|
ก้อนทุกข์ก้อนนั้น

ไม่ได้จะมาเล่าเรื่องของโรส ที่ร้องเพลง ก้อนหินก้อนนั้น ไม่ได้จะมาพูดถึงพี่ดี้ คนที่เขียนเนื้อร้องเพลงนี้
เป็นแต่เขียนตอบคอมเมนท์ของคุณตู่ไป ในบล็อคที่แล้ว แล้วรู้สึกว่ามันน่าจะเอามาใส่ไว้ในบล็อคใหม่เลย
บล็อคนี้จะเป็นบล็อคที่ 201 แล้วครับ ที่ผมเขียน ส่วนมากถ้าอ่านมาตั้งแต่แรก ผมจะชอบพูดเรื่องพุทธในแง่มุมต่างๆให้ฟัง
เพราะผมเป็นคนโชคดี ที่มีครูดี มีกัลยาณมิตรที่ดี ได้รู้ได้เห็น ได้รู้จักว่า ศาสนาพุทธโดยเนื้อแท้ เป็นอย่างไร
แต่เชื่อไหม ตลอดชีวิตผมเคยเรียนโรงเรียนที่เป็นพุทธแค่สี่ปี นอกจากนั้น ผมโตมาในโรงเรียนคริสต์มาตลอด เรียนรู้จักการเข้าโบสถ์ ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า เรียนพระคัมภีร์ ฯลฯ
ครั้งนึงผมเคยนึกลองใจพระเจ้าเล่น ว่าถ้าท่านอยากให้ผมเปลี่ยนศาสนา ลองมาคุยกับผมสิ
อันนั้นเป็นวิธีคิดห่ามๆ แบบเด็กๆนะครับ เพื่อนๆชาวคริสต์โปรดอย่าเข้าใจว่าผมมีเจตนาร้าย
แต่ท่านก็ไม่มา ผมก็เลยนึกเอาว่า ท่านคงมองเห็นว่า ผมจะไปทำให้ศาสนาท่านป่วนเสียเปล่าๆ 
แต่ผมมาเรียนรู้เอาในภายหลังว่า.. คนขี้สงสัยแบบผม ไม่เหมาะจะเป็นชาวคริสต์ เพราะผมเป็นคนไม่ชอบการเอาศรัทธานำหน้า ผมจะเผชิญหน้ากับศาสนาด้วยคำถามว่า .. ทำไม ทำไม ทำไม และทำไม
แล้วผมก็ใช้ชีวิตด้วยความประมาทไปเรื่อยๆ ด้วยความทะนงในความฉลาด ความดี ความแสนรู้ของตัวเอง
จนลืมไปว่า แสนรู้นี่ เขาเอาไว้ใช้กับหมา..
วันนึง.. ผมเกิดจับผลัดจับผลู ไปตั้งคำถามกับชีวิตขึ้นมาอีกว่า.. เฮ้ย.. คนเราเกิดมานี่ ทำยังไงมันถึงจะไม่มีทุกข์ มันมีทางไหม ที่จะมีสุขถาวร ไม่ใช่สุขๆทุกข์ๆ สุกๆดิบๆ
ทำยังไงชีวิตมันถึงจะดีขึ้นๆ ทุกข์น้อยลงๆ
ก่อนหน้านี้ ผมเป็นคนชอบสวดมนต์อย่างเดียว นั่งสมาธิบ้างนิดหน่อย ไปทำบุญบ้าง ตามโอกาส ก็เหมือนคุณๆ ทั่วๆไปแหละ
พอผมมีคำถามแบบนั้น.. ผมก็เริ่มอธิษฐานว่า ถ้าผมเป็นคนมีบุญพอ ถ้าผมทำความดีอะไรมามากพอ ผมขอให้มีช่องทางให้ผมได้เข้าใจความหมายของบทสวดที่ผมสวดอยู่บ่อยๆนี่ด้วยเถอะ
กายานะขันโธ เวทนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขารขันโธ วิญญานะขันโธ
กุสลาธัมมา อกุสลาธัมมา เหตุปัททะวา.. อะไรเนี่ย
อันนี้ จริงเท็จประการใด โปรดใช้วิจารณญาน เพราะหลังจากนั้นไม่นาน ผมก็เริ่มรู้จักใครบางคน ที่บอกผมว่ามีสอน วิปัสสนาที่นั่นที่นี่
ผมก็เริ่มไปเรียน ไปลอง ผิดบ้าง ถูกบ้าง
ผมใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่หลายปีนะครับ กว่าจะเจอครูบาอาจารย์ที่.. ถูกใจใช่เลย
มะงุมมะงาหราอยู่นาน เกือบสิบปี กว่าจะได้คำตอบที่แน่ใจ ว่าผมเดินถูกทางแล้ว
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบในศาสนาของพระพุทธเจ้าคือ ท่านไม่ได้เริ่มสอนด้วยการบอกว่า..
จงมาเชื่อเราเถิด จงมาศรัทธาในตัวเรา จงมากราบไหว้เรา แล้วเราจะนำทางท่านไปสวรรค์ ไปนิพพาน..เปล่าเลย
ท่านเป็นศาสดาที่ "แนว" มาก ท่านเป็นพวก Alternative ด้วยการบอกว่า.. อย่าเชื่อตถาคต แต่ธรรมะของตถาคตนี่ ท่านจงเอาไปทดลองทำตามวิธีที่ตถาคตบอก แล้วค่อยตอบตัวเอง ว่ามันใช่ หรือไม่ใช่
ท่านเป็นศาสดาที่บอกว่า.. การเดินตามท่านไม่ได้ประโยชน์เท่ากับ.. เดินตามคำสอนของท่าน
เป็นศาสดาที่บอกว่า.. ตถาคตเป็นแค่คนบอกทาง แต่พวกเธอต้องเดินเอง
ท่านไม่เคยบอกว่า.. ถ้าเป็นพุทธแล้ว ห้ามกราบไหว้อะไร ห้ามไปยุ่งกะศาสนาอื่น เข้าโบสถ์ไม่ได้
ท่านเพียงแต่บอกว่า.. ไม่มีศาสนาไหนสอนให้เข้าใจเรื่องอริยสัจจ์ สี่ แบบที่ท่านสอน
ไม่มีใครแจกแจงต้นสายปลายเหตุ และบอกความดับของการเวียนว่ายตายเกิดแบบที่ท่านทำ
การปฏิบ่ง ปฏิบัติธรรม ที่พูดๆกัน จุดเริ่มต้น คือการทำความรู้สึกตัว ทำเท่านั้น ไม่มีอะไรมากมาย ทำเนืองๆ ทำบ่อยๆ แล้วจะเกิดสติ เมื่อเกิดสติตัวจริง อันประกอบด้วยสมาธิ ก็จะสะสมสิ่งที่เรียกว่าปัญญา สะสมมากเข้าๆ ปัญญาตัวนี้ก็จะทำให้เรา "แจ้งในอริยสัจจ์"
ถามว่า ผมแจ้งหรือยัง ยังครับ แต่ทำแล้วผมได้คำตอบ ได้ความเข้าใจเรื่อง "ทุกข์"
"ทุกข์" เป็นธรรมตัวแรก ในอริยสัจจ์ สี่ ที่พระพุทธเจ้าสอน เป็นธรรมที่พื้นๆ ใกล้ตัว แต่สำคัญมาก เพราะถ้ารู้จัก เข้าถึง เข้าใจทุกข์ จริงๆ คุณก็ใกล้มรรคผล นิพพานแล้ว
วิธีการเข้าใจทุกข์ ภาษาแขกเขาเรียกว่า "วิปัสสนา" ครับ เครื่องมือของ วิปัสสนา เขาเรียกว่า "สติ"
ผมตอบคอมเมนท์ของน้องตู่ ในบล็อคก่อนว่า
"ง่า... สตินี่ เพ่งเอาไม่ได้นะครับ สติเป็นเครื่องมือของวิปัสสนา
แต่เพ่งเมื่อไหร่ มันจะเป็นการบังคับจิตให้จดจ่อกับอะไรอย่างนึง
มันเป็นเรื่องของสมถะไป จิตจะนิ่งๆ แต่เพ่งมากๆ (จิต)มันจะไม่นุ่มนวล จะแข็งๆ ทื่อๆ (จิตที่ฝึกมาดีในทางพุทธ คือจิตที่นุ่มนวล อ่อนโยน ว่องไว ปราดเปรียว มีกำลัง ไม่ซึมๆ ทื่อๆ)
เบื้องต้นถ้าไม่สบายใจ ไปทำอะไรก็ได้ ให้สบายใจก่อน
อยากดูหนัง ชอบดูหนัง ไปดูหนัง อยากฟังเพลง ชอบฟังเพลง ไปฟังเพลง (อยากกินของอร่อย กิน)
พอจิตสบาย คลายตัวแล้ว ค่อยเริ่มดู ดูสบายๆ ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องบังคับ ไม่ต้องเพ่ง
เห็นว่ามันเป็นยังไง ก็รู้ไปเท่านั้น ถ้าไม่ไปอยากได้ อยากทำอะไร (ทุกข์)มันก็จะแสดงไตรลักษณ์ให้เราเห็น
ว่ามันก็เป็นแค่ธรรมชาติอย่างนึงในโลก เหมือนฟ้าครึ้มฝน แล้วก็ตก แล้วก็หยุด หยุดแล้วฟ้าก็ค่อยๆสว่าง
ถึงบอกเสมอว่า .. จิตตก ก็เรื่องของจิตมัน ไม่ใช่เรื่องของเรา แต่ที่เราทุกข์ เพราะเรายังยึดถือว่าจิตเป็นตัวเรา พอจิตมันทุกข์ มันตก เราก็ไปแบกความรู้สึกนั้นมาด้วย
เหมือนเรามีลูก พอลูกไม่สบาย ไอ้คนที่ทุกข์ยิ่งกว่าลูกเอง คือพ่อแม่นั่นแหละ
ทั้งๆที่ ทุกข์จากความเจ็บป่วยนั้นเป็นของลูก ไม่ได้เกิดที่ตัวพ่อแม่
แต่พ่อแม่มีความยึดถือ ว่าเด็กคนนี้เป็นของเรา ทุกข์นั้นก็เลยมาเกิด เพราะความยึดถือนั้นเอง "
ถ้าคุณเคยอ่านนิยายกำลังภายใน คุณคงจำได้ว่า.. ศัพท์นึงที่เขาใช้กันเสมอคือ.. สูงสุดคืนสู่สามัญ
กระบวนท่าที่เยี่ยมยุทธที่สุด คือ ไร้กระบวนท่า
การปฏิบัติธรรม หรือวิปัสสนา ในความหมายนี้ ก็เหมือนกัน สิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะได้เรียนรู้ ก็คือสิ่งที่อยู่กับเรา ทุกวัน ทุกลมหายใจ
เราเพียงแต่ไม่เคยสังเกต ไม่เคยสนใจ ไม่เคยเรียนรู้จากมัน นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า "ธรรมะ" หรือ "ธรรมชาติ" ของตัวเราเอง
เวลาเราไปเจอก้อนทุกข์ เราจึงมีความเคยชิน ที่จะเข้าไปหยิบ ไปอุ้ม ไปแบกมันไว้ เพราะสำคัญผิดว่า มันเป็นของเรา มันคือของเรา แต่ในขณะเดียวกัน ก็เกลียดมันยิ่งกว่าอะไรในโลก
พิลึกดีไหมครับ 
ไม่ชอบมันหรอก ไอ้ทุกข์เนี่ย แต่เจอทีไร เข้าไปแบกมันไว้ พยายามวิ่งหนีมัน แต่ก็แบกเอามันไปด้วย ..
วันไหนที่ทุกข์มันคลายไป ลองย้อนไปสังเกตสิครับ ว่ามันเบาๆ สบายๆ ไม่เหมือนตอนที่แบกทุกข์ไว้
กระบวนการย้อนเข้าไปดู นี่แหละ ที่เรียกว่า การ "ดูจิต" เป็นการรู้สึกตัว เป็นจุดเริ่มของวิปัสสนา
วิปัสสนาทำได้ ง่ายนิดเดียวครับ
Create Date : 08 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 8 ตุลาคม 2550 11:09:40 น. |
|
29 comments
|
Counter : 1568 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: aston27 วันที่: 8 มิถุนายน 2550 เวลา:9:18:10 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 8 มิถุนายน 2550 เวลา:9:29:14 น. |
|
|
|
โดย: Takeaway วันที่: 8 มิถุนายน 2550 เวลา:15:18:17 น. |
|
|
|
โดย: ยาเขียว วันที่: 8 มิถุนายน 2550 เวลา:17:48:51 น. |
|
|
|
โดย: ยิ้มหวานตาโต (joyaccy ) วันที่: 8 มิถุนายน 2550 เวลา:18:33:23 น. |
|
|
|
โดย: the Vicky วันที่: 8 มิถุนายน 2550 เวลา:20:36:13 น. |
|
|
|
โดย: azamiya วันที่: 8 มิถุนายน 2550 เวลา:21:54:17 น. |
|
|
|
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 8 มิถุนายน 2550 เวลา:22:28:50 น. |
|
|
|
โดย: ปุ๊กกี้&คิตตี้ (ปุ๊กกี้&คิตตี้ ) วันที่: 9 มิถุนายน 2550 เวลา:10:01:40 น. |
|
|
|
โดย: Cheerfully วันที่: 9 มิถุนายน 2550 เวลา:12:43:08 น. |
|
|
|
โดย: นู๋ปิ๋มมี่ วันที่: 9 มิถุนายน 2550 เวลา:12:54:38 น. |
|
|
|
โดย: ป้า (สะพานดาว ) วันที่: 9 มิถุนายน 2550 เวลา:13:23:33 น. |
|
|
|
โดย: mint_candy วันที่: 9 มิถุนายน 2550 เวลา:17:27:25 น. |
|
|
|
โดย: azamiya วันที่: 9 มิถุนายน 2550 เวลา:20:35:58 น. |
|
|
|
โดย: พี่แหม๋ว...ฟ้าสั่ง:) (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:10:53:19 น. |
|
|
|
โดย: Hot Vanilla วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:11:56:09 น. |
|
|
|
โดย: getterTu วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:17:03:11 น. |
|
|
|
โดย: พี่แหม๋ว...ฟ้าสั่ง:) (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:17:55:57 น. |
|
|
|
โดย: Tony KooN (tk_station ) วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:23:43:39 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 8 ตุลาคม 2550 เวลา:11:17:45 น. |
|
|
|
| |
|
|