The Prestige เหนือฟ้ายังมีฟ้า
ช่วงนี้ผมอยากดูหนังอยู่สองเรื่อง และ the Prestige เป็นหนึ่งในนั้น เพิ่งดูมาเมื่อค่ำนี้เอง สดๆ อุ่นๆ บอกคุณได้ว่านี่เป็นหนังที่น่าดูมาก แม้ว่าบางท่านอาจจะไม่ชอบ เพราะวิธีการเล่าเรื่องมันซับซ้อน ชนิดคุณแทบกระพริบตาไม่ได้แม้วินาทีเดียว คล้ายกับเวลาคุณไปชมมายากลนั่นแหละครับ กระพริบตาทีนึง ก็ตามคนแสดงไม่ทันแล้ว ผมชอบสไตล์ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ตั้งแต่แบทแมนบีกินส์เป็นการส่วนตัว ส่วนเมเมนโต้ ผมยังไม่เคยดู พล็อตเรื่องเป็นเรื่องของเพื่อนรักนักมายากล ที่กลายมาเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ตามจองล้างจองผลาญกัน สนุกมากทีเดียวครับ ผมไม่อยากเล่ามาก เพราะเรื่องนี้สนุกตรงที่คุณต้องคอยเดาเรื่องตามไปเป็นฉากๆ และรับรองว่าตอนจบจะทำให้คุณถึงกับอึ้ง ในการเฉลยของผู้กำกับ ที่อึ้งไปกว่านั้น ผมเพิ่งจะรู้หลังจากนั่งเขียนบล็อคนี่ ว่าเดวิด โบวี่ นักร้องคนเก่งของอังกฤษก็มาแสดงด้วย แต่ถ้าชอบดูอะไรง่ายๆ แบบหลวงพี่เท่ง นักเลงภูเขาทอง ก็ไม่ควรไปดูนะครับ คุณอาจจะงงเอาดื้อๆ จะว่าไป ชีวิตคนเราบางทีก็ซับซ้อนเสียยิ่งกว่าหนังเรื่องที่อัศจรรย์พันลึกที่สุด ผมเคยรู้สึกเสมอ เหมือนในเพลง Nature boy ว่า " The greatest thing you'll ever learn is to love and be loved in return" แต่วันนึง อยู่ๆก็รู้สึกขึ้นว่า ที่เราต้องการ ไม่ได้ต้องการให้ใครมาเป็นของเราหรอก เราอยากเห็นเขามีความสุขต่างหาก ถ้าเขาจะอยู่กับเราแล้วมีความสุข เขาก็คงจะอยู่ ถ้าเขาอยู่แล้วไม่มีความสุข เขาก็คงไป ถึงจะรัก แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด หรือในอีกทางหนึ่ง ถึงเราจะรักเขา แต่ถ้าไม่มีเรา เขาจะทุกข์น้อยกว่ามีเราอยู่ เราก็ควรจะไปเหมือนกัน ฉะนั้น.. หลังๆนี่ ไปชอบใคร ใครจะชอบไม่ชอบผม จะไปมีแฟนเป็นใคร ผมก็ไม่ว่าอะไร เป็นแฟนกะใครก็ได้ ขอให้เขามีความสุขก็แล้วกัน มองในมุมนึง มันอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจ ยากเหมือนกันนะ เหมือนเพลง Fool On The Hill เลยจับมารวมกันในเพลงเดียว กลายเป็น Fool On The Hill / The Nature Boy ฟังเสียงร้องและเปียนโนโดย ปีเตอร์ ซินคอตติ ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ
Create Date : 07 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2549 0:17:43 น.
Counter : 1534 Pageviews.
Middle Age Crisis วิกฤตวัยกลางคน
ฝรั่งเขาบอกว่า ชีวิตผู้ชายเริ่มต้นที่ 40 แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นวัยเริ่มต้นของช่วงอายุที่เรียกว่า "วัยกลางคน" ด้วย ผมยังไม่ 40 นะครับ .. แค่ใกล้ๆ อย่างที่เคยบอกว่าเลยแยกเกษตรมาแล้ว แต่ยังไม่ถึงหลักสี่ เมื่อคืน เพื่อนๆโรงเรียนเก่าผมเขาจัดงานเลี้ยงรุ่นกัน ก่อนจะไปก็ทำใจไว้ล่วงหน้า เพราะในบัตรเชิญ เขาเตือนว่า "อย่านำลูกและภรรยาไปด้วย" ประเด็นวันนี้ ไม่ได้จะบอกว่า ใครชั่วใครทรามอะไรหรอกนะครับ เรื่องพวกนี้ถ้ามันเป็นไปโดยความสมัครใจของคนโชว์ คนดู หรือมากกว่าดู มันก็เป็นเรื่องที่ถือว่า ไม่มีใครละเมิดใคร ว่ากันไม่ได้ เพียงแต่ ตั้งข้อสังเกตว่าในวัยกลางคนนี่ ส่วนมากจะมีครอบครัว มีลูกกันหมดแล้ว เรื่องแบบนี้ ถ้าภรรยาที่บ้านรู้ ก็ระเบิดลง ยิ่งถ้าเลยเถิด ก็บ้านแตก ผมคุยกับเพื่อนที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดงานคนหนึ่ง เขาก็บอกว่า เขาไม่ได้อยากให้มี แต่แกนนำคนอื่นๆยืนยันว่าต้องมี ผมอยู่สักพักใหญ่ แล้วก็กลับ เพราะเพื่อนๆก็เจอแล้ว คุยแล้ว ไอ้อย่างอื่นไม่ใช่ไม่ชอบ ไม่ใช่ไม่รู้สึกอะไรแล้วหรอกครับ แต่เพราะยังรู้สึกรู้สานั่นแหละ ถึงไม่อยากดูมาก และผมเห็นใจในฐานะเพื่อนมนุษย์เหมือนๆกันมากกว่า ว่า..คนเราเกิดมาเป็นคนหน้าตาดี รูปร่างดี น่าจะมีอาชีพอื่นที่ดีกว่านั้น เพราะโดยกฏของกรรมวิบาก เขามีบุญที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ มีบุญที่รูปร่าง หน้าตาดี ถ้าอดทนสักนิด สร้างกรรมปัจจุบันให้ดี ก็น่าจะมีทางเลือกดีกว่านี้ ไม่ได้รังเกียจคนที่ทำงานอาชีพนี้นะครับ ไม่ได้บอกว่าเป็นอาชีพต่ำ แต่เรียกว่าเป็นอาชีพที่เกิดขึ้นด้วยความบีบคั้นของชะตากรรม และเป็นความประมาทส่วนหนึ่งของพวกเพื่อนๆผมเอง ที่เห็นว่ามันเป็นความสนุก ความตื่นเต้น และการปลดปล่อย ขนาดเมื่อคืนไม่ได้พูดอะไรเรื่องนี้สักคำ แค่เพื่อนชวนให้อยู่ดูอีก จะมีแบบฮาร์ดคอร์ให้ดู แต่ผมบอกว่าดึกแล้ว ผมกลับดีกว่า ก็มีคนพูดให้ผมได้ยิน(อีกแล้ว) ว่า.. "นายคิดอะไรมากวะ..อีกไม่นานก็ตายแล้ว" หลายวันก่อน เพิ่งได้ยินเรื่องพี่ชายท่านนึงในที่ทำงานเก่า ว่ากำลังมีวิกฤตชีวิตหนัก ทั้งส่วนตัว การงาน เรื่องมีสาวสวยมาติดพัน ซึ่งรายนี้ ผมได้ยินมานานแล้ว เจ้านายที่ทำงานเก่าเคยเตือนมานาน ก็ได้ยินว่า พี่เขาจะเลิกๆ สองปีผ่านไป ผมถึงตกใจว่ายังไม่เลิกอีกเหรอ แต่ถึงจะตกใจ ก็ต้องยอมรับว่า ผมไม่แปลกใจ.. ผู้ชายวัยกลางคน มักจะดูดีมีภาษี ทั้งในเรื่องหน้าที่การงาน เรื่องความคิดอ่าน ความเป็นผู้ใหญ่ ความมั่นคง ฐานะ แต่ก็มีความจริงอีกอันที่ขัดแย้งกันชนิดสุดกู่ คือวัยนี้แหละ ที่ความคิดอ่านจะวิ่งตามหลังความต้องการบ่อยๆ และบ่อยครั้งที่ขาดความมั่นคงทางจิตใจ โดยเฉพาะเรื่องความพอใจในชีวิต อยากมีบ้านก็มี อยากมีรถก็มี ภรรยา ลูก ก็มีแล้ว เงินก็มี งานก็มั่นคง ภรรยาที่บ้านก็เริ่มแก่ เริ่มเก่า ไม่เร้าใจ เจอหน้าทีไรก็เอาแต่บ่น เข้าบ้านที ก็มีแต่ปัญหา ไม่ซาบซ่าเหมือนแรกๆที่แต่งงาน พอมีสาวๆใสๆ เอ๊าะๆอึ๋มๆ มาเคาะหัวใจให้กุ๊กกิ๊ก จะให้ตัดใจกันง่ายๆ ก็กระไรอยู่ บางคนเกิดรู้สึกขึ้นมา ว่าอันตัวข้าพเจ้านี้ ก็ทำงานเหน็ดเหนื่อย เพื่อครอบครัวมานาน จะหาความสุขเล็กๆน้อยๆนอกบ้านบ้าง จะเป็นไรไป แต่เห็นอยู่ฝ่ายเดียว ฝ่ายภรรยา ไม่เห็นพ้องด้วย วิกฤตวัยกลางคน จึงเริ่มขึ้นด้วยประการฉะนี้ครับ โดยมีความยินดีในเนื้อหนังมังสาอารมณ์ เป็นแรงขับสำคัญ เมื่อวันที่ผมนั่งเครื่องไปฮ่องกง ผมติดหนังสือไปด้วย 4 เล่ม หนึ่งในนั้น เป็นหนังสือที่ผมได้มานานเกือบปีแล้ว แต่ไม่ได้อ่านเสียที ชื่อ "พระพุทธโอวาสก่อนปรินิพพาน" โดยอาจารย์วศิน อินทสระ อ่านแล้วน้ำตาคลอ .. ความตอนนึงเล่าถึงพระสาวกของพระพุทธเจ้ารูปนึงชื่อ อุปกะชีวก ท่านเขียนว่า "สตรีเปรียบประดุจน้ำมัน บุรุษเล่าก็อุปมาเหมือนเพลิง เมื่อเพลิงอยู่ใกล้น้ำมันก็อดที่จะลามเสียมิได้" และท้าวความถึงสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนอุปกะชีวก ว่า "ดูก่อนอุปกะ ความทุกข์ทั้งมวลมีมูลรากมาจากตัณหา อุปาทาน ความทะยานอยากดิ้นรน และความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเรา เป็นของเรา รวมถึงความเพลินใจในอารมณ์ต่างๆ สิ่งที่เข้าไปเกาะเกี่ยวยึดถือไว้ โดยความเป็นตนเป็นของตน ที่จะไม่ก่อทุกข์ก่อโทษให้นั้นเป็นไม่มี หาไม่ได้ในโลกนี้ เมื่อใดบุคคลมาเห็นสักแต่ว่าได้เห็น ฟังสักแต่ว่าได้ฟัง รู้สึกสักแต่ว่าได้รู้สึก เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ เพียงสักแต่ว่า ไม่หลงไหล พัวพัน มัวเมา เมื่อนั้นจิตก็จะว่างจากความยึดถือต่างๆ ปลอดโปร่งโล่งแจ่มใส เบิกบานอยู่ ดูก่อน อุปกะ.. เธอจงมองดูโลกนี้ โดยความเป็นของว่างเปล่า มีสติอยู่ทุกเมื่อ ถอนอัตตานุทิฏฐิ คือความยึดมั่น ถือมั่นเรื่องตัวตนเสีย ด้วยประการฉะนั้น เธอจะเบาสบายคลายทุกข์ คลายกังวล ไม่มีความสุขใด ยิ่งไปกว่าการปล่อยวาง และการสำรวมตนอยู่ในธรรม" ขอให้ทุกท่านโชคดี ใครจะเข้าวัยกลางคน ก็ขอให้ "แก่และฉลาด" Old and Wise อย่างชื่อเพลงของ the Alan Parson Project นะครับ สุขสันต์วันลงกระทอยครับ
Create Date : 05 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2549 0:14:04 น.
Counter : 4251 Pageviews.
~A Song For You~ โลกของเสียงเพลง โลกของเรา
ติดลมมาจากบล็อคเมื่อวานครับ ที่บอกว่าจะเอาเพลงชื่อ A Song For You มาให้คุณฟัง อย่างที่เล่าไว้ว่า นี่เป็น1 ใน 2 ผลงานที่ Leon Russell ประพันธ์ไว้ แล้วผมปลื้มมาก ลีออน เป็นคนอเมริกัน เกิดในรัฐโอคลาโฮม่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 1942 เป็นทั้งนักร้อง นักเปียนโน นักแต่งเพลง และนักกีตาร์ฝีมือดี เขาเริ่มอาชีพนักดนตรีตั้งแต่อายุ 14 โดยปกปิดอายุจริงๆของตัวเอง เพื่อให้ได้เล่นกับวงแบคอัพของไนท์คลับ ลีออน แต่งเพลงนี้ไว้เมื่อปี 1970 และกลายเป็นเพลงที่นิยมเอามาร้องใหม่กันอุตลุต ไล่ตั้งแต่ เดอะ คาร์เพนเตอร์ส เรย์ ชาลส์ ดอนนี่ แฮทธาเวย์ เดอะ เทมเทชั่นส์ คุณติ๊นา อาร์กีเลร่า นาตาลี โคล ซิมพลีเรด และฉบับที่ผมเลือกมาให้คุณฟัง จากไมเคิล บลูเบลย์ เนื้อเพลงพูดถึง ผู้ชายที่ทำผิดต่อคนรัก แล้วก็อ้อนวอน ขอให้เธอให้อภัย
เนื้อเพลงเป็นดังนี้ .. ไม่กล้าแปลครับ ผมอายคุณ 'ปราย พันแสง แฮ่... คุณปราย เธอแปลและเขียนแบบนี้ สละสลวยมาก ส่วนผมจะทำได้ ต้องนั่งปั้นหม้อรอไอเดียอีกครึ่งวัน เอาเฉพาะภาษาปะกิต ไปยำกันเอาเองตามอัธยาศัยนะครับ I've been so many places in my life and time I've sung a lot of songs I've made some bad rhyme I've acted out my life in stages With ten thousand people watching But we're alone now and I'm singing this song for you I know your image of me is what I hope to be I've treated you unkindly but girl can't you see There's no one more important to me So darlin' can't you please see through me Cause we're alone now and I'm singing my song for you You taught me precious secrets of the truth witholding nothing You came out in front and I was hiding But now I'm so much better and if my words don't come together Listen to the melody cause my love's in there hiding I love you in a place where there's no space or time I love you for my life coz you're a friend of mine And when my life is over Remember when we were together We were alone and I was singing my song for you And when my life is over Remember when we were together We were alone and I was singing my song for you แต่ถ้าคุณเคยฟังผมร้องเพลงมาก่อน ถึงจะอยู่กับผมสองคน รับรองว่าคุณไม่อยากให้ผมร้องเพลงแน่ๆ ใครชอบใจ หาซื้ออัลบั้มชื่อ It's Time ของ michael buble (อ่านว่า บลูเบล์ย) ได้ เขาคือคนเดียวกับที่ร้องเพลง Home ผมมีอัลบั้มเขาทุกชุดครับ หนุ่มคนนี้ ร้องเพลงดีมาก ช่วยอุดหนุนเขาหน่อย ต้นสังกัดเขาจะได้มีกำลังใจ เมื่อวานตอนไปยืนดูซีดีที่ร้าน โดเรมี ผมรู้สึกอะไรขึ้นมาอย่างนึง คือมองผนังที่เต็มไปด้วยซีดี แล้วก็รู้สึกตัวเองตัวเล็กจัง โลกนี้มีเพลงตั้งเยอะที่เราไม่เคยฟัง นักร้องอีกหลายคนที่ไม่รู้จัก ไม่ต้องเอาร้านโดเรมีก็ได้ เอาใกล้ๆตัวนี่แหละ เวลาเข้าไปบล็อคน้อง King Of Pain ก็จะได้ฟังอะไรแปลกๆเสมอ เข้าไปบล็อคคุณ'ปราย พันแสง ก็จะได้ยินเพลงอีกสไตล์ ทั้งที่เป็นเพลงที่ผมชอบๆนั่นแหละ วันก่อน เข้าไปบล็อคน้องคนนึงชื่อลูก้า เธอแปะเพลงโปรดของผม ชื่อ I Don't like monday ก็ยังอุตสาห์เป็นฉบับที่ผมไม่เคยฟังอีกนั่นแหละ แต่ไม่ได้จะบอกว่า มันคอขาดบาดตายนะครับ เพราะโลกของเสียงเพลง ก็เหมือนโลกของสิ่งอื่นๆ เหมือนโลกของคนรักของคุณ เหมือนโลกของพุทธศาสนา เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง รู้ทุกอย่าง ก็มีความสุขได้ เอาแค่บางอย่างบางเรื่อง ที่สำคัญ ที่หล่อเลี้ยงจิตใจเรา และไม่ทำให้เราพลาดอะไรที่สำคัญไป เราไม่จำเป็นต้องรู้จักทุกเพลงบนโลก เพื่อจะมีความสุข เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องของคนรัก เพื่อจะเป็นคนรักที่ดี เราไม่จำเป็นต้องรู้พระไตรปิฎกทุกข้อทุกหมวด เพื่อจะเป็นชาวพุทธที่ดี เพราะคนจะเข้าใจการปฏิบัติแบบพุทธ ไม่ต้องรู้อะไรมากหรอกครับ แค่เข้าใจเรื่องกายกับจิตอย่างมีสติสัมปชัญญะ พอแล้ว ถ้ารู้จักเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ถูกต้อง ไม่ต้องบรรลุธรรม เราก็มีความสุขได้ ทั้งๆที่ยังไม่หมดทุกข์ ส่วนรูปบนสุดนั่น แฟนเก่าผมเอง (เมื่อแปดสิบสองชาติที่แล้ว) สุขสันต์วันเสาร์นะครับ
Create Date : 03 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2549 9:31:18 น.
Counter : 4409 Pageviews.