|
Reality, Bites or Nice? ความเป็นจริง โหดร้าย หรือสบายจัง

วันนี้กลับมาบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน ทั้งกายและใจ เปิดหลังไมค์มาดู เจอข้อความนี้เข้า ..
"มือถือเราหายล่ะ คุณแอสตัน T_T
ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะแค่อยากหาคนบ่นให้ฟัง
ปกติจะนั่งรถไฟกลับบ้านแต่วันนี้ไม่รู้คิดยังไงนึกจะนั่งรถเมลล์ และก็ถูกล้วงตอนช่วงชุลมุนขึ้นรถ รู้ตัวอีกทีตอนจะหยิบกระเป๋าตังค์จ่ายค่าโดยสาร อ๊ะ มือถือหายไปไหนฟะ ทำไมกระเป๋าเปิดอยู่ ยังดีกระเป๋าตังค์ไม่ถูกเอาไปด้วย
คุณแอสตันเคยบอกว่าทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นมาไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ ทุกอย่างมีที่มา มีเหตุผล แล้วเหตุการณ์แบบนี้จะเรียกว่าเหตุผลไรดีคะ (พยายามดึงเค้าเรื่องธรรมซะแล้ว 555)
เจอเหตุการณ์วันนี้แล้วก็ทำให้นึกถึงหนังประเภท sliding door, butterfly effect เลยค่ะ คิดอยู่ว่าถ้าวันนี้เราตัดสินใจขึ้นรถไฟอย่างทุกวัน แทนที่จะนั่งรถเมลล์อาจไม่โดนล้วงมือถือ (แต่ก็อาจโดนเอากระเป๋าตังค์ไปแทน) การตัดสินใจอย่างหนึ่ง จะส่งผลให้เกิดเหตุการณ์อย่างหนึ่ง แต่เราก็ไม่สามารถทำอย่างในหนังที่จะย้อนเวลากลับไปตัดสินใจใหม่ได้
อีกคำถามนึงค่ะ คิดไว้มานานว่าลองถามคุณแอสตันดู ถาม "การอยู่กับปัจจุบันทำไมมันยากอย่างนี้คะ?" ขอบคุณที่อ่านเรื่องที่บ่นข้างบนค่ะ ^ ^ "
พูดแบบปลอบใจ ..เสียแค่มือถือดีกว่าเสียกระเป๋าตังค์ เสียกระเป๋าตังค์ดีกว่าเสียเลือดเสียเนื้อ ..ฯลฯ
ทุกอย่างที่เกิด มีเหตุของมัน เพียงแต่เหตุบางอย่างเรามองไม่เห็น เช่นเราเคยมือไวหยิบฉวยทรัพย์สินของคนอื่นมาก่อน อาจจะไม่ใช่ในชาตินี้ หรือตอนเด็กๆ อาจจะเคยขโมยมะม่วงของบ้านข้างๆ แล้วบังเอิญไปสอยลูกที่เจ้าของเขาหมายตาไว้พอดี
เหตุบางอย่าง เป็นเรื่องของปัจจุบัน เช่นเราเลือกจะกระทำอย่างหนึ่ง แทนที่จะเลือกกระทำอีกอย่าง เหมือนที่คุณยกกรณีหนังเรื่อง Sliding Doors
การไม่ใส่ใจระวังดูแลกระเป๋า ทรัพย์สินของมีค่าของตัวเอง ก็นับเป็นเหตุปัจจุบันได้นะ
แต่คุณก็คิดถูกแล้วครับ .. ไม่ว่าจะด้วยเหตุอะไร เราทำได้แค่อยู่กับปัจจุบัน เพราะเราย้อนกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้
ถามว่า.. ทำไมการอยู่กับปัจจุบันมันยากจัง ตอบว่า.. เพราะปัจจุบันคือความจริง
มีสำนวนลิเกๆ อยู่อันนึง เขาบอกว่า อดีตคือลมตด อนาคตคือความฝัน ปัจจุบันคือความจริง
มนุษย์ที่อยู่กับปัจจุบันแล้วรู้สึกลำบาก แปลว่าไม่ชอบความจริงที่เห็น ที่เป็นอยู่ ลองย้อนกลับไปนึกๆดูได้ ว่าผมพูดถูกไหม
ที่จริงการอยู่กับปัจจุบัน หรืออยู่กับความจริงไม่ได้ยาก ถ้าเราฝึกจะมีใจที่เป็นกลางต่อความจริง
เช่นความจริงคือ เราเคยไม่เหลียวแลคนบางคน เพียงเพื่อจะค้นพบว่า จริงๆเขาคือคนที่ดีที่สุดในชีวิตที่เคยเจอ
ถ้ายอมรับความจริงได้ว่า เราทำพลาดไป แต่ไม่ซ้ำเติมตัวเอง แค่เข้าใจ ยอมรับผิด ไม่แก้ตัว ไม่มัวหาคำอธิบาย ก็จะรู้สึกว่า ทุกข์ที่มา ก็มาเพราะเหตุอันควรแล้ว มันก็จะไม่มีทุกข์ส่วนเกินให้กล้ำกลืนขนาดต้องฝืนทน
ถ้ายอมรับความจริงได้ว่า ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว จะผิดจะถูก จะดีจะชั่ว มันก็ผ่านเลยไปแล้ว เราไม่มีไทม์แมชชีนของโดราเอม่อนจะย้อนเวลากลับไปเริ่มใหม่ เราก็จะเห็นว่า การกลับมาอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับความจริง คือสิ่งดีที่สุด
ถ้ายอมรับได้ว่าขมขื่น แต่ก็รู้ว่า ความจริงก็คือ ความขมขื่นมีเหตุของมันอันสมควร และมันอยู่ชั่วครั้งชั่วคราว แล้วก็จะผ่านไป
ก็เหมือนไอ้ความสุขที่เคยผ่านมานั่นแหละ มันก็มีเหตุอันควรให้สุขในตอนนั้น แต่มันก็สุขชั่วครั้งชั่วคราว แล้วก็ผ่านไป
นี่ก็คือการอยู่กับความจริง โดยไม่เสแสร้ง ไม่ปรุงแต่ง สุขก็รู้ว่าสุข ทุกข์ก็รู้ว่าทุกข์ เสียดายมือถือรู้ว่าเสียดาย แต่ก็รู้ว่าทุกอย่างมันธรรมดา มันมาเอง มันก็ไปได้เอง ใจมันก็สบายขึ้น เพราะรู้ว่าเราบังคับมันไม่ได้ ก็ให้มันว่าของมันไป
รูปประกอบวันนี้ คือหนึ่งในภาพที่ผมถ่ายจากบาหลี มีโขดหินใหญ่อยู่อันนึง ยื่นไปในทะเล มีคลื่นคอยซัดมากระแทก
ถามว่าใครผิด ระหว่างโขดหินที่ไปขวางทะเล กับทะเลที่เกเรไปซัดโขดหิน ไม่มีใครผิดหรอกครับ ต่างคนก็ต่างอยู่ ต่างก็มีธรรมชาติของตัวเอง
ถ้าโขดหิน เหมือนจิต ทะเลคืออารมณ์ ก็อย่าหมายว่าจิตจะปราศจากคลื่นอารมณ์ซัดสาด เหมือนทะเล ไม่มีวันหยุดซัดโขดหิน ตราบที่ลมยังพัด
เว้นเสียแต่วันหนึ่ง มันจะไม่มีโขดหินอีก เมื่อนั้น ลมจะพัดหรือหยุดนิ่ง ทะเลจะซัดสาดหรือไม่ ก็ไม่สำคัญแล้ว
บางคนอ่านถึงตรงนี้ จะร้องค้านในใจ พูดยังไงวะ.. วันนึงไม่มีโขดหิน ก็ในเมื่อมันมีอยู่ทนโท่
อ่ะ.. งั้นพูดใหม่ ถ้าวันนึง ไม่มีคนรู้สึกว่าโขดหินมันเป็นของเรา หรือโขดหินคือตัวเรา ทะเลจะซัด หรือไม่ซัด ก็ไม่ใช่ประเด็น
ถ้าเข้าใจความแตกต่างของ "การมีอยู่" กับ "การยึดแบกเอาไว้" ก็จะหมดคำถามว่า.. ตกลงอยู่กับปัจจุบัน ยากหรือง่าย อยู่กับความจริง มันโหดร้าย หรือสบาย
เพราะจะโหดร้าย หรือสบายจัง มันขึ้นกับเราเป็นกลางกับมันได้แค่ไหน
ไม่รู้จะตอบคำถามไหม..
แต่หวังว่าใจจะสบายขึ้นนะครับ

เพลงวันนี้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เขียนเท่าไหร่ครับ คุณแอสตันอยากฟังเฉยๆ  เพลงชื่อว่า "เพลงราตรี" โดยวงไหมไทย และ อ.ดนู ฮันตระกูล ครับ
Create Date : 11 กันยายน 2550 |
Last Update : 18 กันยายน 2550 23:29:00 น. |
|
21 comments
|
Counter : 3082 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: พี่แหม๋ว...ฟ้าสั่ง:) (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:11:27:16 น. |
|
|
|
โดย: แมวดูซ่าร์ วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:12:55:03 น. |
|
|
|
โดย: รอยคำ วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:13:54:09 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:18:11:48 น. |
|
|
|
โดย: กุมภีน วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:20:00:28 น. |
|
|
|
โดย: azamiya วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:21:55:25 น. |
|
|
|
โดย: Q.NUH วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:23:59:57 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 15 กันยายน 2550 เวลา:8:45:37 น. |
|
|
|
โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 15 กันยายน 2550 เวลา:12:34:12 น. |
|
|
|
โดย: myouzhny วันที่: 17 กันยายน 2550 เวลา:12:46:15 น. |
|
|
|
โดย: Tony KooN (tk_station ) วันที่: 17 กันยายน 2550 เวลา:23:06:55 น. |
|
|
|
โดย: azamiya วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:21:05:04 น. |
|
|
|
โดย: ผุ๋งผิ๋ง วันที่: 20 กันยายน 2550 เวลา:1:11:32 น. |
|
|
|
โดย: mint_candy วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:16:33:49 น. |
|
|
|
| |
|
|
กำลังคิดอะไรไม่ตกอยู่พอดี
รู้สึกดีขึ้น ไปนอนละ