จุดสุดท้ายของความรัก
วันก่อน.. มีน้องจากนิตยสารฉบับนึง โทรมาให้ผมช่วยแสดงความคิดเห็น หัวข้อคือ.. เราจะรู้ได้ยังไงว่า ความรักมันเดินมาถึงที่สุดแล้ว ผมหัวเราะ.. แล้วถามว่า.. นี่เจาะจงถามผมเพราะจะให้ผมพูดจากประสบการณ์ตรงเลยเหรอ เธอหัวเราะ.. แล้วบอกว่า.. "ขอแค่ความเห็นน่ะค่ะ พี่จะพูดจากประสบการณ์ของตัวเอง หรือจะอาศัยอ้างอิงกรณีศึกษาของใครก็ได้" เธอบอกว่า..ให้เวลาผมครึ่งชั่วโมง แล้วจะโทรกลับมาฟังคำตอบ ผมใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ก็เรียงสิ่งที่อยากพูดออกจากสมองได้ เหมือนคนช่างสังเกตที่เดินผ่านร้านขายกล้วยแขกปากซอยทุกวัน ย่อมใช้เวลาไม่นาน ที่จะบรรยายลักษณะของร้านได้ละเอียดละออ ผมตอบไปยาวประมาณนึง แต่ก็บอกว่า เขาต้องใช้ยาวสั้นขนาดไหน ก็ไปตัดออกเองก็แล้วกัน ผมให้กรอบความคิดไว้เบื้องต้นว่า.. ผมศรัทธาในพระพุทธเจ้า ผมจึงเชื่อที่ท่านสอนว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น ย่อมดับไปเป็นธรรมดา" ฉันใดฉันนั้น ความสัมพันธ์ใดๆที่มีจุดเริ่มต้น ย่อมมีจุดสิ้นสุดเป็นธรรมดา จำได้ไหมครับ ที่ผมเคยเขียนเล่าว่า คนเราเกิดมาพบกัน ก็เพื่อจะพลัดพรากจากกันไป ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็ว ไม่จากเป็น ก็จากตาย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ความแตกต่างจึงไม่ได้อยู่ที่ คนสองคนพบกัน แล้วต้องเลิกร้างแยกจากกันหรือไม่ แต่ความแตกต่างอยู่ที่ ระหว่างที่มีเวลาร่วมกันเราปฏิบัติต่อกันอย่างไร เมื่อไม่กี่บล็อคก่อนผมเพิ่งเขียนว่า คนเราจะได้อยู่ด้วยกันแค่ 1 คืน อย่าง Before Sunrise หรือ 1 เดือน อย่าง Sweet November ก็ไม่เป็นไร สำคัญที่ว่า.. ขอให้วันนึงเรามองย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น เราจะไม่ต้องเสียใจ ที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรทำ และไม่ต้องเสียใจ ที่ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ มีคนเคยพูดว่า.. จุดหมายของการเดินทาง ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่ได้ในระหว่างเดินทาง Destination is not as important as the journey itself. ผมว่าจริงนะ :) ผมขมวดปิดท้ายคำตอบของผมว่า.. ผมสังเกตว่า ความรัก มันมีดัชนีชี้วัดสำคัญตัวหนึ่ง ชื่อว่า.. ความปรารถนาดี ถามว่า.. คนเราจะรู้ได้เมื่อไหร่ว่า ความสัมพันธ์นี้ มันเดินทางมาถึงจุดสุดท้ายแล้ว ตอบว่า.. เมื่อคนสองคนไม่มีความปรารถนาดีให้แก่กันมากพออีกต่อไป เมื่อนั้นแหละ .. การอยู่ต่อไปจะเป็นเรื่องที่ปวดร้าวมาก เพลงวันนี้เป็นเพลงของ Perry Como ผู้ชายที่มีร้านตัดผมเป็นของตัวเอง เขาเป็นช่างตัดผมที่ชอบร้องเพลงให้ลูกค้าฟังมาก่อน
เพลงนี้ความหมายดีครับ เขาบอกว่า Don't look so sad, I know it's over, But life goes on and this ol' world will keep on turning. Let's just be glad we had some time to spend together, There's no need to watch the bridges that we're burning. อย่าเศร้าไปเลย ผมรู้ว่ามันจบแล้ว แต่ชีวิตยังดำเนินต่อไป และโลกใบเดิมก็ยังหมุนรอบตัวเอง ยินดีกันเถอะ ที่อย่างน้อยเราก็เคยใช้เวลาช่วงนึงด้วยกัน ไม่จำเป็นเลย ที่จะเฝ้ามองสะพานที่เราก่อไฟเผามันไปแล้ว เพลงชื่อว่า For The Good Times "แด่ช่วงเวลาดีๆ" สำหรับช่วงเวลาดีๆในชีวิตของทุกท่านครับ
Create Date : 30 สิงหาคม 2550
Last Update : 4 กันยายน 2550 16:45:42 น.
Counter : 2558 Pageviews.
คู่มือความรัก
ถ้าความรักมันสร้างขึ้นได้อย่างในเพลงนี้คงดีนะครับ Recipe For Love Recipe แปลว่าคู่มือหรือสูตรปรุงอาหารน่ะครับ เหมือนคุณดูรายการทีวีของคุณหมึกดำ หมึกแดง หรืออาจารย์ยิ่งศักดิ์ เรื่อยไปจนถึง Jamie Oliver ทั้งรายการส่วนมาก ก็จะพูดเรื่องส่วนผสมและวิธีการปรุงอาหาร ที่เรียกว่า Recipe ออกเสียงว่า เรซ-ซิพ-พี่ อยากมีความรักเมื่อไหร่ก็เข้าครัวเปิดคู่มือ ปรุงมันเดี๋ยวนั้น ที่จริงจะพูดว่ามันปรุงไม่ได้ก็ไม่ถูก เพราะความรักปรุงได้ แต่มันต้องมีก่อน ถึงจะปรุงได้ เหมือนดึกๆ คุณอยากกินสปาเก็ตตี้เบค่อน ได้ไหม.. ได้ซี่ แต่ในครัวมันต้องมีสปาเก็ตตี้ กะเบค่อนอยู่นะ ถึงจะปรุงได้ ถามว่า..แล้วไอ้ความรักนี่จะไปหามาจากไหนล่ะ.. อันนี้แหละครับ ที่ผมบอกว่ามันปรุงขึ้นมา สร้างขึ้นมาไม่ได้ ผมเคยได้ยินบทหนังเรื่องไหนสักเรื่อง จำชื่อเรื่องไม่ได้ เขาบอกว่า.. ที่จริง เราเลือกไม่ได้ที่จะรักหรือไม่รักใครหรอก ความรักต่างหากที่เลือกเรา ฟังแล้ว..เออออว่ะ.. จริงของคนเขียนบทมัน ฉะนั้น ถ้าให้ผมเขียนคู่มือของคนที่จะมีความรัก ข้อแรกที่ต้องใส่ไว้คือ.. ความรักมันสร้างขึ้นไม่ได้ มันจะค่อยๆก่อตัว หรือมันจะไหลมาเทมา เราไม่ได้เป็นคนกำหนด ข้อสอง.. ความรักเป็นเรื่องของอารมณ์ อารมณ์เป็นสิ่งที่ไม่คงที่ แม่ก็ไม่ได้รักลูกเท่ากันทุกวันฉันใด แฟนก็ไม่ได้รักเราเท่ากันทุกวันฉันนั้น วันนั้นมันน่ารัก ทำตัวดี ก็รักมันมากหน่อย วันไหนมันทำให้เราน้อยใจ ความรักมันก็แห้งๆไปได้เหมือนกัน หรือวันนี้มันเคยรักเราจนแบกเขาพระสุเมรุได้ทั้งลูก ก็อย่าคาดหวังว่ามันจะแบกไว้ตลอดปี ตลอดชาติ กล้ามเนื้อคนเรามันมีวันล้าได้ ความรักก็เหมือนกัน มันเปลี่ยนไปตามเหตุและปัจจัย อย่าคิดว่าอะไรๆ มันจะคงที่ ข้อสาม.. ถ้าความรักมันเลือกเราแล้ว อย่าลืมดูด้วยว่า มันเลือกคนที่เรารักด้วยหรือเปล่า ถ้ามันจะเป็นรักข้างเดียว ก็อย่าบ่น อย่ารู้สึกแย่กับตัวเองมากนัก ผมเคยเขียนเรื่องเหรียญสองด้านจำได้ไหมครับ ถ้าวันนี้เหรียญออกด้านก้อย เราอาจจะไม่โชคดีในด้านนึง แต่ในอีกด้านของเหรียญ มันก็มีด้านหัวอยู่ด้วยเสมอ ไม่เคยหายไปไหน ในโชคดี ก็จะมีข้อเสีย ในโชคร้าย ก็จะมีข้อดี พ่วงติดมาเสมอ อยู่ที่เราจะเลือกพลิกอีกด้านของเหรียญมามองหรือเปล่า ข้อสี่.. ถ้าคุณโชคดี ความรักเลือกคุณและเลือกคนที่คุณรักด้วย รักษามันให้ดี ช่วงเวลาดีๆ ไม่ได้มีตลอดไป เหมือนรายการนาทีทอง ไม่ได้ออกอากาศทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าความสัมพันธ์ที่ดี เหมือนอาหารจานนึง อย่ากังวลว่ามันจะหมด เพราะตราบใดที่วัตถุดิบ อันประกอบด้วย ความรัก ความอาทรห่วงใย ความหวานมัน ความเชื่อใจ ความเข้าใจ มันยังบริบูรณ์ดี ไม่มีบกพร่อง เรายังสามารถปรุงจานใหม่ได้ตลอดเวลา ฉะนั้น เมื่อมีวัตถุดิบ รีบปรุงซะ อย่าหมัก อย่าดอง มันจะเสียคุณค่าอาหาร ข้อห้า.. อยู่กับความรักด้วยสติ คืออยู่อย่างเข้าใจธรรมชาติของมัน รู้ว่าคนเราเกิดมาเพื่อพบกันชั่วครั้งคราว แล้วก็ต้องพลัดพรากกันในที่สุด นานที่สุด ก็จนสิ้นอายุขัยในชาตินี้ แล้วจะได้เจออีกทีเมื่อไหร่ไม่รู้ เพราะเราทำบุญ ประกอบกรรมมาไม่เท่ากัน หรือบางที อาจต้องพลัดหลงกันไป ตั้งแต่ยังมีลมหายใจ ก็เห็นตัวอย่างอยู่ทุกวัน ฉะนั้น อย่าตั้งเป้าว่า คุณจะต้องอยู่กับเขานานเท่าไหร่ อย่าตั้งเป้าว่า.. ชาตินี้คุณจะมีเขาไปตลอดทุกลมหายใจ แต่ขอให้ตั้งเป้าว่า เราจะเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน เราจะดูแลกัน สร้างเหตุและปัจจัยเกื้อหนุนความสัมพันธ์ให้ดี ให้เขามีวันเวลาที่ดีที่สุด ตลอดเวลาที่อยู่กับเรา จะแค่คืนเดียว อย่างใน Before Sunrise หรือเดือนเดียว อย่างใน Sweet November ก็ไม่เป็นไร ขอให้วันนึง.. เรามองย้อนกลับมาในช่วงเวลานี้ แล้วไม่ต้องเสียใจที่ไม่ได้ทำอะไรที่ควรทำให้เขา และไม่ต้องเสียใจที่ทำอะไร ในสิ่งที่ไม่ควรทำ ก็พอ หมายเหตุ.. อันนี้เป็นมุมมองจากประสบการณ์ ของคนไม่มีโชคในความรักนะครับ ไม่ต้องเชื่อก็ได้ เพียงแต่ การเป็นคนแพ้บ่อยๆ ก็ดีแบบนี้แหละ เรามักจะได้เห็นอะไร ที่คนชนะบ่อยๆ เขาไม่ได้เห็น หรือที่เขาเห็น แต่เขาไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องใส่ใจ ไม่ได้แปลว่า ผมไม่มีคนมารักเลยนะ แต่ผมระวังที่จะเปิดประตูให้คนเข้ามาในชีวิต เพราะบางที ข้างหลังกำแพงของผม มันอาจจะไม่ใช่บ้านที่สวยงาม มันเชย มันอาจดูเก่า ซอมซ่อ ผุพัง ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะรับได้ และกระนั้น..ไม่ใช่ทุกคนที่ผมจะยินดีถ้าเขาจะอยู่ มีคนเคยวิเคราะห์ผมถูกต้องว่า.. ที่จริงผมอยากมีแฟนนะเนี่ย แม่นแล้วครับ.. อยากมี.. เห็นตัวอยากของตัวเองอยู่ทุกวัน แล้วอาจจะดูหลงตัวเองไปหน่อย แต่ผมรู้ว่า ถ้าไม่เลือกมากผมจะมีเมื่อไหร่ก็ได้ แต่.. ในความไม่สมบูรณ์ของผม ผมก็ยังขอเลือกอยู่ดี ไม่ใช่แค่ใครก็ได้สักคนที่รักผมมากๆ มันมีปัจจัยอื่นอีกด้วย ผมไม่ได้อยากมีแฟนสวยแบบอั้ม พัชราภา หรือน้องแพนเค้ก แต่ชอบคนดูดี ที่จิตใจน่ารัก ความคิดน่ารัก ฉลาด ผมอยากกินสปาเก็ตตี้ มัสหมั่น ถ้าไม่มีผมก็ยอมอด ดีกว่าบอกผมว่า มีข้าวไข่เจียว แกงเลียง ก็กินๆไปเหอะ อันนี้คือสิ่งที่คู่มือของผมบอกไว้ แม้จะรู้ตัวว่ากำลังจะอดตาย พะงาบๆในเร็ววันนี้ก็ตาม โชคดีกันทุกท่านนะครับ เพี๊ยงงง
Create Date : 16 สิงหาคม 2550
Last Update : 24 สิงหาคม 2550 14:44:45 น.
Counter : 3211 Pageviews.