|
กระจกหกด้าน
มีใครจำรายการสารคดีชื่อ "กระจกหกด้าน" ได้ไหมครับ
กระจกหกด้าน เป็นชื่อรายการสารดคีขนาดสั้น ออกอากาศทุกวัน จันทร์-ศุกร์ มีเสียงคุณสุชาดี มณีวงศ์ บรรยาย เป็นรายการที่ดีมากๆ ในสมัยนั้น ก่อนเราจะมี กบนอกกะลาในวันนี้
ส่วนที่จะพูดถึง ไม่ใช่เรื่องสารคดี .. แต่เป็นชื่อรายการ
ผมจำไม่ได้ถนัด ว่าทางรายการขึ้นข้อมูลไว้ว่า.. พระผู้ใหญ่ท่านใด เป็นผู้เอ่ยถึงคำว่า "กระจกหกด้าน" ไว้
แต่ความหมายคือ การมองตัวเองให้ทั่วถึง ทุกด้าน ทุกมุม เพราะกระจกธรรมดา ให้มุมมองแต่เฉพาะ ด้านหน้า เพียงด้านเดียว
อันที่จริง การรู้จักมอง รู้จักพิจารณาตัวเอง นับว่าดีแล้วนะครับ เพราะพวกเราส่วนมาก ชอบมองคนอื่น วิจารณ์ผู้อื่น แต่ไม่ค่อยได้ย้อนมามองตัวเอง
ลองมองสภาพสังคมตอนนี้ได้ จะเห็นตัวอย่างนี้เยอะแยะ
ยกตัวอย่าง.. มีคนจำนวนมาก วิพากษ์วิจารณ์ว่าที่อดีตนายกแม้ว ว่าท่านไม่มีจริยธรรม จากเหตุที่ขายหุ้นชิน โดยไม่เสียภาษี
ผมจะไม่พูดเรื่องว่า กฏหมายเกี่ยวกับตลาดหุ้นเขาว่ากันอย่างไร ทำไมมันชอบธรรมแล้วที่ท่านจะไม่เสียภาษีหุ้น
แต่ผมจะมองในอีกมุมนึง.. สมมติว่า ท่านควรจะเสียภาษี จริงๆ แล้วท่านไม่ยอมเสีย หลายคนที่ออกไปไล่ท่านอยู่.. ผมอนุมานเอาว่า มีไม่น้อย ที่ก็เลี่ยงภาษีอยู่เป็นกิจวัตร แต่ไม่รู้สึกอะไร
ผมรู้จักเจ้าของธุรกิจหลายคน ที่ทำธุรกิจโดยมีสองบัญชี คือบัญชีจริงๆ กับที่แต่งไว้ให้สรรพากรตรวจ
พวกเราหลายคนก็คงทราบว่า ในหลายบริษัท มีการเอาใบเสร็จรับเงินค่าอาหาร ที่ทานกันเป็นส่วนตัว ไปใช้เบิกเป็นค่ารับรองลูกค้า หรือหักเป็นค่าใช้จ่ายบริษัท
บางท่าน รวบรวมใบเสร็จค่าทางด่วน จากญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง เอาไปใช้หักค่าใช้จ่ายของบริษัท
บางท่าน ก็มีรายได้บางส่วน ที่ไม่ได้ลงบันทึกเป็นรายได้ ไม่ได้เสียภาษี
โดยมาก ก็ทำทั้งที่กฏหมายเปิดช่องให้ และห้ามไว้ แต่ก็พยายามทำ
จะเป็นธุรกิจหลักแสน หรือธุรกิจหมื่นล้าน ถ้าพูดเรื่องเลี่ยงภาษี ก็ต้องถือว่าเจตนาเสมอกัน
อันนี้ ผมก็มองโลกในแง่ดีเอาว่า.. คนที่ไปเดินไล่ท่านนั้น ไม่มีใครเลยที่เคยเลี่ยงภาษี
เป็นคนดีเหมือนมีทองคำหุ้ม ขนาดที่แม้กฏหมายจะเปิดช่องให้บอกว่า .. ถ้าเป็นรายได้กรณีนี้ กรณีนั้น ไม่ต้องเสียภาษีก็ได้ ยกเว้นให้ ท่านเหล่านั้น ก็ยังยินดีจะจ่ายภาษี เพื่อชาติ และบรรพบุรุษไทย
ซึ่งดูจากการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุด ก็มีผู้คนเรือนแสนไปร่วมตะโกน ..ออกปายยย.. (ผมลืมไปว่า น่าจะเอายาอมแก้เจ็บคอไปขาย ท่าทางจะขายดี)
แปลว่า .. มีคนดีที่สรรพากรต้องการอยู่หลายแสนเลยทีเดียว
ในคัมภีร์ไบเบิล พูดถึงโสเภณีที่ถูกผู้คนรุมทำร้าย ด้วยการเอาหินขว้าง จะให้ตาย (พอเป็นเรื่องโสเภณีทีไร เป็นเหมือนกันทุกประเทศ คือประนามแต่ตัวโสเภณี แต่ไม่พูดถึงคนไปเที่ยวนิ)
พระเยซู ไปห้ามไว้ และบอกว่า.. ถ้าในที่นี้ มีผู้ใด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยประพฤติผิดบาป ทำชั่วอะไรเลย ให้เดินออกมา และเอาหินขว้างหญิงคนนี้ได้
พอได้สติ.. ทุกคนก็โยนหินในมือทิ้ง แล้วก็หันหลังเข้าบ้านครับ
ใครที่เคยดูหนังเรื่อง The Passion Of The Christ จะมีเรื่องนี้อยู่ด้วย
คนที่จะมองตัวเอง ก่อนไปตัดสิน หรือวิพากษ์ผู้อื่น จัดว่าเป็นคนที่มีจิตใจสูง มีทิษฐิในทางใฝ่ดี
เป็นการรู้จัก.. เอาใจเขามาใส่ใจเรา ทำให้เราเข้าใจในความผิดพลาดของผู้อื่น หรือเห็นว่า.. ตดของเรา ก็เหม็นเหมือนของคนอื่น นั่นแหละ
เพียงแต่ กาละเทศะ ในการผายอาจจะต่างกัน
ทั้งนี้ ทั้งนั้น การที่ใครบางคนผายลมในที่และเวลาอันไม่ควรผาย ไม่ได้แปลว่า เขาเห็นแก่ตัวนะครับ
บางคนท้องไส้ไม่ดี บางคนเจออาหารเป็นพิษ ถึงไม่คิดจะผาย แต่ก็ไม่รู้จะอั้นยังไง
ขึ้นต้นเรื่องกระจก.. ปิดท้ายเรื่องผายลม.. อีตาคนเขียนนี่..เก่งซะไม่มี
สุขสันต์วันเสาร์ หยุดสามวันขอให้เปรมปรีดิ์ ถ้วนหน้านะครับ
Create Date : 29 เมษายน 2549 |
Last Update : 29 เมษายน 2549 10:55:15 น. |
|
4 comments
|
Counter : 2336 Pageviews. |
|
|
|
โดย: แม่น้องธัย วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:12:09:54 น. |
|
|
|
โดย: run to me วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:13:44:55 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:23:58:18 น. |
|
|
|
| |
|
|
จขบ. นับถือคริสต์หรือค่ะ ดูรู้เรื่องศาสนามาก ๆ หรือว่าดูจากหนังค่ะ ปกติไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์เคยเข้าชั้นเรียนแต่ตอนนี้ลูกติดค่ะเลยเข้าชั้นเรียนกับลูก
ป.ล. ตดเหม็นขึ้นอยู่กับว่าวันนี้รับประทานอะไรลงไปว่าป่าวค่ะ