ มันเป็นระบบ คนอเมริกันเกลียดบุชจูเนียร์ยังกะอะไรดี คนอังกฤษก็ด่า โทนี่ แบลร์ อยู่ปาวๆๆ ผมไม่เห็นมีทหารเขาจะกล้าคิดปฏิวัติเลย เพราะเขารู้ว่า ประชาชนเขาไม่เอาด้วย
ไม่เหมือนบ้านเรา มีทหารมาฉีกรัฐธรรมนูญ ยึดอำนาจไปจากประชาชน ดันมีคนเอาดอกไม้ขนมไปให้ ไปปิคนิคถ่ายรูปกันยังกะดิสนีย์แลนด์
ทักษิณจะดีจะชั่ว ก็คนเขาเลือกมา กบมันจะเลือกนกกระสามาเป็นนายก็ต้องรับสภาพไป
มีแต่คนกลัวว่าทักษิณจะครอบงำทุกอย่าง ผมกลับไม่กลัวอย่างนั้น คือถ้าระบบมันยังขับเคลื่อน มันแก้ได้ไงครับ ยังไงต้องรักษาระบบไว้ก่อน ไม่ใช่เอาคนๆเดียวมาเป็นข้ออ้าง แล้วล้มกระดาน
มีคนวิเคราะห์ไว้น่าสนใจ ว่า.. ปัญหาของทักษิณไม่ได้อยู่ที่เรื่องคอรับชั่น คอรับชั่นเป็นจุดอ่อนของเขา ไม่ใช่ปัญหา
ปัญหาจริงๆ อยู่ที่การเปลี่ยนระบบบริหารประเทศ จากระบบข้าราชการธิปไตย มาเป็นพลเรือนธิปไตย คือข้าราชการที่เคยคุมอำนาจบาตรใหญ่ เริ่มเสียกระบวน
ผลประโยชน์ที่เคยมาถึง มันก็ไม่ค่อยถึง เพราะมันโอนไปอยู่ในมือของเอกชนซะ วันดีคืนดี เคยทำงานเช้าชามเย็นชาม ก็ต้องแอ็คทีพ กระตือรือร้น มีการประเมินผลแบบเอกชน
มันเป็นเรื่องของผลประโชยน์ของคนชั้นล่าง คนชั้นกลาง และสูง
การเมือง เป็นเรื่องผลประโยชน์ครับ อย่าไปหวังว่าจะมีใครเข้ามา โดยไม่หวังอะไร หวังได้แค่ว่า แบ่งผลประโยชน์ให้พองาม แล้วขับเคลื่อนประเทศไปในทางที่ถูกที่ควรด้วย
ถึงผมจะไม่ได้นึกอยากไปเย้วๆให้บ้านเมืองวุ่นวายที่สนามหลวง แต่ก็ยังคิดถึงสมัยสนธิพาคนไปเย้วๆไปทั่วเมือง แบบลอยนวลไม่ได้
เห็นไหมครับ ว่ายังไงทักษิณก็ยังให้อิสระฝ่ายที่เห็นต่าง มากกว่าสมัยนี้
วันก่อนได้เมล์จากเพื่อนชาวอเมริกัน เขาเขียนมาว่า
Eddy, what happened to Thailand?
แล้วก็ส่ง link มาให้อันนึง เป็นข่าวเรื่องที่เขาจะลงโทษตำรวจที่ทำผิดวินัย ด้วยการติดสัญลักษณ์ Hello Kitty บนเครื่องแบบ //news.bbc.co.uk/2/hi/asia-pacific/6932801.stm
ผมจะตอบเขายังไงดีล่ะนี่ 
ปล. ใครอยากไปใช้สิทธิรับร่าง ก็ว่าไปกันตามที่ท่านเห็นควรนะครับ ผมเขียนแสดงความเห็นจากมุมของผมเอง ไม่ได้รณรงค์ให้ใครมาเชื่อตามผมนา
Create Date : 15 สิงหาคม 2550 | | |
Last Update : 16 สิงหาคม 2550 7:46:46 น. |
Counter : 1303 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
รูปแบบใหม่ของชีวิต

ตั้งแต่เรียนวิปัสสนามา สิ่งหนึ่งที่ผมค้นพบบ่อยๆ คือ มันมีมุมมองใหม่ๆ เกิดขึ้น ในชีวิตเดิมๆของผมเสมอๆ
เมื่อวานนี้ หลังจัดรายการเสร็จ ผมไปเป็นอาสาสมัคร ทำหน้าที่ช่วยแนะนำคนที่สนใจเรียนรู้เรื่องการปฏิบัติ
คนที่มาคุยกับผม ถามผมว่า ผมเคยมีทุกข์ไหม ผมตอบว่า เคยสิ ทุกข์บ่อยจะตาย ทุกข์ทุกวัน
เขาถามอีกว่า แล้วผมเคยอกหักไหม เกือบจะตอบไปแล้ว ว่าอาชีพรองผม คือชาวไร่แห้ว แต่เดี๋ยวจะดูเป็นคณะชวนชื่นไปหน่อย เลยบอกไปว่า..เคยสิ หลายหนแล้ว
เขาถามว่า.. เวลาอกหัก ผมทำใจนานไหม ผมบอกว่า.. ถ้าเข้าใจวิปัสสนา แล้วทำถูกทางมาระยะนึง ผมให้อกหักไม่เกิน 3 วัน ก็จะดีขึ้น
เขาร้องโอ้โห.. ทำท่าทางไม่เชื่อ ผมบอกว่า.. อันนั้นแบบชิวเด้น ชิวเด้นนะ ถ้าคนเก่งๆแล้ว วันเดียวก็นานเกินไปแล้ว
ที่มันสั้น ไม่ใช่เพราะคนทำวิปัสสนาเป็น มีอะไรวิเศษกว่าชาวบ้านเขามากมายหรอก
เพียงแต่เรามองเห็นความทุกข์ เป็นเรื่องธรรมชาติ อ้าว.. เลิกกับแฟน อกหักรักคุด จะให้ดีใจหรือไง ..ใช่มะ
แต่เสียใจ รู้ว่าเสียใจ ...ไม่ได้พยายามปรุงแต่งจิต มากไปกว่าการรู้ รู้ด้วยอาการเข้าใจว่า.. สิ่งนี้เรียกว่าทุกข์ รู้ด้วยอาการยอมรับว่า.. ทุกข์เป็นแค่สิ่งหนึ่งที่ผ่านมาและจิตไปรู้เข้า
ไม่ใส่ใจมัน มากไปกว่าคนที่เห็นหมาขี้เรื้อนเดินผ่านหน้าบ้าน ไม่ไยดีมัน มากไปกว่าคนที่นั่งริมน้ำแล้วเห็นหมาเน่าลอยผ่านไป ไม่ดิ้นรนจะโดดลงไปผลักไสไล่มัน เพราะมันลอยมา ก็ลอยไปเอง
เพราะเราเห็นมาบ่อยแล้ว ซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า มันผ่านมา แล้วมันก็จะผ่านไป ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ ไม่ว่าเราจะยินดีหรือไม่ มันก็เหม็นตามธรรมชาติอยู่แล้ว
อย่าไปหวังให้หมาเน่ามันหอม อย่าไปแกล้งคิดว่า อกหักแล้วดี มีความสุข อันนั้นมันแทรกแซงธรรมชาติ ถึงจะเป็นเรื่องคิดดี แต่ถ้าไม่ใช่ของจริง ความจริง ก็ไม่ใช่วิปัสสนา
เวลาดูทุกข์ตัวเอง บ่อยๆ มันจะเห็นอย่างนึงว่า คนเรามีทุกข์จากความรัก เพราะเราไม่ได้รักเขาเฉยๆ
แต่ในแพ็กเกจของความรัก มันมีความยึด ความอยาก อยู่ด้วย แล้วเราก็ทุกข์ เพราะความอยาก อยากให้เขารัก อยากให้เขาดีกับเรา
ลำพังความรักหรือไม่รัก มันทำอะไรใครไม่ได้หรอก ความอยาก ความยึด ของเราต่างหาก ที่ทำร้ายเราเอง
คนทำวิปัสสนา ก็คนธรรมดา ใช้หัวใจสูบฉีดเลือดนี่แหละ เราก็ยังมีโลภ มีโกรธ มีหลง อาจจะรู้สึกว่าเยอะกว่าคนธรรมดาด้วยซ้ำ
เพราะเราดูตัวเอง แล้วเราเห็นบ่อยๆ เห็นเนืองๆ เห็นตามความเป็นจริง ไม่ต้องเสแสร้ง แกล้งดี ไม่ต้องเก็บกด ไม่ต้องปฏิเสธว่า ไม่จริ๊งงงง ฉันไม่เคยคิดร้าย ฉันไม่เคยโลภ ฉันไม่เคยหลง
ทั้งๆที่ จริงๆ เราก็หลงกันทั้งวันนี่แหละ หลงคิดดีบ้าง ร้ายบ้าง ที่หลงกันแบบใหญ่โตที่สุด และดูยากที่สุด เข้าใจยากที่สุด คือหลงเข้าใจว่า จิตนี้คือตัวตนของเรา
พระพุทธเจ้าบอกว่า.. ตัวเรา ไม่เคยมีในอดีต ไม่มีในปัจจุบัน ไม่มีในอนาคต
ที่มีอยู่ เป็นเพียงความเข้าใจผิด สำคัญผิด ว่าสิ่งนี้คือตัวเรา
งง รู้ว่า งง นะครับ สงสัย รู้ว่าสงสัย รู้ไวๆ อยากถามรู้ว่า อยากถาม แล้วก็ไม่ต้องเชื่อด้วย ที่พูดให้ฟังทั้งหมดเนี่ย ไม่ต้องเชื่อเลยสักข้อ
ให้ไปลองหัดทำ หัดดู หัดรู้สึกตัว แล้ววันนึงค่อยตอบตัวเองว่า ผมพูดจริง หรือผมแค่โม้
ไม่ต้องทำอะไรมากหรอก.. แค่รู้สึกตัวไว้ในปัจจุบันก็พอ ความรู้บางอย่าง มันเหมือนผลไม้ มันจะสุกเมื่อมันถึงเวลาอันสมควร
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นตามเหตุและปัจจัย ดับไปก็ด้วยเหตุและปัจจัย ไม่ใช่เพราะเกิดเพราะเราอยาก หรือไม่อยาก
ฝนจะตก ก็เพราะเหตุและปัจจัยมันสมควรจะตก ฝนจะหยุด ก็เพราะมีเหตุและปัจจัยสมควรจะหยุด ไม่ใช่เพราะเราอยากให้ตก หรืออยากให้หยุด
แต่ถ้ารู้ทันความอยากบ่อยๆ จะเห็นว่า ในความเป็นคนธรรมดา ถ้ามีสติรู้ทันความอยาก ความอยากก็จะเกิดสั้นลงๆ เราจะทุกข์น้อยลงๆ
ฝนตก ก็เรื่องของฝนมัน ฝนจะหยุด ก็เรื่องของฝนมัน จิตจะสุข ก็เรื่องของจิต จิตจะทุกข์ ก็เรื่องของจิต
จิตไม่ใช่เรา .. แต่ที่เราทุกข์ เพราะเราไม่เคยรู้ทัน เพราะเราหลงอยู่ในความคิดว่า จิต คือตัวเรา เมื่อจิตทุกข์ เราจึงรู้สึกทุกข์ไปกับจิตด้วย
ผมขมวดท้ายการอธิบายว่า.. ที่ให้หัดรู้สึกตัวบ่อยๆ ก็เพราะต้องการให้สติเกิด เมื่อสติเกิดเอง ก็จะเห็นความจริง เห็นความจริงบ่อยๆ ก็จะเริ่มเข้าใจได้ปัญญา ปัญญายิ่งเพิ่ม ก็จะอยากสั้นลง ยึดน้อยลง
เพราะจะค่อยๆยอมรับว่า.. มันไม่มีอะไรที่บังคับได้สักอย่าง ไม่ว่าจะสุข หรือทุกข์ มันมาแล้วมันก็ไปเสมอกัน มันเกิดขึ้น มันดับไปเสมอกัน ตามเหตุและปัจจัย ไม่ใช่เพราะเราอยากหรือไม่อยาก
กระบวนการเห็นจริง ตามที่กาย ที่จิตเป็น นี่แหละ เขาเรียกวิปัสสนา ไม่ได้เกี่ยวกับนั่งสมาธิ ยืนหรือเดินสมาธิ
ทำวิปัสสนาเก่งๆ ไม่จำเป็นต้องนุ่งขาว เลิกแต่งหน้า เลิกกับสามีภรรยา เลิกทำงาน คลานไปเฝ้าวัด
วิปัสสนาแท้ๆที่ประกอบด้วยปัญญา ไม่ได้ทำให้คนวิ่งหนีโลกเก่ง แต่ทำให้คนอยู่กับโลกเก่ง เข้าใจ และไม่โดนโลกมันลากไป
อันนี้ประโยชน์แค่เบื้องต้น แต่เบื้องปลายไม่ต้องพูดละกัน พูดเรื่องนิพพานมันจะดูไกลตัวไป
แต่อาจารย์ผมท่านบอกว่า.. ของดี มันอยู่ต่อหน้าต่อตาเรานี่เอง
แต่แค่รู้สึกตัวเป็น ก็ดีถมเถแล้ว รูปแบบใหม่ของชีวิต มันก็เกิดขึ้นพร้อมๆกับปัญญานี่แหละ
แล้วจะร้องเหมือนเพลงนี้ว่า.. This Never Happened Before
ผมไม่อยู่ 5 วันนะครับ ต้องไปประชุมต่างประเทศ (อีกแล้ว)
รักษาสุขภาพกายใจ ด้วยกันทุกท่านครับ 
Create Date : 05 สิงหาคม 2550 | | |
Last Update : 11 สิงหาคม 2550 9:50:04 น. |
Counter : 1492 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Music and Lyrics เหตุผลที่คนรักกัน

พระพุทธเจ้าบอกว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นย่อมมีทุกข์
เจอโรม เคิร์น นักแต่งเพลงระดับตำนาน เคยบอกว่า ยามที่ไฟรักลุกโหมทรวง ควันมันจะเข้าตาเรา ในเพลงชื่อ Smoke Gets In Your Eyes
วงร็อคชื่อ นาซาเร็ท บอกว่า Love Hurts เดอะ แน็ค เคยร้องเพลงชื่อ How Can Love Hurt So Much
เดอะ สกายไลนเนอร์ เคยบรรยายความปวดร้าวยามไม่มีเธอ ว่ามันไม่มีอะไรเหลือเลยในชีวิต ในเพลง Since I Don't Have You
เบิร์ท แบคแครท เคยเขียนเพลงชื่อ I'll Never Fall In Love Again บอกว่า.. รักแล้วไม่เห็นมีอะไรดี มีแต่ข้อเสีย
เหมือนที่ดิออน วอร์วิค เคยร้องว่า ฉันจะไม่รักใครแบบนี้อีกแล้ว I'll Never Love This Way Again
แล้วทำไม..ใครๆ ก็ยังอยากมีความรัก?
ความสงสัยนี้อยู่คู่โลกมานาน เหมือนที่มีเพลงอย่าง Why Do Fools Fall In Love? ของแฟรงกี้ ไลมอน
ผมเป็นคนชอบดูหนังรักตลก ที่เขาเรียกโรแมนติค คอเมดี้ แต่ Music and Lyrics เป็นหนังที่ผมเพิ่งจะได้ดู เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
เหตุผลคือ ไม่กล้าไปดูในโรงคนเดียว เวลาไปดูหนังรักคนเดียว มันวังเวงจะตายไป ยิ่งโมแรนติคเท่าไหร่ ก็ยิ่งวังเวงมากเท่านั้น
แต่ดูแล้วอยากตบกระโหลกตัวเองว่าทำไมเพิ่งยอมดู เพราะหนังมันน่ารักมากนะครับ
เรื่องของนักร้องหนุ่มใหญ่ที่เคยดังเมื่อยี่สิบปีก่อน แต่ตอนนี้ชีวิตง่อนแง่นกระท่อนกระแท่นเต็มทน จนได้โอกาสทองหล่นตุ๊บมาตรงหน้า เมื่อซุปเปอร์สตาร์สาวน้อยที่เคยเป็นแฟนเพลงของเขายื่นโอกาสให้
โดยเขามีเวลาไม่กี่วันจะต้องเขียนเพลงรักใหม่ให้เธอร้องคู่กับเขาหนึ่งเพลง
พระเอกก็หัวหมุน เพราะตัวเองเก่งแต่เรื่องดนตรี แต่เขียนเนื้อร้องห่วย แล้วยังฝังใจกับอาการแป้กของอัลบั้มเดี่ยว ชุดเดียว ที่ไม่เคยมีใครอยากซื้อนอกจากแม่
แล้วนางเอก ก็โผล่มาในฐานะคนดูแลต้นไม้ ที่ห่วยจนแยกไม่ออกว่าต้นไหนจริง ต้นไหนพลาสติค แถมยังทำต้นไม้พระเอกตายหมด.. ยกเว้นต้นที่เป็นพลาสติค 
แต่ในระหว่างที่ต้นไม้ในอพาร์ตเมนท์ของพระเอกค่อยๆตายไป ต้นรักในใจของสองคน กลับเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
เล่าแค่นี้นะครับ .. เดี๋ยวจะมีคนปาหมอนว่าผมทำให้เขาดูไม่สนุก
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้จากหนังเรื่องนี้คือ ไม่มีใครเลยที่เป็นคนสมบูรณ์แบบ การที่คนสองคนรักกัน ไม่ใช่เพราะความสมบูรณ์แบบของอีกฝ่าย
แต่เพราะอีกฝ่ายทำให้ตัวเราสมบูรณ์ขึ้น และอาจบางที ความรักที่แท้จริง คือการรักในความไม่สมบูรณ์ของคนๆนั้นนั่นแหละ
ดนตรีเปล่าๆท่อนนึง คงไม่มีความหมายอะไรถ้าขาดเนื้อร้อง ส่วนคำร้อง ก็เป็นได้ดีที่สุดแค่บทกวี ถ้าไม่มีทำนอง
ในเรื่องมีเพลงเพราะหลายเพลง แต่ผมเทใจให้เพลงนี้ Don't Write Me Off
เพราะมันเหมาะกับคนที่ไม่สมบูรณ์แบบอย่างผม ที่คงไม่โชคดีอย่างพระเอกในเรื่อง ที่เจอเนื้อร้องที่ลงตัว
C'est La Vie ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ 
ใครที่เจอคนที่เติมเต็มชีวิตคุณได้พอดีแล้ว คนที่รักในความไม่สมบูรณ์แบบของคุณได้ และคุณก็เป็นส่วนเติมเต็มให้ชีวิตเขาได้พอดี รักในความไม่สมบูรณ์แบบของเขาได้ ด้วยความสบายใจ อยู่กันได้ด้วยความจริงใจ ไม่ปรุงแต่ง โปรดรักษาเขาไว้ให้ดีนะครับ
ต้นไม้พลาสติคอาจจะทานทน แต่หัวใจคนไม่ใช่พลาสติค..นะครับ
สุขสันต์วันที่ยังมีรักอยู่บนโลกครับ 
Create Date : 02 สิงหาคม 2550 | | |
Last Update : 5 สิงหาคม 2550 22:55:29 น. |
Counter : 2648 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|