Group Blog
 
All blogs
 
ใบไม้หนึ่งกำมือ



เคยได้ยินนิทานเรื่องนักศึกษากับคนแจวเรือไหมครับ

ที่มีนักศึกษาคนนึง จบโทจาก MIT และกำลังทำปริญญาเอก ที่ฮาร์วาร์ด
นั่งเรือแจวข้ามฟากจากริมฝั่งจะไปเที่ยวเกาะ
แล้วถามคำถามยากๆต่างๆกับคนแจวเรือ

นักศึกษาหนุ่มถามคนแจวเรือ เรื่องโลกาภิวัฒน์ เรื่อง GDP เรื่องนาโนเทคโนโลยี
เรื่องทฤษฎีการเกิดกาแลคซี่ เรื่องแคลคูลัส ตรีโกณมิติ พลังงานฟิวชั่น

คนแจวเรือ ที่เรียนไม่จบกระทั่ง ป. 4 ตอบไม่ได้สักคำถาม นักศึกษาจึงหัวเราะชอบใจ
เขาภูมิใจในความรอบรู้ของตัวเอง และสมเพชในความเขลาของคนแจวเรือ

กระทั่งเรือแจวแล่นมาถึงกลางทะเล ลมก็เริ่มพัดแรง
ฝนเทกระหน่ำ คลื่นเริ่มเชี่ยวกราก

คนแจวเรือ ที่เงียบงันมาตลอดทาง ถามนักศึกษาว่า "พ่อหนุ่ม ว่ายน้ำเป็นไหม"
นักศึกษาหนุ่ม ตัวสั่นงันงก แต่ไม่ทันจะได้ตอบ เรือก็ถูกคลื่นใหญ่ซัดจนจมคว่ำ

คนแจวเรือ ว่ายน้ำขึ้นฝั่งได้ปลอดภัย แต่นักศึกษาหนุ่มจมน้ำตาย
ความรู้มากมายหลายปริญญา ช่วยอะไรเขาไม่ได้ ในนาทีวิกฤต

ผมนึกถึงนิทานเรื่องนี้ หลังจากที่ฟังพี่ซัน มาโนช
เล่าเรื่องที่เพื่อนของพี่ซันส่งลูกไปเรียนโรงเรียนนานาชาติ

พ่อของเด็ก มักจะมาเล่าให้พี่ซันฟังถึงความฉลาดของลูกว่า เรียนโรงเรียนนี้ดีเลิศ
สอนให้เด็กป.1 ฉลาดรอบรู้ ถามคำถามพ่อแต่ละอย่าง พ่อยังตอบไม่ได้เลย

แต่อยู่มาวันหนึ่ง โรงเรียนจะจัดพิธีไหว้ครู
และบอกให้เด็กไปเตรียมหา ธูปเทียน หญ้าแพรก ดอกเข็มมาให้พร้อม

เด็กกลับบ้าน ไปถามพ่อว่า "พ่อ พ่อ.. ไอ้หญ้าแพรก กะดอกเข็มนี่ มีขายที่เซเว่นไหม?"

ผมแอบสังเกตว่า ระบบการศึกษาปัจจุบัน มักจะแข่งกันสอนเรื่องไกลตัว
ยิ่งรู้อะไรประหลาดพิสดาร ถึงดาวเนปจูนพลูโต ยิ่งน่าภูมิใจ

แต่ไม่ค่อยใส่ใจความรู้พื้นฐาน ง่ายๆ ใกล้ๆตัว เช่นไม่รู้จักหญ้าแพรก
เด็กรุ่นใหม่ๆ แยกไม่ออกนะครับ ว่าใบกระเพรากับโหระพามันต่างกันยังไง

หรือเรื่องพื้นฐาน แต่มีคุณค่ามหาศาล อย่างความรู้ว่าด้วย "ตัวเรา"
เพราะเราเป็นชาวพุทธแต่ในทะเบียนบ้าน แต่ไม่เคยเข้าใจจริงๆว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไรบ้าง

เราถึงพลาดอะไรหลายอย่างดีๆในชีวิต เพราะมัวแต่รู้สึกว่า
ธรรมะเป็นเรื่องเชย เป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องของคนแก่ คนอกหัก รักคุด เป็นเรื่องไกลตัว

หลายคนเรียนจนจบปริญญาโท ก็ยังไม่รู้จักตัวเอง
ไม่รู้ว่าชีวิตต้องการอะไร
ไม่รู้ว่า จุดหมายของชีวิตอยู่ตรงไหน

หรือยังเข้าใจว่า.. การปฏิบัติธรรม คือการนุ่งห่มขาว อดข้าวเย็น
ถือศีล เดินจงกรม นั่งสมาธิอย่างเดียว

หรือการเป็นชาวพุทธ คือการไปวัดทำบุญ ใส่บาตร แล้วจบ

ความรู้ในโลก มีมากมายเหมือนใบไม้ในป่า
พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ท่านจะสอนเพียงแค่ ใบไม้หนึ่งกำมือ
ใบไม้หนึ่งกำมือของท่าน คือความรู้ที่เพียงพอต่อการจะเดินไปสู่การหลุดพ้นจากทุกข์

ถึงวันนี้ เราจะยังไม่หลุดพ้น หรือไม่เชื่อว่าตายแล้วจะเกิดอีก
แต่ความรู้แค่ใบไม้หนึ่งกำมือของท่าน
ก็เพียงพอที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตด้วยสติและปัญญา
โดยเฉพาะเวลาที่คลื่นลมในชีวิตมันเชี่ยวกราก

เพราะเราไม่รู้ว่านาวาชีวิตที่เรานั่งอยู่ มันจะเจอคลื่นลม
จะจมเพราะพายุเมื่อไหร่ หรือจะรั่วจนล่มลงวันไหน

มีใบไม้หนึ่งกำมือติดตัวไว้ ก็ไม่เลวนะครับ

14 ตุลา มาเขียนเพิ่ม

สำหรับท่านอื่นที่เพิ่งมาอ่าน หรือแวะกลับมา
ในส่วนที่ผมอยากบอก ไม่ได้จะบอกว่า
ให้เลิกเรียนปริญญาตรี โท เอก แล้วมาเรียนธรรมะอย่างเดียวหรอกนะครับ

หมายถึงว่า ความรู้ในโลกมีเยอะแยะ
เรียนไปเถอะครับ ที่อยากเรียน ที่เห็นว่ามีประโยชน์ต่อท่าน

แต่อย่าดูแคลนคนที่ไม่ได้เรียนอย่างเรา ประการหนึ่ง
และอย่าลืมศึกษาใบไม้หนึ่งกำมือของพระพุทธเจ้าท่านด้วย

เพราะในเวลาที่ชีวิตเรามีวิกฤต ใบไม้หนึ่งกำมือนี่แหละจะช่วยท่านได้
อันนี้ไม่ได้ดูแคลนคนที่ไม่สนใจธรรมะนะครับ

อย่างที่บอกเสมอว่า.. ผมทำได้แค่บอกว่ามีทางเดินอยู่
ใครจะเดินก็ได้ ไม่เดินก็ได้ เราต่างมีชีวิตของตัวเอง

ว่ากันไม่ได้ครับ





Create Date : 03 ตุลาคม 2550
Last Update : 14 ตุลาคม 2550 9:32:08 น. 31 comments
Counter : 2313 Pageviews.

 
หวัดดี blog สวย


โดย: %u0E40%u0E1B%u0E34%u0E49%u0E25 (ApPleNarak999 ) วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:9:26:47 น.  

 
เรื่องนี้เห็นด้วยสุดๆ ง่า เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยรู้จักอะไรที่มันใกล้ตัวมากๆ แล้ว รู้แต่เรื่องไกลตัวง่า


โดย: sanomaru วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:9:28:44 น.  

 
บางทีเรามองอะไรข้ามช็อตไป เรียนรู้ในสิ่งไกลตัว จนลืมเรียนรู้จากสิ่งง่ายๆ รอบตัวไป เลยทำให้คนสมัยนี้เกิดปัญหาได้มากมาย ทั้งๆ ที่วิธีแก้มีอยู่ง่ายๆ แค่เราได้มองอะไรรอบๆ ตัวดูบ้างก็อาจจะช่วยได้เหมือนกันนะคะ


โดย: JewNid วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:9:45:34 น.  

 
แวะมาอ่าน
แล้วก็รู้สึกดี เหมือนเคย

เห็นด้วยว่าทุกวันนี้ผู้คนใส่ใจสิ่งรอบตัว ไกลตัว
และแข่งกันรู้
จนหลงลืมที่จะมองตัวเอง รู้จักตัวเอง

ขอบคุณสำหรับใบไม้หนึ่งกำมือค่ะ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:12:45:56 น.  

 
ขอนั่งใต้ต้นไม้ รับลมเย็นๆ ส่วนใบไม้


เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว พี่ไป HOPF พัทยามา


โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:14:43:19 น.  

 
นึกถึงรายการทางช่องสามอ่ะค่ะ
ที่เอาดารามาแข่งตอบคำถามกับเด็กป.4
ไม่เคยดูหรอกนะคะ ผ่านๆ ตา ผ่านๆ หู
หนูว่าเข้าใจคิดดี
ง่ายๆ แต่ไม่หมูเลย

วันนี้ฟังดนตรีไปอ่านไปรู้เรื่องค่ะ
^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:15:47:03 น.  

 

....อืม

ใบไม้ที่มีอยู่ในมือ แต่เลือกใช้ไม่ถูก
...จะมีไว้ทำไมหนอเรา
emo

มี blog หนึ่งของคุณที่พูดถึงการวิ่งตามความอยาก
อ่านแล้วก็เรียกสติคืนมาได้วูบหนึ่ง...
แล้วมันก็กลับมาอีก...เราก็พยายามห้ามจิต
หยุดมันได้อีกพักหนึ่ง..เผลอประเดี๋ยวมันก็กลับมาอีก ...เฮ้อ
emo
เราเลยต้องปล่อยมันไป เดี๋ยวมันเบื่อมันก็คงไปทำอย่างอื่นเอง ...
emo

n__n


โดย: myouzhny วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:8:14:49 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมนะครับ


ไม่ว่าจะลงชื่อหรือไม่ลงชื่อ
อย่างน้อยตอนนี้ก็มี counter นับ page view

ผมก็พอทราบว่า มีการคลิกมาอ่านกี่ครั้ง

กะว่าถ้าเหลือไม่ถึง 20 ก็จะได้เลิกเขียน 55555

ผมไม่ได้ตอบรายบุคคล อาศัยการกลับไปเยี่ยมท่านที่บล็อคแทน

เว้นแต่บางท่านเขียนถามมา หรือมีประเด็นควรจะตอบ
เช่น myouzhny ที่ไปห้ามจิต
โชคดีนะ ที่ในที่สุดก็สังเกตเห็นว่า มันห้ามไม่ได้หรอก

จิตมีธรรมชาติปรุงแต่ง
คือมันอยู่นิ่งๆ ไม่คิด ไม่หลง ไม่ฟุ้ง ไม่ได้ไม่เป็นครับ

งานของผู้ปฏิบัติ คือการสังเกตนะ
ไม่ใช่การบังคับ หรือปรุงแต่งจิตเสียเอง

สังเกต หรือคอยตามรู้มันลูกเดียวนะ
ลูกอื่นไม่เอา

รู้สองลูกก็ไม่ได้ เพราะจิตมันเกิดทีละหนึ่ง

รู้จนกระทั่งตัวจิตเอง มันยอมรับหมดใจ
ว่าตัวมันเป็นสิ่งที่บังคับไม่ได้ จิตไม่ใช่ "ตัวเรา"
จิต เป็นสิ่งแปรปรวน ไม่คงที่ เพราะมันมีคุณสมบัติ "ทุกขัง" อยู่

คือมันนั่นแหละ คือตัวทุกข์
อันหลังนี่ ผมก็ยังไม่ค่อยเห็นนะ

ผมยังแค่เห็นว่า มันทุกข์บ้าง สุขบ้าง
แต่พระพุทธเจ้า ท่านเฉลยข้อสอบไว้อย่างนั้น

เราก็มีหน้าที่พิสูจน์สิ่งที่ท่านเฉลยไว้ ว่าจริงไหม
ด้วยการคอยหมั่นสังเกต ตามรู้ ตามดู

ไม่ต้องทำอะไรมากกว่าการ รู้ นะครับ
ไม่แก้ไข เมื่อมันหลงไปคิด แค่รู้ทัน

ไม่ต้องห่วงว่ามันจะไม่ดี ไม่สงบ
แค่รู้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันสงบเข้าที่เอง

แต่ถ้าฟุ้งมาก ตามดูไม่ไหว เหนื่อยมาก
ก็เข้าไปพัก ไปรู้ลมหายใจบ้าง

มีแรงแล้วออกมาดูใหม่

อย่าคิดเอานะครับ รู้ เอา


โดย: aston27 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:8:42:49 น.  

 
จริงๆ มี counter มันก็ดีนะค่ะ เพราะทำให้เรารู้ว่ามีคนคลิกเข้ามาอ่านบล็อกเหมือนกัน

เรื่อง Prison Break ดูเหมือนกันค่ะ กำลังรอซีซั่นใหม่ เรื่องนี้น่าติดตามมากๆ แบบว่าพลิกผันตลอดเวลาเหมือนกัน ไม่รู้ว่าคุณแอสตันดูเรื่อง 24 หรือเปล่าค่ะ เรื่องนี้ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กันนะค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:10:58:58 น.  

 


เพลงบรรเลงฟังเบาๆสบายๆ ผ่อนคลายดีจังเลยค่ะ

เรื่องนศ.ป.โทกะคนแจวเรือ เทียบกะมวยแล้วมันคนละรุ่นกัน พิษสงจากหมัดแย็บจึงให้ความต่างอย่างที่เล่า ..

เรื่องรอบตัว ใกล้ๆ ถูกละเลยหลายอย่างเลย
แค่ความรู้พื้นฐานเล็กๆนำไปใช้ปฏิวัติชีวิตประจำวันให้ดีขึ้น ด้วยวิธีง่ายๆ ไม่มีใครรู้
ตอนนี้เค๊าถึงได้คิดสินค้าสำเร็จรูป
ผักผลไม้ที่มีคุณค่า ก้อเอามาแปลเป็นอาหารเสริม แทนที่จะกินสดๆกัน จ่ายแพงกว่า แล้วคิดว่ามันจะดีกว่าของธรรมชาติ

ทำเรื่องง่าย ให้ซับซ้อน อวดโง่หรือฉลาดก้อไม่รู้ คนเราสมัยนี้ ยิ่งจริยธรรม ความเอื้อเฟื้ออ่อนน้อมถ่อมตน เด็กๆสมัยนี้ ยิ่งห่างไกล
เห็นแล้วเศร้า อนาคตของชาติไทย


คลิกมาหลายครั้งแล้วค่า
แต่พึ่งมีโอกาสแจมด้วยตัวอักษร



โดย: ดาวทะเล วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:12:28:39 น.  

 
ระบบการศึกษาไม่ได้สอนทุกอย่าง
ถ้าเด็กไม่รู้ว่าซื้อดอกเข็มที่เซเว่นได้มั้ยก็ไม่น่าโทษการศึกษา
เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้บรรจุอยู่ในตำรา

การจะมีใบไม้สักกำในมือ คงไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในหลักสูตร
มันเป็นหน้าที่ของแต่ละคนที่จะไปขวนขวายหาเอาเอง
อันนี้ก็โทษการศึกษาไม่ได้

แต่ถ้าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมาข้างต้น
มีสาเหตุเพราะการศึกษาทำให้คนหัดท่องจำ มากกว่าหัดคิดเอง
อันนี้ผมยืนยันว่าไม่ควรโทษการศึกษา
แต่ควรเปลี่ยนระบบการศึกษาไปเลยครับ



โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:12:44:14 น.  

 
แวะมาอ่านเรื่องดีๆ ค่ะ
หลังจากลั้นลากับ AF4 และมรสุมงาน



คุณaston คงสบายดีนะคะ




โดย: mint_candy วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:15:32:13 น.  

 
ไม่ได้เข้ามาตอบเสียนาน เหตุผล(แย่มาก) คือ ขี้เกียจล็อกอินค่ะ 555

ตอนนี้กำลังพยายามศึกษาใบไม้หนึ่งกำมืออยู่เช่นกันค่ะ


โดย: Together In 80s Dream วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:16:07:52 น.  

 
หนูตามมาตอบถึงบล็อกเลยแล้วกันค่ะ :)
ขอเรียกตัวเองว่าเด็กได้ป่าวคะ เด็กยุดยา อิอิ
ขนานแท้แต่ดั้งเดิมเลยค่ะพี่
แต่เข้ามากทม.ตั้งแต่เริ่มเรียนม.ปลาย
แล้วก็อยู่มาเรื่อย
รักบ้านเลยกลับแทบทุกเสาร์-อาทิตย์เลย
ยกเว้นไปตะลอนทัวร์หรือรับงานพิเศษเพื่อหาเงินมาเพิ่มห่วงที่พุงอ่ะค่ะ :D
^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:16:11:55 น.  

 
อืม เรื่องราวดี


โดย: tanoy~ตะนอย วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:16:38:34 น.  

 
เคยอ่านเรื่องนักศึกษากับคนแจวเรือเหมือนกันครับ
ส่วนคำว่า ใบไม้หนึ่งกำมือ ก็เพิ่งเคยได้ยินเมื่อไม่นานมานี้เอง

ผมมีคนรู้จักท่านนึงอายุใกล้ 50 แล้วครับแต่ก็ยังมีลูกวัยประถม ถึงเค้าจะงานยุ่งแต่ก็พยายามหาเวลาสอนการบ้านลูกพร้อมสอดแทรกประสบการณ์เพิ่มเติม แบบนี้น่าจะดีนะครับ

ปล.เห็นพี่เอ็ดมีการเล่าถึงเรื่องวิธีการตอบกลับคอมเม้นท์หรือการตามกลับไปเยี่ยมบลอค ขอบอกหน่อยว่าสำหรับผมไม่ต้องอะไรเลยก็ได้นะครับ


โดย: อะไรคือสิ่งหายาก แต่ไม่มีค่า วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:17:48:37 น.  

 


***คิดถึง...จ้า....***

ว๊ะ..อะ..อ๋า..มื้อเย็นนี้หม่ำรายดีหว่า....

ล้อเล่นอ่ะ...น้องหนูออกน่ารักเนอะ

ขอให้มีความสุขในวันศุกร์นะจ๊ะ

....จู๊ฟ...




โดย: %u0E1E%u0E34%u0E21%u0E1E%u0E4C%u0E0A%u0E37%u0E48%u0E2D%u0E02%u0E2D%u0E07%u0E04%u0E38%u0E13%u0E17%u0E35%u0E48%u0E19%u0E35%u0E48%u0E04%u0E23%u0E31%u0E1A (fifty-four ) วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:18:17:03 น.  

 



ดี.อยู่กับน้องที่กำลังเติบโต
มีเรื่องเล่ามาไม่เว้นแต่ละวัน
ส่งผลให้มองเห็นเรื่อง
ความแตกต่างของการศึกษา
ระหว่างรุ่น....ผ่านรุ่น....
พอจะสรุปได้คร่าวๆว่า
มองเห็นอนาคตน้อยลงทุกวัน

เห็นแล้วเหนื่อยนะคะ
แต่ชีวิตยังต้องก้าว...ยังต้องประคองกันต่อ
เท่าที่จะทำได้ค่ะ
ค่อยๆส่งใบไม้ให้น้อง
จากนั้นก็ค่อยๆสอนให้หยิบไม้ไม้ด้วยตัวเอง
ไม่ง่าย
แต่ก็ไม่ยากเกินไป...ต้องค่อยๆทำค่ะ






โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:21:57:18 น.  

 


จากนั้นก็ค่อยๆสอนให้หยิบ "ใบ" ไม้ด้วยตัวเอง

............................










โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:22:02:08 น.  

 

หนี่ฯ เยี่ยมพี่นะคะ
พี่เล่าเรื่องได้ดีค่ะ
แอบบ คิดตาม
แบ้วก๊เป็นอย่างที่พี่หยิบยกมาฝากกัน
ฝันดีนะคะ .. จุ๊บ จุ๊บ


อัพบล๊อก ก๊หนี่ฯ เหงาค่ะ
แอบบ กระซิบนะคะ




โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ ) วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:23:58:30 น.  

 
ชอบจังพี่ เรื่องน่าอ่าน ที่เคยอ่านมาแล้วบ้าง เพลงบรรเลงเพราะๆ เหมาะกับการหลับตาเพื่อพักสายตา

ว่าจะมาคุยเรื่องบอล แต่เอาเหอะ

คราวหน้าแล้วกัลล

วิลล่าดีขึ้นมาเลย


โดย: ไซโคแมน วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:2:17:05 น.  

 
พี่สาวที่เคารพรัก
ให้ใบไม้มาสองใบค่ะ
ในโอกาสรับปริญญา
...
เพื่อเอาไว้ให้ระลึกถึง
ว่ายังมีเรื่องทางธรรมให้ยังได้ศึกษาต่อไป
...
เรื่องราวที่ควรให้ศึกษายังมีอีกมากมาย
ตอนนี้มีทุนอยู่แล้วสองใบ
หากได้เพิ่มเป็นสักหนึ่งกำมือ
คงจะดีแก่ชีวิตไม่น้อยเลยนะคะ


โดย: Serendipity_t วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:18:20:26 น.  

 
ระบบการศึกษาเป็นเพียงแค่
สิ่งที่ถูกร่างถูกกำหนดขึ้นมาเป็นกรอบเท่านั้น
ส่วนกรอบที่ว่านี้มันยืดกว้างได้
และหดแคบลงได้ขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติ
..
เช่นเดียวกับกฏระเบียบข้อบังคับ
ทั้งหลายรวมไปจนถึงกฏหมายกฏหมู่
ไม่ว่าจะถูกเขียนขึ้นมาดีพร้อมเพียงใด
หากไม่ได้มีการนำไปใช้อย่างถูกต้องแล้ว
ก็เป็นเพียงแค่กระดาษเปื้อนหมึกเท่านั้น
..
..
รู้ .. แต่ไม่เข้าใจ
..
..
ด้วยความเคารพค่ะ


โดย: มุมมองของ .. (azamiya ) วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:22:09:01 น.  

 

ขอโทษนะค่ะ

ยินดีและดีใจค่ะที่ได้เห็นคอมเมนต์คุณนะค่ะ
ขอให้มีความสุข
นอนหลับฝันดีนะค่ะ

บางครั้งเราก็ยังสับสนระหว่างความรู้
ทางทฤษฎีย่อมดูดีกว่า
หรือให้เรามีภาคปฎิบัติมากล้น
ย่อมหลุดพ้นได้ดีกว่า

แต่การเรียนรู้มักจะไม่มีที่สิ้นสุดเลยนะค่ะ
เราก็ขอเป็นเพียง..ใบไม้กำมือหนึ่งก็คงพอนะค่ะ





โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:22:34:14 น.  

 
ผมว่า
แต่ละคนรู้มาก รู้น้อย แตกต่างกันไป
ตามสถานภาพ บทบาททางสังคมของตนมากว่าครับ
มันขึ้นอยู่กับว่าใครจำเป็นต้องใช้ความรู้แบบไหน อย่างไร
ในแต่ละกาละ เทศะ
ที่ต่างๆกันไป
ก็เท่านั้นเอง


โดย: กุมภีน วันที่: 8 ตุลาคม 2550 เวลา:15:24:16 น.  

 
แวะมาทักทายก่อนอาหารเที่ยงค่ะ..
มีความสุขมากๆๆนะค่ะ





โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:11:32:21 น.  

 
คุณป้าดินระเบิดรายงานตัวค่ะ

วันที่เดินทางกลับจากพัทยา

คุณพี่คนขับรถเขาเปิด fat bottommmmm...

แถมบอกว่า เพลงนี้ผมมอบให้คุณ

พี่ก้อเลยมีเพลงใหม่มาขอคุณเอ็ดนอกจาก ด๊าวววถาวววว


โดย: แหม๋ว ณ.โอเซกิ :) (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:12:17:31 น.  

 
โธ่พี่แหม๋ว.. ผมเพิ่งเปิดไปอาทิตย์ที่ผ่านมาเอ๊ง...

สงสัยจะไม่ได้เปิดอีกพักใหญ่ๆ อิอิอิอิ


สวัสดีครับ อาจารย์เข้

อาจารย์พูดถูกแล้วครับ

ไอ้ที่ผมเขียนถึง มันเป็นการเปรียบเปรย
ระหว่างความรู้ทางโลก กับทางธรรมน่ะครับ

แต่เห็นต่าง คิดต่างกับผมได้ ด้วยความยินดีครับ


โดย: aston27 วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:21:39:31 น.  

 
การศึกษาทางโลกกับการศึกษาทางธรรม...

ในความเห็นผมควรต้องศึกษาให้เข้าใจควบคู่กันไปนะครับ ทางโลกจะรู้อะไร จะใช้ประโยชน์อะไร นั่นก็เป็นเรื่องที่ไขว่คว้ากันเอาเอง

ตอบไม่ได้ว่ารู้มากแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือรู้น้อยแล้วใช้ประโยชน์ได้มากกว่า ขึ้นอยู่กับว่ารู้ถูกเรื่องหรือเปล่า

ในทางตรงกันข้าม การศึกษาทางธรรม เรามักไม่รู้อะไรเลย นอกเสียจากคนที่ตั้งใจศึกษาและปฏิบัติกันเอง ซึ่งก็น้อยนักที่จะมีคนตั้งใจศึกษาจริงๆ เพราะเดี๋ยวนี้ทางธรรมก็มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการปั๊มจตุคามบ้าง การสร้างวัตถุบ้าง

มีวัดใหญ่แห่งนึง มาบอกบุญผมเมื่ออาทิตย์ก่อนทำนองว่า ถ้าชาตินี้ทำบุญมาก ชาติหน้าก็จะได้เป็นอภิมหาเศรษฐี เอ้อ.....

ไปๆมาๆจนตอนนี้ แทบจะหลงลืมเรื่องใบไม้ 1 กำมือนี้ไปหมดแล้ว เพราะมัวแต่วนรอบเปลือกมันเท่านั้น


โดย: Tony KooN (tk_station ) วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:23:39:40 น.  

 
พูดยากเหมือนกันครับ คงจะสรุปว่าการยึดติดกับวุฒิการศึกษาทำให้เราคิดว่าคนเรียนสูงรู้ทุกอย่าง ความจริงไม่ใช่การศึกษาคือการทำให้คนมีความรู้แบบแบ่งแยกส่วนเพื่อเป็นการตอบสนองต่อระบบตลาด คนจบปอสี่อาจจะมีความรู้ทางธรรมะยิ่งกว่าด็อกเตอร์ก็ได้


โดย: Johann sebastian Bach วันที่: 13 ตุลาคม 2550 เวลา:14:05:41 น.  

 
โทนี่ คูณ และคุณโยฮานน์ บาค

ขอบคุณที่แวะมาครับ

ประเด็นที่คุณโยฮานน์ว่ามา เห็นด้วยครับ



โดย: aston27 วันที่: 14 ตุลาคม 2550 เวลา:9:27:30 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.