|
ฉันรักเธอ... ในแบบที่เธอเป็น
พาดหัวไว้แบบนั้น.. หลายท่านคงมาปูเสื่อรออ่านเรื่องความรัก แต่ต้องขออภัย เพราะวันนี้ไม่ได้มาด้วยวัตถุประสงค์นั้น
หากจะมาเล่าเรื่องของผู้ชายคนหนึ่ง .. ที่จะมีวันคล้ายวันเกิดปีที่ 57 ในวันพรุ่งนี้ 9 พ.ค.
เขามีชื่อจริงๆเต็มๆ ว่า.. William Martin Joel วิลเลี่ยม มาร์ติน โจล
ผู้ชายคนนี้ ผมรู้จักประวัติเขาผ่านบทเพลงที่เขาแต่งและร้อง อย่าง Piano Man, New York State Of Mine ฯลฯ
เขาเกิดในครอบครัวอเมริกันเชื้อสายยิว พ่ออพยพมาจากเยอรมัน แม่เป็นยิวจากอังกฤษ โตมาจากย่าน Bronx และ Long island ในนิวยอร์ค
ชีวิตวัยเด็ก ค่อนข้างโชกโชน หลังจากพ่อแยกทางกับแม่และกลับไปอยู่ในยุโรปตะวันออก ทิ้งให้แม่ดูแลเขาตามมีตามเกิด
ความโชคดีของเขา อยู่ตรงที่ เขามีความสนใจชนิดลุ่มหลงให้กับสองสิ่งคือ กีฬาชกมวย และการเล่นเปียนโน
เขาเป็นนักมวยฝีมือดี จนกระทั่งโดนต่อยจมูกจนดั้งหักในการชกครั้งหนึ่ง และบวกกับการได้เห็น the Beatles มาบุกอเมริกาชนิดราบคาบ ในรายการทีวีชื่อ Ed Sullivan's โชว์
(ใครนึกรายการนี้ไม่ออก ให้นึกถึง Twilight SHow หรือ ตีสิบ อะไรพวกนี้ครับ แต่เขาจะเน้นที่นักร้องเยอะหน่อย)
เขาเลยตัดสินใจหันชีวิตไปเอาดีทางการเป็นนักดนตรี เริ่มจากเล่นดนตรีตามผับ หัวหกก้นขวิด กับอาชีพนี้อยู่หลายปี เจอปัญหาทั้งเรื่องออกอัลบั้ม แล้วขายไม่ได้ เซ็นสัญญาทาส โดยไม่รู้ตัว ทะเลาะกับเพื่อนคู่หู เพราะดันไปกิ๊กกับภรรยาของเพื่อน
ที่สุดแล้วชีวิตเลยหดหู่ เกิดอาการซึมเศร้า และเคยพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกินน้ำยาเคลือบเงาเฟอร์นิเจอร์
เดชะบุญพระเจ้าจอร์จทอดกล้วยมาช่วยไว้ทัน
เขาต้องเข้าบำบัดสภาพจิตใจในสถานบำบัดอยู่ระยะหนึ่ง กว่าจะออกมาตั้งต้นชีวิตใหม่ ค่อยลองผิดลองถูกกับการทำอัลบั้ม จนมาแจ็คพ็อตแตก กับอัลบั้มชื่อ the stranger ที่มีเพลงฮิตระดับ เพลงยอดเยี่มแห่งปี จากรางวัลแกรมมี่
ผมสนใจประวัติเขา เพราะเพลงฮิตเพลงนี้แหละครับ เพลงที่คนส่วนมากที่ผมรู้จักจะร้องตามได้ อย่างน้อยก็หนึ่งประโยค
นั่นคือประโยคที่ว่า "I love you just the way you are"
เนื้อเพลงเต็มๆ เขาว่าอย่างนี้ครับ
Don't go changing, to try and please me You never let me down before Don't imagine you're too familiar And I don't see you anymore
เขาบอกว่าอย่าพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพียงเพื่อเอาใจเขา
ไม่ได้บอกว่าห้ามเปลี่ยนเลยนะครับ เพราะบางทีถ้าเปลี่ยน เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เข้าใจกันมากขึ้น อันนั้นก็ยังควรจะเปลี่ยนบ้าง
ผมตีความเอาว่า เขาหมายถึงการเปลี่ยนตัวคุณให้เป็นในแบบที่ผู้มักจะคิดว่า ผู้ชายจะชอบ เคยใส่สีดำๆ แล้วมาใส่สีชมพู เคยใส่เสื้อยืด แล้วมาใส่เดรสชีฟอง เคยแต่งตัวตามสไตล์ตัวเอง แล้วไปแต่งตามสมัยนิยม
แบบนั้นมันเสีย identity และเพียงแค่เปลี่ยนให้คนๆนึง ดูเหมือนผู้หญิงอื่นๆส่วนใหญ่มากขึ้น เท่านั้นเอง
I wouldn't leave you in times of trouble We never could have come this far I took the good times, I'll take the bad times I'll take you just the way you are
อันนี้เป็นคำสัญญา ช่วงโปรโมชั่นครับ อย่าคิดมาก ไม่มีใครมาจีบเราแล้วบอกว่า.. ฉันจะอยู่กับเธอเฉพาะเวลาที่เธอมีความสุข เวลาเธอมีทุกข์ ฉันจะไปอยู่ห่างๆนะ ..
Don't go trying some new fashion Don't change the color of your hair You always have my unspoken passion Although I might not seem to care
อันนี้คล้ายๆกับย่อหน้าแรกครับ
I don't want clever conversation I never want to work that hard I just want someone that I can talk to I want you just the way you are.
อันนี้ไม่ตรงกับผมเท่าไหร่.. เอาล่ะ.. จริงอยู่ ว่าบทสนทนาที่คมคาย หรือแสดงภูมิอันสูงส่งอาจจะไม่จำเป็นกับการดำรงชีวิตของมนุษย์สองเท้า
แต่บางที ถ้าเขาทำให้ผมรู้สึกว่า เขารอบรู้ในเรื่องที่ผมไม่รู้ คิดออกในเรื่องที่ผมคิดไม่ออก ฉลาดพูด ในเรื่องที่คนอื่น อาจจะพูดแล้วผมขุ่นใจ แต่เธอพูดแล้ว ผมรู้สึกว่า เธอจะบอกกล่าวอะไร ด้วยความรัก และเข้าใจผม
ผมถึงเคยตั้งสเปคผู้หญิงเอาไว้เสมอ ว่าผมชอบคนฉลาด
แต่ไม่ต้องถึงกับพกสารานุกรมติดตัวเวลาคุยกันหรอกน่า
I need to know that you will always be The same old someone that I knew What will it take till you believe in me The way that I believe in you.
อันนี้เป็นความคาดหวังปกติ ของคนมีแฟน คืออยากให้แฟนเป็นแบบนี้ น่ารัก แสนดีเหมือนช่วงโปรโมชั่นจีบกันใหม่ๆไปนานๆ แต่ชีวิตจริงนี่ มันมีความไม่แน่นอนสูงมากนะครับ
สิ่งที่ดีกว่าการคาดหวัง คือการเข้าใจ และยอมรับข้อจำกัดของอีกฝ่าย อย่างน้อยเราต่างก็เป็นมนุษย์ ที่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นปกติ ทั้งด้วยสภาพร่างกาย และความคิด
I said I love you and that's forever And this I promise from the heart I could not love you any better I love you just the way you are.
ผมเคยบอกน้องท่านนึงว่า.. บางทีคนเรามีนิยามความรัก ไม่เหมือนกัน
คนๆนึง พูดว่า "ผมรักคุณ" อาจจะมีความหมายว่า.. "ฉันหวังว่าเธอจะเป็นของฉันคนเดียว มีความสุขที่ได้เป็นแฟนฉัน"
บางคนมีความหมายว่า "ฉันอยากเห็นเธอมีความสุข ไม่ว่าจะกับฉันหรือกับใคร"
บางคนแค่มีความหมายว่า "ฉันอยากมีอะไรกับเธอ" ก็มีนะครับ
"รัก" ของคนๆนึง จึงอาจต่างกับ "รัก" ของคนอื่น ได้ด้วยประการฉะนี้..
ตอนที่อ่านประวัติของเขาแล้วผมก็ตกใจ .. นึกเล่นๆว่า ถ้าเขาใช้วิธีที่ได้ผลกว่านั้น ในการฆ่าตัวตาย โลกนี้คงขาดเพลงดีๆไปอีกหลายเพลง
โดยเฉพาะเพลงที่คุณผู้หญิงช๊อบ ชอบ กันที่ผมพูดถึง
ผมลองนึกเล่นๆต่อไปว่า.. ถ้าเขารู้ล่วงหน้า ว่าชีวิตเขาวันนึง จะรุ่งโรจน์โชติช่วง ขนาดได้รางวัลเกียรติคุณดีเด่น Lifetime Achievement Awards ของอเมริกา
ถ้าเขารู้ว่าเขาจะขายอัลบั้มได้นับสิบล้านชุด มีเพลงฮิตเยอะแยะ มีอัลบั้มอันดับหนึ่งหลายชุด
เขายังจะคว้าไอ้ขวดน้ำยานั่นมากรอกปากอยู่ไหม ..คงไม่..
เขาถึงพูดกันเสมอ.. ว่า.. คนเรานะ.. เสียอะไรเสียได้ เสียเงินเสียทอง เสียบ้าน เสียรถ เสียงาน เสียคนรัก เสียอะไร.. ก็หาใหม่ได้ทั้งนั้น ..
แต่อย่าเสียกำลังใจ..
เพราะกำลังใจคือสิ่งที่จะทำให้เราเดินต่อไป คือสิ่งที่จะทำให้เราใช้ชีวิตให้ดี ให้เต็มศักยภาพที่เรามี
โอกาส.. มีอยู่เสมอ สำหรับคนที่ให้โอกาสตัวเอง
เหมือนกับผู้ชายคนนี้.. คนที่เรารู้จักชื่อเขาว่า "Billy Joel"
Create Date : 08 พฤษภาคม 2549 |
Last Update : 8 พฤษภาคม 2549 9:07:26 น. |
|
11 comments
|
Counter : 2815 Pageviews. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:9:40:25 น. |
|
|
|
โดย: ซออู้ วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:04:43 น. |
|
|
|
โดย: pp_kard วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:27:43 น. |
|
|
|
โดย: run to me วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:04:42 น. |
|
|
|
โดย: LittleTiger วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:41:31 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 9 พฤษภาคม 2549 เวลา:1:18:41 น. |
|
|
|
โดย: run to me วันที่: 9 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:47:40 น. |
|
|
|
โดย: ป้าปูเป้ IP: 58.8.169.47 วันที่: 9 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:11:54 น. |
|
|
|
โดย: Walkerahead IP: 124.121.175.239 วันที่: 28 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:30:14 น. |
|
|
|
| |
|
|
ถ้าผู้หญิงคนนึงปากจัด เอาแต่ใจตนเอง ฯลฯ ผู้ชายคนนั้นจะรักเธอแบบที่เธอเป็นไหม
เอาเข้าจริงในความรักต้องมีคนใดคนนึงยอมเปลี่ยนเพื่ออีกคนเสมอ