ฮ่องกง อึ่มเซ็กก๋อง โหวเส็ก
อย่างที่เคยเกริ่นไว้ในใบลา ว่าไปประชุมที่ฮ่องกงครับ เอาเข้าจริงๆ ก็เหมือนประชุมครึ่ง เที่ยวอีกครึ่ง วันแรกไปถึงก็บ่ายสาม คุยงานย่อยๆรอบนึง ก็ค่ำพอดี ได้เดินดมๆๆฮ่องกง นิดหน่อย วันที่สองกับสาม หนักไปทางฟังบรรยายเรื่องโน้นเรื่องนี้ เรื่องสินค้าใหม่ เทคโนโลยีใหม่ เรื่องกรณีศึกษาของประเทศต่างๆ เรื่องผลงานของแต่ละทวีป เรื่องกฏหมายที่ควรระวัง วันแรกจบด้วยโต๊ะจีนมื้อใหญ่ที่โรงแรม ซึ่งเล่นเอาฝรั่งงง เพราะปกติอาหารฝรั่งเขามีแค่ 3-4 อย่าง คือออเดิร์ฟ หรือของเรียกน้ำย่อย แล้วก็เมนคอร์ส ตบด้วยของหวาน มาเจอโต๊ะจีนที่เสริฟชุดใหญ่ แปดจานรวมหูฉลามนี่ เขาอึ้งนะครับ ว่าคนเอเชียทำไมทานเก่งอย่างนี้ 5555 วันที่สามนี่เขาบรรยายแค่ครึ่งวัน อีกครึ่งวันมีออกรอบตีกอล์ฟ ซึ่งผมตีไม่เป็นครับ ผมเด็กบ้านนอก ตอนเด็กๆเล่นแต่โดดหนังยาง ตี่จับ หมากเก็บ แล้วเขาเรียกอะไรนะ ไอ้ที่ขีดๆตารางไปบนพื้นแล้วกระโดดเหยียบขาเดียว ไปๆมาๆน่ะ ไฮโซสุดก็ตีแบด เตะบอล 555 เขามีจัดทัวร์ฮ่องกงให้ไปเรือมังกรจับโบ้ ไปอ่าวอเบอร์ดีน ตลาดแสตนลีย์ ไปนั่งรถกระเช้า ปรากฏทีมผมต้องอยู่ประชุม เสร็จแล้ว เลยต้องไปทานมื้อเที่ยงเอง ที่ร้านบะหมี่ใกล้ๆ ต้องเรียกว่าเป็น typical noodle shop ของฮ่องกง เส้นบะหมี่เขาเล็กแต่เหนียว อร่อยมากครับ ผมซัดไปสองชาม ถ้าไปฮ่องกงไม่รู้จะสั่งอะไร สั่งพวก "วันตันหมี่" คือหมี่เกี๊ยว (ไม่ใช่หมี่หนึ่งตันนะ) ไม่น่าผิดหวังนะครับ แล้วทุกร้านจะมีผัดผักเรียกว่า "ฉ่อยซ๊าง" อร่อยอีกเหมือนกัน กว่าจะได้ประชุมจริงๆคือวันที่ 4 ครับ ที่เขานัดคุยแยกของแต่ละประเทศ ก็เจรจาๆๆๆ ต่อรองๆๆๆ จนหาจุดที่เป็น win win เจอ ก็ชั่วโมงกว่าๆ หลังจากนั้น นายแอสตัน ก็เป็นอิสระจากงานทั้งปวง ก็เดินสำรวจย่านโรงแรมที่พัก เขาเรียก คอสเวย์เบย์ Causeway Bay พบว่าเป็นแหล่งเดินของวัยรุ่นเหมือนสยามสแควร์ แต่ไม่ไฮโซเหมือนสยามปลาร้าก้อน กลุ่มที่มาเดินค่อนข้างเป็นเด็ก หนุ่มสาว ผมเดินแถวนั้นก็ประมาณไปเดินเซนเตอร์พอยด์ยังไงยังงั้น ถ้าอยากไฮโซต้องไปฮาร์เบอร์ซิตี้ ไปเดินถนนแคนตัน ที่มีร้านแบรนด์เนมเรียงกันตั้งแต่กุซชี่ เฟอร์รากาโม หลุยส์วิตตอง ฯลฯ หรืออย่างวันสุดท้ายที่เดินที่ IFC Mall ก็คือสยามปลาร้าก้อนเราดีๆนี่เอง ฮ่องกงมีสองร้านที่ผมอยากให้มาเปิดในกรุงเทพจริงๆ คือ HMV และ IKEA ผมไปเสียเงินเยอะที่ HMV เพราะราคาถึงจะไม่ถูกกว่ากรุงเทพ แต่ของเยอะกว่า โดยเฉพาะ DVD บ้านเราโดยเฉลี่ยถือว่าถูกกว่า เพียงแต่บางเรื่องบ้านเราไม่มีขาย เช่นหนังของฮายาโอะ มิยาซากิ แห่งสตูดิโอกิ๊บลี มีขายในราคา 490 บาท หรือมีก็มีแต่แผ่นผี หรือไม่ก็คุณภาพไม่ค่อยดี เช่นหนังเกาหลีอย่าง A Moment To Remember หรือ Il Mare ผมดันลืมซื้อหนังเรื่อง Cinema Paradiso มาด้วย เพราะเมืองไทยก็ไม่มีของแท้เหมือนกัน ผมนั่งรถไฟใต้ดินไปย่าน เจียมซาจุ่ย ไปถนนนาธาน ที่คนไทยชอบไปซื้อกล้องถ่ายรูป มือถือ ที่ร้าน "อากี" อากี แกเพิ่งย้ายร้านไปอยู่ในซอยถนน Carnarvon นะครับ ถ้านั่งรถใต้ดินลงที่สถานี เจียมซาจุ่ย ให้มองหาทางออก D2 โผล่ปุ๊บจะเห็นร้านใหม่ของ อากี มีภาษาไทยเขียนหน้าร้านว่า "อากีอยู่ที่นี่" กล้องถ่ายรูปที่ร้านแกก็ไม่ได้ถูกที่สุดนะครับ เท่าที่สำรวจราคาแถวนั้น แต่เข้าใจว่า แกพูดไทยคล่องปรื๋อ หนึ่ง สอง แกไม่เคยมีประวัติต้มคนไทย ประเภทของ พันสอง หลอกขาย สองพัน หรือเอาของเทียมมาขายแล้วบอกของแท้ ทีแรกผมอยากได้ canon IXY 800 แต่ผมไปนั่งคุยๆ แล้วก็ไม่ได้ซื้อครับ ส่วนนึงเพราะมีกล้อง SLR อยู่แล้ว เลยซื้อ XD memory card 1 GB มาแทน อีกส่วนเพราะซื้อไปเยอะแล้ว แฮ่.... จากร้านอากี เดินทัวร์ถนนนาธานไปจนถึงสถานีนาธาน แล้วนั่งรถเมล์ไปย่าน หม่งกก ไปเดินตลาดนัดแบกะดิน แล้วกลับมาทานข้าวหมูย่าง หมูแดง แถวที่พัก อร่อยอีกตามเคย อาหารจานเดียวที่นั่นตกราคาเกือบ 150 บาทนะครับ วันสุดท้าย ไปทานโจ๊กไข่เยี่ยวม้าหมูเส้น ที่หน้าโรงแรมมาร์โคโปโล ชื่อร้าน Happy Garden Noodle อร่อยมากนะครับ ใครได้ไปฮ่องกง อันนี้ผมแนะนำ เป็นอย่างยิ่ง ปิดท้ายก็ไปเสียเงินให้ร้าน Lane Crawford ที่ IFC Mall เพราะเขามีโซนขาย CD ที่เก๋มาก คือทำเป็นเคาน์เตอร์ยาวๆ แล้วมีชั้นโชว์ซีดีด้านหลัง มีที่นั่งหน้าเคานเตอร์ มี iPod พร้อมหูฟังอย่างดีให้คุณนั่งเลือกฟังอะไรก็ได้ เขาโหลดลง iPod ให้หมดแล้ว พอดี เขาไม่ให้ถ่ายรูป เลยไม่มีรูปปลากรอบ มีคำแนะนำว่า ถ้าคุณไปฮ่องกง ตอนจะออกจากสนามบิน ให้ซื้อตั๋ว Octopus เป็นเหมือน Smart Purse บ้านเราน่ะครับ บัตร 300 เหรียญฮ่องกง คิดเป็นเงินไทย เกือบๆ 1500 แต่ขากลับคุณมารับค่ามัดจำบัตรคืนได้ 50 เหรียญ ที่เหลือคุณใช้นั่ง Airport Express รถไฟด่วนเข้าเมืองไปกลับ ได้ 1 รอบ แต่นั่ง MRT รถไฟใต้ดินได้ฟรีไม่จำกัดจำนวน เป็นเวลา 3 วัน รถเมล์ รถราง ผมไม่แน่ใจว่าใช้ได้ฟรีด้วยไหม แต่มีเครื่องรับบัตรแน่ๆ ใครที่ไปอยู่เกิน 3 วัน แบบผม มีเทคนิคบอกให้ครับ คือพอเกิน 3 วัน บัตร Octopus คุณจะมีมูลค่าเป็นศูนย์ นั่งรถใต้ดินไม่ได้ ให้คุณไปเติมเงินที่เครื่องเติมเงินของบัตร ซึ่งจะมีอยู่ในสถานี MRT ใหญ่ๆ เติม 50 หรือ 100 เหรียญก็ได้ แล้วคุณจะใช้บัตรนั้นขึ้นรถใต้ดินฟรีตลอดสาย ไม่จำกัดจำนวน โดยเงินในบัตรยังอยู่ครบ ไปขอ Redeem ได้ที่สนามบิน การเติมเงินมันเป็นการ re-activate บัตรเท่านั้นเองครับ เขียนยาวมากไปหน่อย ขออภัยนะครับ แต่ยังไม่จบ ไว้ต่อตอนหน้านะครับ
Create Date : 29 ตุลาคม 2549
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2549 23:25:39 น.
18 comments
Counter : 1903 Pageviews.
โดย: K IP: 58.8.189.17 วันที่: 30 ตุลาคม 2549 เวลา:10:07:59 น.
โดย: ป้าปูเป้ IP: 58.8.172.251 วันที่: 30 ตุลาคม 2549 เวลา:14:22:44 น.
โดย: sunny IP: 203.150.233.178 วันที่: 30 ตุลาคม 2549 เวลา:19:23:03 น.
โดย: ป้าปูเป้ IP: 58.8.175.180 วันที่: 30 ตุลาคม 2549 เวลา:21:43:36 น.
โดย: aston27 วันที่: 31 ตุลาคม 2549 เวลา:8:15:29 น.
โดย: Q.NUH วันที่: 31 ตุลาคม 2549 เวลา:21:13:04 น.
โดย: sunny IP: 203.150.233.178 วันที่: 31 ตุลาคม 2549 เวลา:21:26:50 น.
โดย: aston27 วันที่: 31 ตุลาคม 2549 เวลา:23:37:24 น.
โดย: แพ็ท IP: 222.123.106.15 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:38:48 น.
โดย: ดำรงเฮฮา วันที่: 5 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:36:00 น.
โดย: แดง IP: 203.150.117.152 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2549 เวลา:12:31:03 น.
โดย: โบตั๋น IP: 125.26.4.94 วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:15:00:24 น.
โดย: O IP: 116.58.231.242 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:41:32 น.