Group Blog
 
All blogs
 

Season Change เพราะหนังไทยเปลี่ยนแปลงบ่อย

ปกติ ก่อนไปดูหนัง ผมไม่ค่อยอยากตั้งความหวังกับหนังไทยมากนัก เพราะผมมักจะพบว่า ไม่ค่อยมีหนังที่ทำได้ถึงความคาดหวังของผม

อันพูดได้ว่าแม้แต่แฟนฉัน ก็ไม่อยู่ในข้อยกเว้น

หนังอย่างโหมโรง 15 ค่ำ เดือน 11 เพื่อนสนิท เด็กหอ ชัตเตอร์ โชคดีที่ผมไม่ได้หวังไว้สูง

แต่อยากบอกว่า "เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย" นี่ทำได้ดีกว่าที่ผมหวังไว้อีกนะครับ

วันนี้ไปดูรอบ Q & A ของสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยมา ผมยังออกปากชมผู้กำกับฯ ว่านี่เป็นหนังไทยที่ได้อารมณ์ดีมาก

จะเพราะผมชอบเพลง four seasons ของ vivaldi เป็นการส่วนตัว เพราะชอบบทของน้องอ้อม ในเรื่อง เพราะชอบความน่ารักของน้องดาว หรือเพราะเอาใจช่วยพระเอกที่ตีกลองอย่างป้อม เพราะตัวเองสมัยเรียนก็ตีกลอง ก็ไม่ทราบนะครับ

ผมมักจะได้ยินคนบอกว่า หนังไทยมีจุดอ่อนที่บท ผมว่าหนังไทยเรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่า เราเขียนบทดีๆได้ ถ้าตั้งใจ

ผมจะไม่เล่าเยอะ เพราะมันจะสปอยล์ แต่ผมอยากชวน อยากเชียร์ให้คุณไปดู คุณจะดูคนเดียว ดูกับเพื่อน ดูกับแฟน ก็ช่างเถอะ

บทของอ้อม ตัวละครเอกตัวนึงในเรื่อง ทำให้หัวใจผมแทบละลาย

ไม่ใช่เพราะหน้าตา หรอกนะครับ แต่เพราะบทและการแสดงของเธอนั่นแหละ

ตอนต่อจากนี้จะขอสปอยล์นิดนึงนะครับ ว่าจะไม่แล้ว ก็อดไม่ได้

ตอนนึงในเรื่อง พระเอกถามอ้อมว่า.. ไม่เบื่อเหรอ ที่นั่งรอ(ในวงออร์เคสตร้าฟังคนคนอื่นเล่น) ตั้งนาน เพื่อจะได้ตี(ฉาบ) ซักทีนึง

อ้อมตอบว่า.... "ไม่เบื่อหรอก แค่ได้ฟังก็เพราะแล้ว"

อ้อม เธอรักพระเอกครับ ถึงในเรื่องจะไม่มีใครบอกรักใครเลยสักคำ เราก็รับรู้ได้ ว่าอ้อมรักพระเอกของเรื่อง

สำหรับอ้อมแล้ว ป้อมก็เหมือนวงออร์เคสตร้าของเธอ เหมือนเพลงคลาสสิคที่ทำให้หัวใจเธออบอวลด้วยเพลงพริ้วไหว หลายอารมณ์ มีความสุขเพียงแค่ได้นั่งฟัง

เธอยินดี จะนั่งอยู่ใกล้ๆป้อมเงียบๆ ให้ป้อมเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอ เพื่อรอเวลาจะได้เป็นโน๊ตสักตัวในชีวิตของป้อม

เหมือนที่เธอมีความสุขกับการนั่งฟังคนอื่นๆในวงบรรเลงกันยาวเหยียด เพื่อรอจังหวะที่เธอจะได้ตีสักครั้งสองครั้ง

และเหมือนที่ป้อม ก็ยอมตามมาเรียนดนตรี ยอมปิดบังพ่อ เพื่อจะได้มาแอบมองดาว ที่เขาหลงรัก ทิ้งโอกาสและพรสวรรค์ในการตีกลองชุด ไปสมัครเล่นทิมปานี ในวงออร์เคสตร้า ที่บางเพลงได้ตีแค่ครั้งเดียว เพียงเพื่อจะได้เห็นดาวเล่นไวโอลินบ่อยๆ

ได้เป็นโน๊ตตัวเล็กๆตัวนึง ในเพลงที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตเธอ แค่นั้นก็เป็นสุขแล้ว ..

ไม่บ่อยนะครับ ที่เราจะเห็นรายละเอียดสวยๆแบบนี้ ในหนังไทย

เห็นอะไรดีๆจากเรื่องนี้แล้ว ไม่รู้จะได้เห็นหนังไทยดีๆแบบนี้อีกทีเมื่อไหร่ ว่าแล้วก็คงต้องกลับไปทำใจใหม่

ก็บอกแล้ว... ว่า.. เพราะหนังไทยเปลี่ยนแปลงบ่อย



วันนี้เอาเพลง Spring ซึ่งเป็นตอนที่หนึ่งในสี่ฤดูของ the Four Seasons ผลงานของ Vivaldi มาให้ฟังครับ คุณจะได้ฟังในหนังด้วย

ขอบคุณน้องมุก ที่เอื้อเฟื้อเพลงนี้ ทำให้ผมไม่ต้องไปรื้อชั้น CD ของผมครับ




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2549    
Last Update : 28 สิงหาคม 2549 22:19:21 น.
Counter : 1158 Pageviews.  

วันเกิด งานศพ ความรัก ชีวิต

เวลาใกล้วันเกิดคุณนึกถึงอะไรครับ?
สำหรับผมปีนี้ ผมนึกความตายล่ะ.. :)

ศุกร์ที่ผ่านมา ลูกน้องคนนึงเดินมาบอกข่าวว่า คนที่ผมเคารพนับถือ เรียกแกว่า อาจารย์ป๋อง จากโลกนี้ไปแล้ว ด้วยโรคมะเร็ง

เป็นการจากไปของคนป่วยเป็นมะเร็ง แบบเฉียบพลันที่สุดที่ผมเคยเห็นมา

คือแกไปงานศพใครสักคนหนึ่ง ที่วัดมกุฎกษัตริย์ นั่งฟังพระสวดอยู่ก็ปวดท้อง ปวดมากจนต้องเรียกรถพยาบาลมารับ ไปศิริราช

อยู่ได้ไม่กี่วัน สามสี่วันหรือไงเนี่ยครับ ก็เสียเลย แล้วก็กลับมาตั้งศพ ที่วัดมกุฏ นั่นแหละ

ผมยังไม่มีโอกาสไปงานศพอาจารย์ป๋องเลยครับ ได้แต่ไหว้พระ สวดมนต์ อุทิศส่วนกุศลไปให้

วันก่อนยังนึกถึงบทสวดที่พระท่านสวดบังสุกุล ที่เคยรู้คำแปลว่า ..

ชีวิตเป็นของไม่แน่นอน ความตายเป็นของแน่นอน
วันหนึ่ง เราจะต้องตายแน่ การตายแล้วไม่เกิดอีกเป็นสุขเช่นนี้

อันนี้ ถ้าแปลผิด บอกได้นะครับ

++++++++++

อีกสี่วัน ผมจะ 38 วงเล็บว่า.. ถ้าอยู่ถึงนะ 555

ที่หยุดเขียนไปหลายวัน ไม่ใช่อะไร งานเยอะมาก เป็นช่วงขาขึ้นของงานโดยแท้ เมื่อวานส่ง proposal ไปชิ้นใหญ่ วันนี้ก็ต้องส่งอีกงานนึงตามไป มีแต่ ตัวเลขๆๆ แถมยังโดนเรียกเข้าประชุมแบบกระทันหัน เสียเวลาไปอีกสองชั่วโมง เมื่อวานก็ประชุมครึ่งวันเช้า

ผู้บริหารนี่ เขาจ้างมาประชุมเป็นหลัก ทำงานเป็นงานเสริม เอิกๆ

บอกคุณไปว่า เป็นช่วงขาขึ้นของงาน หมายถึงปริมาณนะครับ ไม่ใช่ความสำเร็จ 555 จะสำเร็จไม่สำเร็จ ก็ยังต้องรบกันอีกหลายยกอยู่ ส่งไปนี่แค่ยกหนึ่ง

เพราะส่ง proposal ไปที่ญี่ปุ่น กับอเมริกา มันก็จะมีคำถามกลับมาหลายเรื่อง ก็ต้องสาลิกาลิ้นทองเป็นภาษาอังกฤษ เป็นชั่วโมง ก็ยังไม่จบ แค่หมดยกสอง

คุยภาษาอังกฤษ กับฝรั่งนี่ ไม่ลำบากเท่าคุยกับคนเอเชียด้วยกัน อย่างรายนี้ เธอเป็นญี่ปุ่น บางคำต้อง pardon pardon ฟังเธอออกเสียงอยู่สิบกว่าหน ซ้ำๆๆ แล้วก็ใช้ verb to เดาช่วย ก็ยังไม่สำเร็จ

เมื่อวานเธอพยายามจะพูดว่า Catalogue แต่เธอออกเสียงว่า "คัท-หล๊อก" ผมก็งงว่า เธอจะว่าผม cut อะไร lock อะไร

เลยต้อง เอ่อ... pardon me - -" ง่า... เอ่อ.. เธอก็ยังพยายาม คัทลอกๆๆ .. คัทล่อกกุ .. เลยต้องสะกดทีละตัวอักษร ซี เอ ที เอ แอล....... อ๋ออออออออออออ

เก่งกันทั้งพี่ไทย และพี่ยุ่น ... เอิก..

+++++++++++

ปกติ ผมมักจะนั่งดูจิตดูใจตัวเองไปเพลินๆ ทุกเช้า โดยเฉพาะตอนขับรถไปทำงาน

ขับไปก็ดูพฤติกรรม การทำงานของจิตไป หลายเดือนเข้า ก็รู้สึกว่า มันมีความเปลี่ยนแปลงในภาพใหญ่ให้เห็นได้อยู่เหมือนกัน

ผมไม่กล้าอวดอ้างว่าผมปฏิบัติดี แต่ผมอยากยกผลประโยชน์ให้อายุตัวเองที่กำลังมากขึ้นๆ มากกว่า บวกกับการเจริญมรณานุสติ หรือการระลึกถึงเรื่องความจริงของชีวิต ว่าด้วยการดับของชีวิตอยู่เนืองๆ น่ะ

บางที ประสบการณ์ที่อัดผมมาจนน่วมแล้ว น่วมอีก ล้มลุกคลุกคลาน มันคงจะผลิดอกออกผลในช่วงนี้กระมัง

ไม่ใช่เรื่องดี เรื่องเด่ อะไรหรอกครับ มันก็แค่ผู้ชายวัย 37 ปลายๆ เกิดเข้าใจชีวิต เข้าใจโลก เข้าใจตัวเอง เข้าใจความต้องการตัวเองขึ้นมามากกว่าเดิม แล้วทุกข์น้อยลงอีกหน่อย เท่านั้นเอง

อยู่ๆ มันก็รู้สึกสบายใจ ในความไม่สมบูรณ์ ในความไม่ลงตัว ในความไม่มี ในความไม่พอดี ของชีวิตตัวเอง

มันไม่ใช่อาการ "ปลง" ไม่ใช่อาการ "ทำใจได้" .. ไม่ได้ชอบและไม่ได้ชัง ไม่ได้เฉยๆ ด้วยการคิดน่ะ

มันเหมือนคนที่อยู่ๆ ก็เข้าใจว่า.. อะไรๆ มันก็เป็นของมันอย่างนั้นแหละ ได้แค่ไหน ก็เอาแค่นั้น ไม่นึกอยากเปลี่ยนแปลงใคร ไม่อยากรบกวนใคร ไม่อยากกำหนดว่าต้องอยู่คนเดียวหรือเป็นคู่ มันชีวิตพอเพียงขึ้นมาก็เท่านั้น จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ แล้วจะเอาอะไรนักหนา

ผมไม่ได้ปลาบปลื้มอะไรกับสิ่งที่ผมเป็นมากนักหรอก ผมเชื่อว่า The Best Has Yet To Come อย่างที่เพลงๆนึงเขาว่าไว้

สมัยผมอายุ 13 ขึ้น ม. 1 ผมก็คิดว่า ผมคิดอะไรได้เยอะนะ ตอนขึ้น ม.4 ก็คิดงั้น เข้ามหาลัย ก็คิดงั้น ตอน 27 คิดจะแต่งงาน ก็คิดงั้น ตอน 30 ก็คิดงั้นอีก

ผมเลยมั่นใจว่า ตอน 42 หรือ 48 หรือ 55 ผมน่าจะคิดอะไรได้มากขึ้นไปเรื่อยๆ

ฉะนั้น มันก็คงไม่กระไร กับความคิดที่คิดได้ขึ้นมาตอนใกล้ 38 หรอก เผลอๆชาวบ้านอายุน้อยๆกว่าผม เขาคิดได้ทำได้มานานแล้ว เก่งกว่าผมก็มีถมไป

ทีแรก .. ผมกะจะมาด้วยข้อความที่ผมชอบสมัยทำงานโฆษณา แล้วสินค้าตัวนึงที่ผมดูแล มีแคมเปญสุดจ๊าบ พร้อมข้อความเท่ๆจำพวก ...

"ผมเรียนรู้ว่า... "

แต่ผมเปลี่ยนใจ.. เพราะไม่ได้อยากให้เป็นรายการอวดภูมิ ผมไม่ได้คิดว่ามันเป็นความสำเร็จอะไรเลย เพราะผมไม่ได้ทำอะไร

ผมคิดเองเล่นๆว่า คงเป็นของขวัญวันเกิด ที่สวรรค์ท่านคงเอ็นดูผม เลยส่งมาให้ล่วงหน้า เพื่อปลอบใจผม ไม่ให้ผมคิดมาก ทุกข์มาก เท่านั้นแหละ

เพียงแต่มันเป็นของใหม่สำหรับผม ของแปลกที่ผมไม่เคยมี ไม่เคยได้ ก็ขออมยิ้มให้มันหน่อย

ที่สำคัญ ผมเห็นด้วยที่ปราชญ์ ท่านว่า.. อะไรๆ มันก็ไม่เที่ยง ไม่ถาวร

ความรู้ก็ไม่อยู่ถาวร วันนี้รู้ พรุ่งนี้ก็อาจไม่รู้อะไรเลย กลับไปโง่กว่าเดิม

ความไม่รู้ก็ไม่อยู่ถาวร วันนี้ ไม่รู้ พรุ่งนี้จู่ๆ ก็อาจรู้ตื่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น

และอย่างที่ครั้งหนึ่ง ผมเคยพูดถึงเพลง Both Side Now ที่เขาว่า คนเราเรียนรู้มากขึ้นเรื่อยๆตามวัย และเวลา

แต่พอรู้ไปจนถึงที่สุดของความรู้ ถึงรู้ว่าคนฉลาดที่สุด คือคนที่รู้ว่า ตัวเราเองที่จริงแล้ว มันโง่จริงๆ โง่มากๆ นั่นแหละ

+++++++++++

ที่จริง ผมไม่ค่อยไยดีกับวันเกิดนะครับ ปกติน่ะ อย่างมากที่สุด ก็ไปวัดทำบุญ ตอนมีแฟน ก็อยู่กับแฟน

ชีวิตนี้ผมไม่เคยมีปาร์ตี้วันเกิด ประเภทที่มีเพื่อนมาเฮฮาคาราโอเกะ เพราะผมไม่รู้สึกว่า การที่อายุมากขึ้นอีกหนึ่งปี มันดียังไง

มันก็แค่วันๆหนึ่งในชีวิตนะ คิดถึงแม่มากกว่า ลองนึกว่า ถ้าผมมีมดลูก รังไข่ ต้องมาอุ้มท้องให้ชีวิตๆนึง อาศัยเกาะเรากินตั้ง 7-8 เดือน (ผมคลอดก่อนกำหนดเยอะครับ) ผมคงไม่ไหว

ฉะนั้น.. ผมจะหวังน้อยมาก ว่าใครจะมาทำอะไรให้ ไม่ว่าจะเพื่อน แฟน คนรัก ฯลฯ เมื่อก่อนอาจจะหวังแค่คนรักคนนึงห้ามลืม ตอนนี้ไม่มีคนรัก ยิ่งไม่ต้องหวังอะไร

ใครตั้งใจจะอวยพรอะไร จะเขียนถึง ไม่เขียนถึง ก็ตามแต่ แค่คุณตั้งใจดี ผมก็ขอให้พรของทุกคน ที่อยากส่งให้ผม ส่งผลดีถึงตัวท่านเอง บวกกับทุกท่านที่อ่านอยู่ด้วย

เรื่องจัดงานวันเกิด ไม่ได้ว่าใครนะ ไม่ต้องมายึดถืออะไรตามผมด้วย

ใครอยากจัดงานฉลอง เพื่อประกาศการเดินหน้าไปของอายุ ก็ไม่ได้ผิดอะไรนะครับ ชอบยังไงก็ทำไปตามปกติของท่านแหละ

ไม่รู้จะลงยังไงดี จบมันดื้อๆ อย่างนี้เลยก็แล้วกัน
สุขสันต์วันใกล้วันเกิดผมนะครับ




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2549    
Last Update : 25 สิงหาคม 2549 1:58:35 น.
Counter : 2081 Pageviews.  

เพียงมองโลกนั้นไซร้ ในแง่ดี

บล็อคก่อนโน้น เอาเพลงนี้มาประกอบเล่นๆ
ปรากฏว่ามีคนชอบเยอะ ทั้งหน้าไมค์ หลังไมค์

เลยตั้งใจพูดถึงเพลงนี้เสียเลย

ใครที่เคยดูหนังเรื่องอัศวินโต๊ะเบี้ยว อาจจะเคยคุ้นชื่อกลุ่ม monty python บ้างนะครับ

มอนตี้ไพธ่อน เป็นตลกปัญญาชนของอังกฤษ เทียบกับบ้านเราก็คงประมาณกลุ่มปั้นจั่นสำอาง ของถาปัตย์ฯ เมื่อก่อน

ใครเกิดไม่ทันก็นั่งเฉยๆ ไม่ต้องแซว เดี๋ยวตลกเลิกแล้วแบ่งตังค์ให้

มีเรื่องเล่าว่า ครั้งนึง พวกมอนตี้ไพธ่อน กำลังถ่ายฉากสุดท้ายของหนังเรื่อง Life Of Brian กันอยู่

ปรากฏว่าถ่ายยังไงๆ ก็ไม่ได้อย่างใจ บรรยากาศก็เริ่มมาคุๆ จนทีมงานท้อกันไปหมด อยู่ๆ สมาชิกคนนึงที่ชื่อ เอริค ไอเดิล ก็แก้เซ็งด้วยท่อนนึงของเพลงนี้ขึ้นมา ซึ่งปรากฏว่าทุกคนชอบมาก ยกเว้นตัวเอริคเอง (อ้าว!!) เพลงนี้ก็เลยถูกเอามาใช้งานจริงๆ

"บางเวลา ชีวิต คิดไปใจละห้อย
คิดแล้วจ๋อยเคืองขุ่นวุ่นไม่หาย
ขุ่นแล้วคิด จิตยิ่งวุ่น กรุ่นไม่คลาย
โกรธให้ตายจนวายวอด ไม่มอดลง

เพียงปล่อยวาง ลดความกร่าง กระจ่างคืน
เปลี่ยนจุดยืนมองมุมใหม่ไม่ยากหนา
ผิวปากรื่นพริ้วแผ่ว แว่วชีวา
แล้วจะพาโศกสลายมลายพลัน"

ฟังเพลงแล้วแปลไม่ออก ถามได้นะครับ
จะโยกหัว ขยับเท้า ผิวปากตามได้ ไม่ผิดกติกาฟีฟ่าสากล

Always Look on the Bright Side of Life
From: A Faire To Remember
words and music by Eric Idle

Some things in life are bad
They can really make you mad
Other things just make you swear and curse.
When you're chewing on life's gristle
Don't grumble, give a whistle
And this'll help things turn out for the best...

And...always look on the bright side of life...
Always look on the light side of life...

If life seems jolly rotten
There's something you've forgotten
And that's to laugh and smile and dance and sing.
When you're feeling in the dumps
Don't be silly chumps
Just purse your lips and whistle - that's the thing.

And...always look on the bright side of life...
Always look on the light side of life...

For life is quite absurd
And death's the final word
You must always face the curtain with a bow.
Forget about your sin - give the audience a grin
Enjoy it - it's your last chance anyhow.

So always look on the bright side of death
Just before you draw your terminal breath

Life's a piece of shit
When you look at it
Life's a laugh and death's a joke, it's true.
You'll see it's all a show
Keep 'em laughing as you go
Just remember that the last laugh is on you.

And always look on the bright side of life...
Always look on the right side of life...
(Come on guys, cheer up!)
Always look on the bright side of life...
Always look on the bright side of life...
(Worse things happen at sea, you know.)
Always look on the bright side of life...
(I mean - what have you got to lose?)
(You know, you come from nothing - you're going back to nothing.
What have you lost? Nothing!)
Always look on the right side of life...

มีหลายท่อนฟังเนื้อแล้วฮาดี มีใครจะบ้าแต่งเพลงแบบนี้มั่ง

Life's a piece of shit
When you look at it
Life's a laugh and death's a joke, it's true.
You'll see it's all a show
Keep 'em laughing as you go
Just remember that the last laugh is on you.

ท่อนนี้ไม่ตั้งใจให้เป็นกลอนนะครับ
อันเพราะๆ ลงไปอ่านที่ comment คุณ Life's เขียนเพราะมากครับ

อันชีวิตมองนานๆพาลเหมือนขี้
ถ้าชีวีคือเสียงหัวเราะ ความตายก็แค่เรื่องตลก
อย่าคอตก แล้วจะเห็นว่ามันเป็นแค่ละครตอนหนึ่ง
ให้เขาทึ่ง และหัวเราะเต็มที่ยามถึงทีคุณต้องไป
จะดีกว่าไหม ถ้าจะจากไปด้วยความเบิกบาน

แถมคอร์ดกีตาร์ให้ด้วยเอ้า ใครมีเปียนโนก็ติ๊งต่องไปได้นะครับ

ฟังแล้วอ่านแล้ว มีอะไรหนักอกหนักใจ ก็วางๆไว้มั่งน่ะครับ
เสาร์อาทิตย์ คิดมากไปก็เหนื่อยเปล่า

KEY Am

verse:
Am G
Am G
Am G E7
A7 D7

chorus:
G E7 Am D7
G E7 A7 D7



สุขสันต์วันศุกร์นะครับ




 

Create Date : 18 สิงหาคม 2549    
Last Update : 23 สิงหาคม 2549 23:49:49 น.
Counter : 1344 Pageviews.  

ความเปราะบางของชีวิต

ไม่รู้ว่าโลกนี้ คนชื่อเอกมีเยอะมากเป็นพิเศษ หรือดวงผมสมพงษ์กับคนชื่อเอกไม่ทราบได้

ผมถึงมีเพื่อนชื่อเอกเยอะเป็นพิเศษ กว่าชื่อใดๆทั้งหมด

หนึ่งในบรรดาเอกเหล่านั้น ตอนนี้คงเดินโต๋เต๋แถวๆ 5th Avenue ในนิวยอร์คเรียบร้อยแล้ว

เอกคนนั้นโทรมาถามผมก่อนไปว่า "อยากได้ไรป่าว"
ผมนึกอยู่ครู่นึง แล้วก็บอกชื่อหนังสามเรื่องที่ผมหาซื้อที่นี่ไม่ได้

หนึ่งในจำนวนนั้น คือหนังที่ชื่อ The Unbearable Lightness Of Being
เขาสร้างจากนิยายของนักเขียนชาวยุโรปตะวันออกสักคน จำชื่อไม่ได้
คลับคล้ายละม้ายชื่อ แมนดาริช อะไรสักอย่าง

จำผิดไปแก้ให้ด้วยจะขอบคุณ และห้ามถือสาผม เพราะความจำผมสั้นพอๆกับปลาทอง

ผมเคยดูหนังเรื่องนี้ สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ในวิชาว่าด้วยการวิจารณ์ภาพยนตร์

จำได้ว่าเป็นหนึ่งในวิชา ที่ผมไม่อยากให้หมดคอร์สเลยพับเผื่อย อยากเรียนไปนานๆ เพราะอาจารย์ช่างสรรหาหนังดีๆแปลกๆ ที่ผมไม่รู้จัก มาให้ดู

แกนหลักของหนังเขาพูดอยู่สามเรื่อง คือ
หนึ่ง.. เรื่องของความล้มเหลวของระบอบคอมมิวนิสต์
สมัยที่รัสเซียเข้ายึดเชคโกสโลวะเกีย

สอง.. เรื่องธรรมชาติในความสัมพันธ์ ความรักของมนุษย์เพศชาย กับหญิง

สาม.. เรื่องความเปราะบางของชีวิต ที่อาจารย์ผมท่านเรียกว่า
การเล่นตลกของพระเจ้า ต่อชีวิตมนุษย์

สองเรื่องแรก ผมขอข้าม ไม่กล่าวถึง เพราะไม่ได้ตั้งใจจะมาวิเคราะห์เรื่องหนัง

แต่เรื่องความเปราะบางแห่งชีวิต หรือ "Lightness Of Being" มันน่าสนใจสำหรับผมมากกว่า

เมื่อคราวพระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธ์ ปรินิพพาน ท่านทรงแสดงธรรมครั้งสุดท้าย และสอนว่า..

ท่านทั้งหลายจงยังประโยชน์อยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด..

หลายสำนักแปลความใกล้เคียงกันว่า ทรงเตือนให้มีชีวิตด้วยการหมั่นเจริญสติ อย่ามีชีวิตแบบอยู่ไปวันๆ ให้เวลาหมดเปลืองไป ..

เพราะสิ่งที่แน่นอนที่สุด.. ก็คือความไม่แน่นอน

คำว่ายังประโยชน์ ผู้รู้ท่านว่า.. หมายถึงการมีชีวิตนั่นแหละ
เพราะในศาสนาพุทธถือว่าการได้เกิดเป็นมนุษย์ เป็นเรื่องของคนบุญสูง

คือถ้าเป็นเทวดา เป็นพรหม ก็มักจะสุขกาย สบายใจ ไม่มีความทุกข์ ไปนานแสนนาน

เมื่อไม่มีทุกข์ ก็ไม่เห็นความจำเป็นจะต้องปฏิบัติเพื่อการบรรเทาทุกข์ หรือปัญญาเพื่อการหลุดพ้นอะไร

ไม่ต้องเทวดา หรือพรหมหรอก ดูคนใกล้ๆตัวเราก็ได้
บางคนเกิดมาบนกองเงินกองทอง ชีวิตแสนสุข สบาย
มีปัญญาวิ่งหาสุขมาใส่ตัวได้เนืองๆ

ไม่เคยต้องเจอทุกข์อะไรเลย หรือเจอก็เล็กจนมองไม่เห็นว่าเป็นสาระ คนกลุ่มนี้ เขาไม่สนใจเรื่องปฏิบัติธรรมหรอกครับ

แต่พอเสวยบุญหมดรอบรำวง ก็ต้องไปซื้อตั๋วข้างล่างขึ้นมาใหม่ เวียนไป เวียนมาอย่างนี้

พระพุทธเจ้าถึงตรัสว่า ถ้ายังอยากหลุดพ้น อยากเป็นศิษย์ตถาคต มาเกิดเป็นมนุษย์นี่แหละ ประเสริฐสุด

เพราะมีแต่ทุกข์ให้รู้ ให้ดูได้ทั้งปี ทั้งชาติ ไม่มีขาด
ไม่ทุกข์กาย ก็ทุกข์ใจ สลับสับเปลี่ยนเวียนกันไป

อย่างผมนั่งพิมพ์ๆนี่ เมื่อยหลัง เมื่อยก้น เมื่อยตา เมื่อยสมองมาตั้งหลายหน อันนี้เขาเรียกทุกข์กาย

พิมพ์ๆไป เหลือบดูนาฬิกา โหย.. เลยเที่ยงคืนแล้ว ไม่อยากนอนดึก นี่ทุกข์ใจมาแล้วเห็นๆ เอิก...

ไม่มีใครรู้ว่า เราจะมีชีวิตอยู่ไปได้นานเท่าไหร่
คืนนี้นอนแล้ว พรุ่งนี้ยังจะตื่นมาหายใจหรือเปล่า ก็ไม่มีใครรับรองได้

คนบางคนเป็นนักกีฬา ดูรักสุขภาพ แข็งแรงบึกบึน
ชีวิตกำลังรุ่งๆ ครอบครัวก็แสนจะสมบูรณ์
จู่ๆ ก็หัวใจวายบ๊ายบายกันง่ายๆขนาดนั้น

เกือบสิบปีก่อน นายเก่าผมท่านนึง อายุเพิ่งจะย่างสี่สิบ เป็นคนเก่ง ฉลาด เป็นคนดีมาก แต่หนุ่มๆแกใช้ชีวิตเปลืองไปหน่อย นอนน้อย ดื่มบ่อย สูบบุหรี่จัด

ยังเห็นกันหลัดๆ อยู่ๆ หมอก็บอกว่าเป็นมะเร็ง อีกไม่กี่เดือน ก็จากไปอย่างปุบปับ

บางคนบอกว่า .. โลกนี้ไม่ยุติธรรม ทีอีตาแฟรงค์ ซีนาตร้า ทั้งเที่ยว กินเหล้า สูบบุหรี่ เคล้านารี หมอเตือนตั้งแต่สมัยแกอายุสี่สิบ แกก็เชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง

ปรากฏว่า คุณหมอประจำตัวปู่แฟรงค์ นั่นแหละ ตายไปก่อนปู่แกตั้งนาน ตัวปู่แฟรงค์ ก็อายุยืนถึง 80 ได้แน่ะ

ไม่ได้มาสนับสนุนบอกว่า.. ให้ทำตัวเสเพล กินดื่มไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังนะครับ

ที่ยกมา เป็นแต่ตัวอย่าง ที่จะบอกว่า อะไรๆในโลกนี้ ต่างก็ไม่แน่ไม่นอนทั้งนั้น

อย่าไปคิดว่าตัวเองทำอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วจะต้องอายุยืน
จะต้องมีความสุขในบั้นปลายถึงผมหงอกฟันร่วง มันไม่แน่หรอก

อย่างพระเอกนางเอกในเรื่อง รักกันมากแต่ทะเลาะกัน เพราะพระเอกเป็นหมอเจ้าชู้
ขนาดตกระกำลำบากเพราะคอมมิวนิสต์ ก็ยังไม่วายออกลาย

กว่าจะคิดได้ นางเอกก็แทบจะยอมแพ้ไปหลายรอบ

ที่น่าเจ็บใจมากกว่านั้น พอคิดได้ ก็ทิ้งชีวิตเมืองกรุงไปเป็นชาวไร่ชาวนาอยู่บ้านนอก ชีวิตกำลังจะลงตัว ลักกี้ทั้งงานและความรัก

ดันขับรถไปเกิดอุบัติเหตุตายหมู่กันเสียนี่

ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง .. ต้องท่องไว้บ่อยๆ
เวลาอะไรเกิดโดยไม่คาดไม่ฝัน จะได้ยอมรับมันได้

มีอะไรที่อยากทำ ก็รีบทำนะครับ



เพลงวันนี้ชื่อ We're All Alone พอกล้อมแกล้มกับเรื่องวันนี้ได้
เค้าพูดเรื่องความจริงของชีวิตว่า คนเรา เวลามา ก็มาคนเดียว ไปก็ไปคนเดียว

จะเศร้าอะไรไปนักหนา




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2549    
Last Update : 18 สิงหาคม 2549 9:02:06 น.
Counter : 1180 Pageviews.  

ความพิเศษในความธรรมดา

น้องท่านนึงแนะนำให้ผมหาหนังเรื่อง Hilary & Jackie มาดู

ว่ากันว่าสร้างจากเรื่องจริงของนักเชโลสาวคนนึงนะครับ

ประเด็นหลักของหนัง พูดเรื่องความผูกพันของพี่น้องสองสาว แต่ที่ผมติดใจ ไม่ใช่เรื่องนั้น

ผมสนใจเรื่องการเป็นคนธรรมดา ที่กลายเป็นคนพิเศษ
และการที่คนพิเศษอยากกลายเป็นคนธรรมดา

แจ็คเกอลีน ดูพรี เป็นผู้หญิงธรรมดา ที่กลายเป็นคนพิเศษขึ้นมาได้ ด้วยการเล่นเชลโลชนิดหมกหมุ่น จนมีทุกอย่างที่คนส่วนมากอยากได้ คือชื่อเสียง เงินทอง คำชื่นชม

แต่วันนึง เธอกลับพบว่า เธออยากเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา
ที่อยากได้รับความรู้สึกว่า มีใครสักคนรักเธอจริงๆ

ฮิลลารี่ เป็นผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเทียบกับน้องสาวได้ ในเรื่องดนตรี ชื่อเสียง เงินทอง เธอดูมีแววในวัยเยาว์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป น้องสาวก็ทิ้งห่างเธอไปเรื่อยๆ และวันนึง เธอก็เลือกจะเป็นภรรยา เป็นแม่บ้านของครอบครัวบ้านนอก

แต่เธอเป็นคนพิเศษขึ้นมาได้ เพราะความรักของผู้ชายคนนึง

ผมเคยได้ยินประโยคนึง จากที่ไหนจำไม่ได้
เขาพูดว่า You might be no one to this world. But you are the World to me.

คุณอาจไม่มีความหมายอะไรสำหรับโลกใบนี้
แต่... คุณคือโลกทั้งใบสำหรับผม

ฮิลลารี่บอกน้องสาวในวันหนึ่งว่า..
อาจจะดูยาก ที่จะเป็นคนพิเศษ คนดัง
แต่เชื่อไหม มันยากพอๆกันที่จะเป็นคนธรรมดา

ผมนึกๆดูแล้ว เห็นจะจริง ..
ถึงผมจะพบว่าการเป็นคนธรรมดาของผม
ไม่ทำให้ผมพิเศษอะไรเหมือนคุณเคน ธีรเดช หรือติ๊ก เจษฎาภรณ์

แต่ผมคงไม่สนุก ถ้าเดินไปไหนกับคนรัก
จะช้อปปิ้ง กินข้าว ดูหนัง ไปวัด ก็ต้องมีแต่ปาปารัสซี่ถ่ายรูปไปขาย

ผมเห็นดาราหลายคนที่ดังตั้งแต่อายุยังน้อย
แต่พอชื่อเสียงหด อายุมากขึ้น คลื่นลูกหลังไล่มา
อายุก็ปาเข้าไป สามสิบกว่า จะไปทำอะไรแบบคนธรรมดา ก็ลำบาก

นึกไปนึกมา เป็นคนธรรมดานี่แหละดีแล้ว วันไหนอยากนั่งรถเมล์ ก็ไม่มีใครมองว่าเป็นดาราตกยาก

อีกอย่าง.. หน้าอย่างผมนี่ .. ถ้าได้เป็นดาราจริงๆ
ก็คงเป็นดาราตลก ประมาณ จิ้ม ชวนชื่น แอสตัน เชิญยิ้ม


เอิก...

ดีใจจัง คันหลังก็เกา.. เอ๊ย.. พรุ่งนี้ได้หยุดอีกวัน

ฮี่ๆๆๆ



วันนี้เอาเพลงโปรดของผมมาฝากครับ
บางท่านคงเคยผ่านหูมาบ้าง เพลงชื่อ Always Look On The Bright Side Of Life ของกลุ่มคนบันเทิงเพี้ยนๆของอังกฤษชื่อ มอนตี้ ไพธ่อน

ความหมายของเพลงดีมาก (อีกแล้ว ชอบเข้าข้างเพลงที่ตัวเองชอบ) เขาชวนให้เรามองโลกในแง่ดีเข้าไว้

อ้าว.. เพลงเขาดีจริงๆนา




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2549    
Last Update : 18 สิงหาคม 2549 9:00:10 น.
Counter : 1027 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.