|
เรื่องไม่ง่ายที่ผู้ชาย(หลายคน)อยากรู้ ภาค 2
เขียนอะไรคาๆไว้ แล้วมันคาใจ.. ยังไงต้องขอเขียนให้จบอ่ะ
ต่อเนื่องจากภาค 1 .. ผมเล่าถึงวิธีการเริ่มต้นจะมีแฟน ว่าต้องเลือกเป้าหมายก่อน อย่าสวิงสวาย เหมือนมวยวัดแถวตำบลหนองถึดทือ เพราะการเป็นแฟน หมายถึงการเริ่มสละชีวิตโสดของคนสองคน ไม่ใช่ของคุณคนเดียว
และผมบอกว่า เจอเป้าหมาย ก็ต้องกรองเสียหน่อย จะรีเวิรส ออสโมซิส หรือ เอาตะแกรงร่อนธรรมดา ก็ตามสะดวก
เมือ่ผ่านขั้นตอนแล้ว ก็ต้องเริ่มหาสะพานเชื่อม ประโยชน์ของสะพานเชื่อม ไม่ได้มีแค่การอำนวยความสนิทใจ ในการที่เธอจะส่งยิ้มให้ คนหน้าแปลกอย่างเรา
อย่าลืมว่าการแบกหน้าเหมือนปลาเก๋าทอดแล้วเอาโบว์ผูกหัวไปจ๊ะเอ๋สาวเจ้า แล้วไม่โดนด่าออกมา เพียงเพราะคุณปิดมือถือก่อนดูหนัง มันเกิดขึ้นได้เฉพาะในโฆษณาแฮปปี้ ดีแทค ไม่ใช่ในชีวิตจริงเน่อ
คราวนี้ ก็เข้าถึงคำถามที่มาจากกระทู้อันโน้น .. เรื่องวิธีจีบผู้หญิง..
จะบอกตรงๆว่า.. ผมจีบผู้หญิงไม่เป็นเลยครับ ที่มีแฟนมานี่.. ทุกคนเอ็นดูผมหมด ไม่รู้บุญ หรือกรรมล่ะ
วิธีที่ผมใช้ เวลาชอบใคร.. ก็คือไปหาโอกาสป้วนเปี้ยนๆ แล้วก็ทำความรู้จัก.. คุยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
บอกแนะคุณได้แต่ว่า..จงฟัง มากกว่าพูด
พยายามเรียนรู้ตัวตนของเธอ จากสิ่งที่เธอบอก เก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เธอเล่า
ผู้หญิงจะชอบผู้ชายที่สนใจรายละเอียดครับ ประเภท .. เธอชอบทานอะไร ไม่ชอบทานอะไร เธอเกลียดอาหารอะไร ถ้าต้มยำกุ้ง ต้องน้ำข้นใส่เห็ดฟางเยอะๆ เธอชอบตุ้มหูแบบน่ารักๆ รูปมิกกี้เมาส์ เธอไปทำสีผมใหม่ เธอเปลี่ยนวิธีเขียนตา หรือชอบเคมี แต่เกลียดชีวะ ขับรถไม่เก่ง แต่ชอบเรื่องรถยนต์ ชอบดูหนังรัก มากกว่าหนังผี ชอบเดินสยามมากกว่ามาบุญครอง ชอบธรรมมะ ชอบไปวัด ฯลฯ แล้วแต่ปัญญาคุณจะจำแนกเธอได้
จงเป็นคนธรรมดาที่สุด เท่าที่คุณจะเป็นได้ อย่าเก๊ก.. อย่าโชว์แมน อย่าอวดรวยเพราะเธอจะหมั่นไส้ มากกว่าประทับใจ แต่จงสุภาพ มีน้ำใจ ทั้งกับเด็ก สตรีเบนโล และคนชรา และที่ลืมไม่ได้..กับเธอเอง
เรื่อง สุภาพ มีน้ำใจ ฝึกไว้ให้เป็นนิสัยนะครับ อย่าทำเพียงเพราะจะเอาชนะใจใคร แต่จงทำเพราะมันคือสิ่งที่คุณเชื่อว่าเป็นคุณสมบัติของผู้ชายที่ดี
ต่อมา.. เรามักได้ยินใครๆบอกว่า.. เวลาจีบผู้หญิงให้เป็นธรรมชาติ แต่ผมว่าคนที่บอกแบบนั้น ไม่เข้าใจธรรมชาติผู้ชายเลย
เพราะผู้ชายเราไม่ค่อยเป็นธรรมชาติหรอกครับ เวลาจีบใคร มือที่เคยยื่นออกไปจากแขนมายี่สิบกว่าปี ก็ยังอยู่ที่เดิม แต่เวลาไปยืนข้างๆคนที่อยากจีบ มันดูเหมือนเป็นส่วนเกินขึ้นมาซะงั้น
มีเพื่อน มีน้อง มีลูกชาย อย่าไปบอกให้เขาจีบผู้หญิงให้เป็นธรรมชาติ ต้องบอกว่า คบกับผู้หญิงให้เป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องจีบ
เพราะการตั้งหน้าจีบ มันทำให้สัมพันธภาพคุณกับเธอ ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ มันดู โปรโมชั่นๆ เหมือนฤทธิ์หน้าเด้งเพราะสารสเตียรอยด์ ไม่ได้หน้าเด้งเพราะความผุดผ่องตามธรรมชาติ
ต่อมา.. จะเอาใจใส่ จะเทคแคร์ จะดูแลเป็นพิเศษยังไง ก็ต้องเข้าใจเธอด้วยว่า.. เธอมีสิทธิเลือก เหมือนที่คุณก็มีสิทธิเลือกว่า จะจีบผู้หญิงอีกยี่สิบล้านคน แต่คุณก็ไม่เลือก กลับมาเลือกจีบยัยผู้คุม คนนี้
คนเราจะจีบติด จีบไม่ติด ไม่ใช่ประเด็นใหญ่โตนะครับ ไม่ได้เป็นแฟน ก็เป็นเพื่อนได้ ถึงเพื่อนจะมีเยอะแล้ว แต่ก็ช่วยไม่ได้ (นี่หว่า) เพราะความรัก มันเป็นเรื่องของเคมีในหัวใจคนสองคน
คิดข้างเดียว ชอบข้างเดียว ปฏิกิริยามันไม่สมบูรณ์
ถ้าคิดว่า.. การจีบผู้หญิงเป็นคำตอบเดียว คำตอบสุดท้าย ของชีวิต กรุณาใช้ตัวช่วยเขกหัวตัวเองแรงๆสองที ให้ตื่น
เพราะชีวิต มีอะไรให้คุณทำอีกหลายอย่าง.. อย่างเช่น ไปอ่านหนังสือให้คนตาบอด ไปช่วยเป็นพี่เลี้ยงเด็กกำพร้า หางานพิเศษทำเพิ่มรายได้ เอาไปทำบุญ
ทำงานอดิเรก เล่นดนตรี ทำสวน ทำงานบ้าน อ่านหนังสือ และอีกหลายๆอย่าง
อีกอย่าง.. เรื่องคู่ เรื่องคี่ มันเป็นบุญทำ กรรมแต่ง ส่วนหนึ่ง
ได้ก็ได้ ไม่ได้ ก็อย่าวิ่งหาจนเกินพอดี ให้มันทุกข์
เชื่อผมดิ.. 
Create Date : 06 เมษายน 2549 | | |
Last Update : 6 เมษายน 2549 22:57:22 น. |
Counter : 1386 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เรื่องไม่ง่ายที่ผู้ชาย(หลายคน)อยากรู้ ภาค 1
ทีแรกผมตั้งชื่อหัวข้อว่า.. "เรื่องที่ผู้ชายอยากรู้"
แต่รู้สึกว่า..จั่วหัวไว้แบบนี้.. อาจเหมือนโฆษณาเกินจริงไปหน่อย เพราะผู้ชายบางท่านอาจรู้มากกว่าผม ชำนาญกว่า รู้จริงกว่า
อย่าเพิ่งคิดลึกไปไกลนา.. เรื่องที่ว่า.. ผมหมายถึงวิธีหาแฟน อันนี้เป็นภารกิจติดพันมาจากกระทู้ในสวนลุม//www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L4261823/L4261823.htmlครับ
เผื่อใครขี้เกียจคลิก.. มีหนุ่มนึงเขาตั้งกระทู้ไว้แบบนี้
ที่ผมยังหาแฟนไม่ได้เพราะวิธีการจีบของผมผิดใช่หรือป่าวครับ
คือส่วนใหญ่เวลาจีบอะครุบ คุยโทรศัพท์ส่วนใหญ่ผมจะคุยไปทาง ชม เค้าอะครับ ว่าสวยอย่างโน้นอย่าง นี้ น่ารัก อะไรประมาณนี้ นี่ใช่สาเหตุที่จีบไม่ติดป่าวอะครับ เพราะคุยทุกวัน ผมก็พูดแบบเดิมทุกวันวันละหลายๆครั้ง จีบกี่คนก็ไม่ติดซะที เซ็งๆๆๆ
การที่ผมคุยแต่เรื่องนี้ใช่สาเหตุที่จีบไม่ติดใช่ไหมครับ ขอบคุณครับ
จากคุณ : สาวก GF
ผมเองก็ไม่ใช่ลุงหนวดแห่งไทยรัฐ หรือคาสสาโนว่าหรอกนะ เพียงแต่คิดว่าพอจะเข้าใจหลักการพื้นฐานของความรู้สึกระหว่างเพศอยู่บ้างนิดหน่อย
เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์กับคุณผู้ชายที่ยังไม่มีแฟน และดันอยากมีขึ้นมา
5555
ก่อนอื่นขอเตือนว่า.. การมีแฟนนี่เหมือนติดคุกอย่างนึงนะ อิสรภาพหลายอย่างที่เคยมี มันจะหมดไป เว้นแต่ถ้าโชคดีไปเจอผู้คุมสวยๆ หมวยน่ารัก ก็พอทน อิอิ
คือผมไม่อยากให้มองการมีแฟนในแง่ดีไปหมด ไม่งั้น เขาคงไม่พูดกันว่า คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า แต่ทุกอย่าง.. มันก็มีราคาที่ต้องจ่ายนะคุณนะ
ความสุขในชีวิตมันมีได้หลายแบบ.. แบบโสดก็แบบนึง แบบมีแฟนก็แบบนึง .. ถ้าจะติดคุก.. เอ๊ย มีแฟนทั้งที ก็ขอให้เลือกผู้คุมให้ถูกใจก่อน
ถ้าไม่เจอผู้คุมดีๆจริงๆ .. ก็อย่าไปสละเลย..ความโสด
ฉะนั้น.. ก่อนจะมีแฟน.. กรุณาเลือกคนที่เราจะจีบให้ดีก่อน อันนี้ไม่ใช่เพื่อตัวท่านเอง แต่เพื่อประโยชน์สุขแก่สาวๆที่ท่านไปจีบด้วย
เพราะเวลาคบๆกันไปแล้วเริ่มผูกพัน เริ่มรักกัน แล้วต้องเลิก เพราะไปกันไม่ได้ก็ดี เพราะเข้ากันไม่ได้ก็ดี หรือจะสารพัดเหตุผลก็ดี มันก็นำความโศกาอาดูร และอาจคูณด้วยความแค้นเคืองมาให้ทั้งคู่ได้
เมื่อคุณเลือกเป้าหมายแล้ว ผมอยากให้คุณทำการกรองสถานการณ์ เขามีหลักง่ายๆว่า.. ดูผู้หญิงให้ถี่ถ้วนซะก่อน ดูสักเจ็ดวันหรือ ถ้าไม่ใจร้อนมาก ก็เอาสักเดือนนึง แต่ไม่ต้องดูถึงร้อยวัน เพราะอันนั้นเอาไว้ทำบุญก่อนเผา
แค่..อย่าไปหลงเพราะวันนั้นเธอโบ๊ะหน้ามากำลังเหมาะ เพราะวันอื่นเธออาจไม่ได้โบ๊ะมาแบบเดิม และไม่ได้สวยเหมือนเดิม หรือสองสามวันแรกเธออาจแอบเอาสายเดี่ยวพี่สาวมาใส่ แล้วเข้ากับเธอมากเป็นพิเศษ
ถ้าดูครบกำหนดที่ตั้งใจไว้ แล้วก็ยังรู้สึกว่าเธอสวยทุกองศา น่ารักทุกกิริยา ก็เอาเถอะ
เวลาจะเริ่มจีบ อันนี้ตัวใครตัวมันครับ 555 อย่าเพิ่งอ้าว..สิ.. ผมหมายถึงว่า ผู้หญิงแต่ละคนต้องใช้วิธีเข้าหาต่างกัน
ถ้ารู้จักกันอยู่แล้ว ก็ไปอย่างนะ ..
แต่ถ้าไม่รู้จัก คุณอาจต้องมีสะพานเชื่อม ต้องไปสืบสาวราวเรื่อง ว่าเธอเป็นใคร ทำอะไรที่ไหน เรียนชั้นอะไร โรงเรียนอะไร มหาลัยไหน คณะอะไร
ถ้าระดับคุณกับเธอโดยตรง ไม่มีอะไรโยงถึงกันได้เลย ก็อาจต้องหาไปถึงเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนสนิทเธอเป็นใคร เรียนโรงเรียนเดียวกับญาติ ของญาติ เรา บ้างไหม
เพราะเธออาจมีธรรมชาติ ไม่เคยคุยกับคนแปลกหน้าเลย (ถึงแม้ว่าเธอจะหน้าแปลกขนาดไหนก็ตามที)
บางคนถ้าเป็นเพื่อนเรียนวิชาเดียวกัน คณะเดียวกัน ตึกเดียวกัน เป็นเพื่อนของเพื่อนสนิท เป็นรุ่นน้องของพี่สาว อ่ะฮ่า.... แบบนี้สบายหน่อย
เอาเป็นว่า.. หาทางเชื่อมไปถึงตัวเธอให้ได้ก็แล้วกัน..
วันนี้อารัมภบทแค่นี้ก่อนนะครับ ... อิอิอิอิ ยั่วให้อยากแล้วก็จากไป.. (มีผู้คุมมาสะกิดๆให้ไปเซ็นทั่น)
อ่านต่อวันเสาร์ละกันนะ..
สุขสันต์วันจักรีครับ ..
Create Date : 06 เมษายน 2549 | | |
Last Update : 2 พฤษภาคม 2549 9:02:59 น. |
Counter : 1494 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ก้อนทุกข์
หน้าบ้านผม เป็นลานจอดรถกว้างๆ พอประมาณ แต่ด้วยความที่อยู่ย่านสีลม เลยมีคนมาเช่าที่ (จากใครบางคน ที่เจ้าบ้านไม่ยินยอม แต่ไม่รู้จะพูดยังไง) แล้วก็เอาพวกรถเข็นของร้านแผงลอยมาจอดเก็บไว้ ราวๆสิบคันได้
เมื่อวานตอนเช้าตื่นมาอาบน้ำทำกิจ เสร็จก็จะออกไปทำงาน ลงมาที่รถ โห.................................... เป็นรอยขูดขีดลึกไปถึงเนื้อเหล็ก แถมกันชนหลังซ้าย ยังโดนของหนักๆครูดไถเต็มไปหมด
เรียกว่า.. ถ้าเป็นคนรักรถมากๆ น้ำตาคงร่วง ผมเองยังต้องงัดเอาทั้ง สมถะ วิปัสสนามาใช้อุตลุต
ผมขึ้นรถก็เห็นว่า.. เราทุกข์มาก ทั้งไม่ชอบใจ ทั้งเสียดาย ทั้งรู้สึกว่า เราไม่เคยไปเบียดเบียนเขา ทำไม เขาต้องทำแบบนี้
เห็นความปรุงแต่งแบบนั้น แล้วก็มีสติได้ว่า.. ทุกข์เกิดเพราะเรารู้สึกว่า รถนี่ มันเป็นของๆเรา ไม่ใช่เพราะใครมาทำให้มันเป็นรอย
สมมติว่า นี่เป็นรถใครก็ไม่รู้ .. โดนแบบนี้เข้า เราก็คงไม่ทุกข์แบบที่เป็นอยู่
ผมพาลคิดไปว่า.. สงสัยเราจะมีกรรม และบุญคุ้มครองในเวลาเดียวกัน คือคิดเสียว่า.. ดีแค่ไหนแล้ว ที่กรรมอันจะต้องเกิดกับพาหนะของเรา มันไม่ใช่รถคว่ำหรือรถสิบล้อมาชน
แล้วก็เห็นว่า.. รถมันก็เหมือนกาย.. มันเป็นก้อนทุกข์ก้อนหนึ่ง ที่เราไปอาศัยอยู่ แล้วเราก็รู้สึกว่า เราเป็นเจ้าของมัน มันเป็น "ของเรา" ทั้งๆที่วันนึง เราก็ต้องแยกจากมันไป เพราะการเสื่อมสภาพของมันนั่นแหละ
พูดถึง.. ก้อนทุกข์ ที่เรียกว่ากายบ้าง.. เมื่อคืนมีอาการไม่ค่อยดีครับ ปวดๆหัวและตามเนื้อตัว อาการที่เขาเรียกตะครั่นตะครอ จะเป็นไข้
ไม่ใช่ข้ออ้างว่าทำไมไม่ได้เขียนบล็อคนะครับ :) ฮี่.... เลยทานยาพาราเซตามอลไปสองเม็ด แล้วก็เข้านอน ตามคำแนะนำของหมอประจำตัว
ตื่นนอนแล้วก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ เป็นการตอกย้ำว่า.. กายของคนเรามันเป็นทุกข์ มันไม่เที่ยง ถึงคราวมันจะป่วยไข้ มันก็เป็นไปตามเหตุ และปัจจัยที่มากระทบ ถึงคราวมันจะหาย มันก็เป็นไปตามเหตุและปัจจัยที่มากระทบเช่นกัน
เราบังคับอะไรมันไม่ได้ครับ ทำได้แค่เติมเหตุและปัจจัยที่ดีให้มันเท่านั้นเอง
ข้อดีของการพิจารณากายและจิตอยู่เนืองๆ มีสองข้อที่ผมเห็นชัดมาก
หนึ่งคือ.. เราจะเป็นคนที่ไม่กลัวตายครับ เพราะเราจะค่อยๆยอมรับว่า.. กายไม่ใช่ของเรา การละสังขารไปเป็นของธรรมดา
ที่จริงจะว่าไปกายนี่มันทุกข์เยอะมากนะครับ แต่เราสังเกตเห็นทุกข์กายน้อยกว่าทุกข์ใจ
อย่างนั้นพิมพ์ๆ อยู่นี่ ก็เมื่อยหลัง เมื่อยไหล่ เมื่อยตา เมื่อยขา ตื่นมา ก็มีกลิ่นปาก มีกลิ่นตัว ต้องไปอาบน้ำชำระมัน
เดี๋ยวก็เริ่มหิว ก็ต้องหาอะไรป้อนให้มัน ต้องทานยาบำรุง ต้องทายา รักษาผิวหน้าเพราะมันแพ้ ต้องรักษาสิว
ทานมากก็ไม่ได้ ทานน้อย ก็ไม่ดี ของดีๆมีประโยชน์ ลิ้นมันก็มักจะบอกว่าไม่อร่อย ไอ้ของที่ลิ้นชอบ หมอเขาก็ว่ามันทำลายสุขภาพนิ
ทานเสร็จ ก็ต้องถ่ายออก ปวดหนัก ปวดเบา ไปตามเรื่อง
จะดูแลมันดีขนาดไหน .. ถึงเวลามันจะเหี่ยว จะแก่ จะเสื่อมไป เราก็บังคับมันไม่ได้อีก
ถ้าเห็นทุกข์ตัวนี้เยอะๆ.. ท่านว่า.. ถึงเวลาจะตาย ก็จะไม่เสียดายมัน เพราะเห็นมันเป็นก้อนทุกข์อันนึง
ประโยชน์ข้อที่สองคือ เมื่อก่อนผมจะเป็นคนกลัวผี และความมืดมาก
หลังๆนี่ หายกลัวไปจนแทบจะไม่เหลือแล้ว เพราะรู้แล้วว่า.. จะคนหรือผี ก็ไม่ต่างกัน ต่างกันแค่เรามีกายเนื้อ เขาไม่มี และเราอยู่กันคนละภพ
แต่ถ้าผีท่านใด ประสงค์จะมาเยี่ยมผมล่ะก็ไม่ต้องนะครับ หรือถ้าจะมาจริงๆ กรุณาเอาเลขสักหกตัวล็อคๆ ติดมือมาด้วย
ถ้าถูกรางวัลที่หนึ่ง แล้วจะเอา 40% ไปทำบุญ ลงชื่อท่านร่วมด้วย
ติดสินบนกระทั่งผี.. 5555

สุขสันต์วันอังคารครับ 
Create Date : 04 เมษายน 2549 | | |
Last Update : 2 พฤษภาคม 2549 9:37:13 น. |
Counter : 1153 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ใครทิ้งเรา ไม่เศร้าเท่าเราทิ้งตัวเราเอง
เอากระทู้ที่ผมตอบไว้และเห็นว่าน่าสนใจ มาฝากอีกแล้วครับ
เที่ยวนี้เป็นคุณผู้หญิงท่านนึง ที่อยากรู้ว่า ถ้าเธอเปลี่ยนตัวเองได้มากพอ เธอจะสมหวังในความรักที่เธอหวังจะได้จากคนๆนั้นหรือไม่
เธอถามไว้อย่างนี้ครับ
ทำไมนะ ตัดใจไม่ได้สักที แฟนเก่าเรา บอกว่า "เป็นแฟนกัน เพื่อศึกษานิสัยกัน" และเราก็เลิกกัน เพราะเค้าบอก่วาเรา "ไม่ใช่"
spec เค้าสูงมาก ไม่ใช่เรื่องหน้าตา แต่ประมาณว่า กุลสตรีไทย มารยาทงาม ทันคน มีไหวพริบ
เราก็พยายามปรับปรุงตัวแล้ว แต่เค้าก็พิจารณาแล้ว เค้าบอกว่าดูยังไงๆ เราก็เปลี่ยนไม่ได้ เป็นไปไมได้
เค้าไม่หล่อ(ถ้าเราไม่รู้จักเค้า เราอาจจะกลัวเค้าก็ได้) แต่เป็นคนดี (เสียที่ขี้ระแวง) เราชอบเค้ามาก เค้าเป็นคนที่
ไม่เอาเปรียบคนอื่น และรักพวกพ้อง ระวังเรื่องการวางตัวในสังคม คิดก่อนพูด รักษาน้ำใจทุกคน ที่ดีที่สุด
ของเค้าคือ "ไม่โกหก" (จริงๆ) ถ้าเรารักเค้าต่อไป โดยเราพยายามปรับปรุงตัว และพัฒนาตัวเองให้เป็น
ได้อย่างที่เค้าชอบ(เป็นหญิงที่ดี) สักวันถ้าเค้าไม่มีใคร เค้าจะหันมามองเรามั้ย? ถ้าเค้ามีรักใหม่ แล้วรักเค้า
ไม่สมหวัง เค้าจะคิดถึงเรามั้ย?
หรือยังไงก็จะเข้าทำนองว่า "ถึงสุดท้ายฉันไม่เจอคนที่ใช่ ยังไงฉันก็ไม่เอาเธอ ยอมอยู่คนเดียวดีกว่าอยู่กับเธอ"
เราควรจะทำแบบที่ว่า "รักใครก็รักเขาให้มากๆ ถึงเขาจะไม่รักเรา" หรือว่าเราควรจะตัดใจดี
คุณผู้ชายคะ...ถ้าคุณพบกับคนที่รักคุณมากๆ และผูกพันกันมานาน คุณจะหวั่นไหวบ้างมั้ยคะ?
จากคุณ : อยากเป็นคนที่เธอฝัน - [ 24 มี.ค. 49
ผมเขียนความเห็นไว้ให้กระทู้ของเธอว่าอย่างนี้ครับ
ผมอยากให้จขกท. ลองย้อนกลับไปถามตัวเองหนึ่งคำถาม ว่าคุณอยากให้เขารักคุณ อยากเป็นคนที่เขาฝัน เพราะอะไร
ถ้าคำตอบเราตรงกัน.. คงจะออกมาประมาณว่า.. เพราะถ้าเขารักคุณ คุณได้เป็นคนที่เขาฝันถึง .. คุณจะมีความสุข ..ใช่ไหมครับ ?
มนุษย์เรามีธรรมชาติในการวิ่งหนีความทุกข์ และวิ่งหาึความสุข
โดยไม่ค่อยรู้ตัวว่า.. การทำทั้งสองอย่างนั้น คือต้นเหตุของทุกข์อันใหญ่กว่า
เห็นคุณทุกข์แบบนี้แล้วก็สงสารนะครับ ไม่ได้สงสารที่เขาไม่รักคุณหรอก
สงสารที่คุณไม่รักตัวเองต่างหาก ตัวคุณเอง ยังไม่รักตัวเอง ไม่เห็นค่าของตัวเองเลย คิดแต่ว่า.. จะทำอะไร จะเปลี่ยนอะไรเพื่อให้เขารัก เขาสนใจ
คนเราไม่ควรเปลี่ยนตัวเอง เพราะเหตุว่าอยากให้ใครรักนะครับ
แต่ควรเปลี่ยนตัวเอง ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เพราะรักตัวเอง เพราะเห็นว่า เปลี่ยนแล้ว ชีวิตจะดีงาม จะเจริญ จะสงบ ร่มเย็นเป็นสุข
ไม่ใช่เพื่อให้ใครหันมามอง ในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเราจริงๆ
สมมติคุณทำได้.. คุณสวมบทบาทใหม่ แปลงโฉมตัวเองใหม่ แล้วคุณจะมีความสุขเทียมๆไปได้อีกนานเท่าไหร่
บอกให้ก็ได้.. ว่าผมเคยทำแบบที่คุณคิดมาแล้ว 6 ปีให้หลัง ผมถึงรู้ว่า ผมเสียเวลาเปล่า
เป็นตัวเรา ในภาคที่ดีที่สุด ดีกว่าเป็นคนอื่นที่แสนดี แต่ไม่ใช่ตัวเรา
ใครจะชอบไม่ชอบ ก็แล้วแต่เขานะครับ ใครจะทิ้งเราไปเพราะเราเป็นเรา ก็ปล่อยเขาไปเถอะ
แต่ตัวเรา.. อย่าทิ้งตัวเราเอง... นะครับ
Create Date : 02 เมษายน 2549 | | |
Last Update : 2 พฤษภาคม 2549 9:30:21 น. |
Counter : 1856 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ทาน หมายเลข 2 : มารมาเยือน - ความผิดพลาดของ aston27
เอาแล้วไง.. 5555 
ดันไปหลวมตัวตอบกระทู้นี้เข้า //www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L4241919/L4241919.html
เสร็จเลย... ผม..
คนเราก็เป็นแบบนี้แหละครับ รู้ทั้งรู้ว่า บางอย่างไม่ควรทำ ไม่น่าทำ ก็ยังอุตส่าห์ทำไปเพราะความอยากของตัวเองแท้ๆ..
แค่อยากเขียน.. ก็นำภัยสู่ตัวได้นะครับนี่ 555
ที่จริงเรื่องนี้ก็เดาได้ไม่ยากหรอกครับ แบบฝึกหัดของคนปฏิบัติธรรม มันจะยากกว่าของคนธรรมดาเสมอ
ยกตัวอย่าง.. ผมเพิ่งเริ่มถือศีลแปดทุกวันพระ ตามคำแนะนำและชักชวนของคนใกล้ตัว
สมัยก่อนผมเป็นคนไม่ใส่ใจกับการทานอาหารเป็นอย่างยิ่งครับ ผมสามารถอดข้าวได้วันนึงสบายๆ ถ้างานยุ่ง หรือมีอะไรทำ
คราวนี้ .. ศีลข้อนึงในแปดข้อ .. คือวิกาลโภชนาฯ หมายถึงการงดเว้นจากการทานอาหารหลังเที่ยงจนถึงเช้าของอีกวัน ผมก็เลยไม่นึกว่าจะมีปัญหา
ปรากฏว่าพอเริ่มถือศีลวันแรก.. โห... หิว หวิวๆๆๆ
ฉันใด ฉันนั้น.. เมื่อวาน พอเขียนเรื่องอภัยทานไป.. เลยโดนยั่วโทสะกับตัวเอง 5555 สมน้ำหน้าจริงๆ
สารภาพว่า..ตอนแรกเกือบจะเขียนโต้ไปเหมือนกันครับ แต่ก็ได้สติมาช่วยสะกิดไว้ทัน ว่าอันนี้มันเป็นการเขียนด้วยโทสะ เห็นว่ามันมีความไม่ชอบใจในข้อเขียนนั้นอยู่ เห็นว่ามันอยากตอบโต้
แต่มันจะพยายามบอกเราว่า เป็นการอธิบายให้เขาเข้าใจนะ ทั้งๆที่มันก็คือความอยากเอาชนะ นั่นแหละ ผมเลยเอาตัวรอดจากแบบฝึกหัดนี้ได้ แบบหวุดหวิด
เพราะถ้าเขียนตอบโต้ไปอีก.. ก็คงไม่จบ
ได้อาศัยอภัยทานเป็นเกราะป้องกันจิตจากโทสะแล้วครับ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร..
วันนี้เลยไม่มีเรื่องเล่าดีๆมาฝาก.. เอาความแย่ของตัวเองมาเล่าก็แล้วกัน เป็นอุทาหรณ์
สุขสันต์วันเสาร์นะครับ :)
Create Date : 01 เมษายน 2549 | | |
Last Update : 1 เมษายน 2549 10:10:38 น. |
Counter : 1501 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|