Group Blog
 
All blogs
 

If you remember me: The Champ

ผมเติบโตขึ้นมาด้วยการฟังเพลงจำนวนมาก โดยแทบไม่รู้เลยว่า เพลงๆนั้นเป็นเพลงของใคร ชื่อเพลงอะไร

ในจำนวนหลายๆเพลงที่ผมเคยได้ยิน เคยชอบ แต่ไม่รู้ว่าใครร้อง มีเพลงที่ชื่อ If You Remember Me ด้วยเพลงนึง

หลายปีต่อมา ผมไปเป็นนักดนตรีประจำวงของมหาวิทยาลัย มีพี่คนนึงเอาเพลงนี้มาร้อง ผมมาได้ยินอีกที ถึงรู้ว่า อ๋อ.. เพลงนี้ชื่อนี้ คนร้องชื่อ Chris Thompson นะ

และอีกหลายปีต่อมา ถึงได้รู้ว่าเพลงๆนี้เป็นเพลงจากหนังเรื่อง The Champ หนังดังในปี 1979 เรื่องราวการต่อสู้ของชีวิตนักมวยกับลูกชายตัวน้อย

If You Remember Me
Chris Thompson

*When you remember me,
If you remember me
I hope you see it's not the way I want it to be.
Oh, I'd be with you now,
but wherever you go
my love goes with you.

Keep on smiling.
Keep on Shining
even tho' you know you want to cry,
I tried to love you.
Looking in my eyes you saw promises and lies
too many times.
(repeat *)

I'll be with you.
Keep believing.
Some things even time can't come between.
And if you blame me,
try and realize there are promises and lies
too many times

(repeat *)

ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ แค่นึกถึงเพลงนี้ แล้วก็เอามาฝาก

สังเกตได้ว่า หนังทำเงินยุคนั้น จะเป็นหนังดราม่าซะเยอะ ตรงข้ามกับยุคนี้ ที่ดราม่ากลายเป็นหนังไม่ทำเงิน

จะเป็นหนังทำเงิน พ.ศ.นี้ ต้องระเบิดภูเขา เผาตึก ให้อึกกะทึกหน่อยๆ แบบ MI 3 สงสัยคนดูหนังดราม่าพากันคิดว่า ไว้รอซื้อแผ่นผีมาดูก็ได้ เพราะไม่ต้องการเสียงเซอราวน์ด รอบทิศทาง

แล้วหนังสไตล์น่ารัก อุ่นๆ ขำๆ แบบ Rumor Has It ที่มีดาราดีๆ ผู้กำกับเก่งๆ อย่าง ร็อบ ไรเนอร์ ก็กลายเป็นหนังไม่เข้าโรงไปแล้ว ในปีนี้ พ.ศ. นี้

เมื่อหนังแบบนี้ทำกำไร รายรับให้สตูดิโอน้อยลง สตูดิโอ ก็เลือกจะทำหนังที่ให้โอกาสทำรายได้สูงกว่า อย่าง Pirates Of The Caribean มากกว่าหนังชีวิต น่ารักๆ อุ่นๆ

เหตุผลเดียวกับที่เราจะหาวิดีโอหนังดีๆอย่าง Somewhere In Time ยากมาก เพราะมันขายได้น้อย

ที่ขายได้น้อย ไม่ใช่เพราะหนังไม่ดี ไม่น่าซื้อเก็บ ไม่มีคนรู้จัก แต่เพราะคนซื้อส่วนใหญ่ในปัจจุบันนิยมซื้อแผ่นผีมากกว่าจะอุดหนุนของลิขสิทธิ์ เพราะเราคิดอย่างเดียวว่ามัน "ถูกกว่า"

คนที่ขายของแท้ กลายเป็นพวกฉลาดน้อย ที่เหมือนไม่ทันกระแสโลก ว่าใครๆก็ซื้อแผ่นผีกันทั้งนั้น ทั้งๆที่ส่วนมากเขาอยากเอาหนังดีๆแบบนี้มาขายนะครับ ไม่ใช่ไม่อยาก แต่ยอดอาจจะมีสักหกร้อยแผ่น ที่เหลืออีกสัก ห้าหมื่น ก็ผีเอาไปกิน แต่คนลงทุน ลงแรง ทำ Remaster ทำภาพ ทำเสียงใหม่ให้สมบูรณ์ ได้ผลตอบแทนไม่คุ้มกับที่ลงทุน แต่แผ่นผีมาถึงก็ปั้มเอาๆๆ

เคยมีคนบ่นให้ผมฟังว่า คนทำเพลงเก่งๆ สไตล์ที่เขาเคยชอบตอนนี้หายไปไหนกันหมด ทำไมถึงไม่มีเพลงดีๆอย่าง The Greatest Love Of All อย่าง Always On My Mind อย่าง Can't Help Fallin In Love หรืออย่าง Home ของ Michael Buble' ทำไมถึงกลายเป็นของหายาก ที่นานๆจะโผล่มาที

ทำไมถึงมีแต่ hip hop ทำไมมีแต่เพลงคนดำ มาแร็พโย่

ผมตอบว่า เพราะคนยุคเรา ไม่นิยมจ่ายเงินอุดหนุนคนทำงานดีๆกันอีกแล้ว เรารอดาวน์โหลด เรารอ MP3 เราซื้อแผ่นผีก่อนจะมองหาของแท้กันเสียอีก เราคิดว่าไม่เป็นไร เพราะคนพวกนี้เขารวยแล้ว แต่เราไม่คิดว่า เขาก็คือคนทำงานเหมือนเราๆท่านๆ เขาเหนื่อย เขาทำด้วยใจก็จริง แต่ถ้าเงินมันน้อย เขาก็ไม่อยากเหนื่อย เขาก็ท้อเป็น

มีคนวิเคราะห์ว่า.. เพลงคนดำเพลงฮิปฮอป ครองชาร์ตเพลงอเมริกา เพราะคนผิวดำก็เหมือนคนฟังเพลงลูกทุ่งบ้านเรา คือไม่นิยมซื้อแผ่นผี ไม่คุ้นเคยกับการดาวน์โหลด และมีความภักดีต่อศิลปินที่เขาชอบ

อันนี้จริงๆไม่จริง ผมไม่กล้ายืนยัน แต่ค่อนข้างเห็นด้วย และผมอยากจะเชื่อว่า ถ้ามีใครดังได้ขนาด James Blunt ที่ร้องเพลง You're Beautiful พอรวยแล้ว เดี๋ยวก็เลิก เพราะมันจะเริ่มไม่คุ้มจะเหนื่อยนั่งๆนอนๆในสตูดิโอ หลายๆเดือน เพื่อแต่งเพลงทำเพลงสักอัลบั้ม แล้วให้คนอื่นใช้เวลาไม่ถึงห้านาที ในการก๊อปมัน

มีนักดาวน์โหลดบางกลุ่มบอกว่า.. อ๋อ.. เพราะอัลบั้มนึง เขาชอบอยู่แค่สองเพลง เขาเลยไม่อยากเสียเงิน

แต่ในความจริง สมมติเราขายเสื้อผ้า เราคงไม่อยากมีลูกค้ามาบอกว่า ฉันชอบเนื้อผ้า แต่ไม่ชอบแบบ ไม่ชอบการตัดเย็บ ดังนั้นฉันจะไม่ซื้อคุณเต็มราคา ฉันจะรอให้มีใครสักคนขโมยมันออกมาจากร้านเพื่อฉันจะได้ซื้อของโจรนั้นในราคาแค่ 30% ของราคาขายจริง

เขาถึงว่ากันว่า.. เรื่องการโดนละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าไม่โดนกับตัวเอง ก็ไม่รู้สึกนะครับ เพราะในมุมของผู้บริโภค เราจะเชื่อว่า ของก็อปที่ถูกกว่าก็เป็นสิทธิของเราที่จะเลือกแบบนั้น

ตอนนี้ธุรกิจแผ่น dvd ผี มันโตแซงหน้าการค้ายาเสพติดไปแล้ว ฟังดูดีนะครับ ฟังดูไม่เดือดร้อนเรา แต่เชื่อเถอะครับ เงินผิดกฏหมายก้อนนี้ มันหยั่งรากลงลึกกว่าที่หลายคนนึก มันทำให้คนกลุ่มนึงเติบโตขึ้นอย่างผิดกฏหมาย ทำให้มีมาเฟียหน้าใหม่ๆมากมาย ทำให้มีการให้สินบนผู้มีอำนาจ

และเชื่อได้เลยว่า เมื่อวันนึง ธุรกิจหนังมันถดถอย หรือล่มลง หรือคนหันไปดาวน์โหลดหนังมาดูทางอินเตอเนท กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เหมือนที่เกิดมากับธุรกิจเพลง พวกมาเฟียพวกนี้ ก็จะหันไปสูบเลือดจากธุรกิจอื่น หรือกลับไปค้าอาวุธ ค้ายา ด้วยฐานเงินที่มากกว่าเดิม ฐานอำนาจระบบสินบนที่ใหญ่กว่าเดิม

ถึงวันนั้นถ้าบางคนจำคำพูดผมได้ อาจจะมาพูดว่า
เราก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้หรอก

I hope you see it's not the way I want it to be.

ราตรีสวัสดิ์ครับ





 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2549    
Last Update : 2 สิงหาคม 2549 0:04:43 น.
Counter : 1788 Pageviews.  

ไปภูเก็ตเสร็จทุกราย

ผมหายไปหลายวัน เพราะต้องไปประชุมสัมมนาที่ภูเก็ตครับ

เจ้าภาพที่จัดนี่เขามาจากอังกฤษ บอกว่าตั้งใจเลือกภูเก็ตเป็นสถานที่จัดงาน ยอมบิน 12 ชั่วโมงมาเพื่อจะมาเที่ยว ว่างั้น งานนี้มีตัวแทนจาก 8 ประเทศในเอเชียเข้าร่วม

ผมไปในฐานะกึ่งๆเจ้าภาพ เพราะเป็นเจ้าของประเทศ แต่ไม่ต้องออกเงิน อิอิ แต่ให้โรบินดิ้นตายเถอะครับ ชีวิตนี้ผมเคยไปภูเก็ตแค่ 3 หน หาดป่าตองก็ยังไม่เคยเห็น พวกสิงคโปร์ ฮ่องกง ท่าทางชำนาญกว่าผมอีก

เรื่องนั้นไว้ก่อน จะเล่าให้ฟังว่าเขาไปประชุมกันที่ เลอ รอยัล เมอริเดียน โรงแรมที่สร้างบนภูเขา มองออกไปจะเห็นแหลมพรหมเทพ พอดี เลยถ่ายรูปมาฝากครับ ถ่ายจากระเบียงห้องเลย

ไม่ได้สวยแต่วิวนะครับ พอดีได้อัพเกรดห้องเป็น จูเนียร์ สวีท เปิดประตูห้องเข้าไป เลยเจอห้องแบบนี้ครับ อันนี้เป็นเตียงนอน


เตียงนี่ สวยมากนะครับ แต่ตั้งกลางห้อง มันผิดหลักฮวงจุ้ย นอนแล้วจะแหว่วๆ พิกล ผมเจอพลังแปลกๆมาเยี่ยมมาเยือน ในคืนที่สองส่วนนึงก็เพราะเตียงเป็นแบบนี้แหละ แต่ไม่เล่าดีกว่า เพราะมันพิสูจน์ไม่ได้

อันนี้ห้องนั่งเล่น แยกกัน



ระเบียงห้องกว้างมาก มีเก้าอี้ไว้ให้นอนอ่านหนังสือ อาบแดดเสร็จสรรพ ไม่ต้องลงไปชายหาดก็ได้



อันนี้ตู้เสื้อผ้า อยู่ติดประตูทางเข้าพอดี เขาทำบานโปร่ง เป็นซี่ลูกกรงไม้ มีรูปแกะสลัก สวยมากครับ



อันนี้เป็นห้องน้ำครับ แบ่งเป็นสามส่วน ส่วนที่เป็นอ่างล้างหน้า มีกระจกด้านหลังให้เสียวสันหลังเล่นๆ เวลาแปรงฟัน 555 ส่วนที่สองคือโถสุขภัณฑ์ ที่เห็นหลังกระจกกั้น คือห้องอาบน้ำที่เป็นอ่างในตัว คือเขาก่อลงไปเป็นหลุมลึกราวๆ 20 นิ้ว ให้เลือกเอาตามชอบ ว่าจะแช่น้ำ ยืนอาบด้วยฝักบัวมือ หรือใช้ฝักบัวแบบเหนือศรีษะ



ลืมบอกไปว่าห้องนั่งเล่น มี โต๊ะนั่งทานอาหารได้ ทีวี สเตอริโอ พร้อมเครื่องเล่น DVD เสร็จสรรพ อันนี้เป็นมาตรฐานโรงแรม 5 ดาว ยุคนี้ครับ ถ้าใครจะได้เดินทางไปพักโรงแรม 5 ดาว ที่ไหน แล้วกลัวเหงา เอา DVD หนังโปรดของคุณไปเปิดแก้เหงาได้



ภูเก็ต ยังไม่ฟื้นคืนสภาพจากสึนามิเต็มที่ครับ เรานั่งรถไปทานอาหารไทย รสฝรั่งกันมื้อนึง ที่ร้านชื่อ บ้านริมผา ระหว่างทาง เห็นหาดกะรน นี่ แทบร้างเลย ป่าตองเอง ก็แค่พอเอาตัวรอด เท่าที่มองเห็น

ข้อเสียที่เห็นได้ชัดมากสำหรับการท่องเที่ยวที่นั่น คือระบบขนส่งมวลชนแย่มาก ถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยว คุณจะออกจากโรงแรมไปเที่ยว มีทางเลือกแค่ 3 วิธี คือ นั่งลีมูซีนของโรงแรม อันนี้ แพงที่สุด ให้นึกในใจว่าเที่ยว ละ 1 พัน
รองลงมาคือแท็กซี่ ทั้งในรูปแบบป้ายดำ และรถหน้าตาคล้ายๆตุ๊กๆ แต่วางเบาะที่นั่งคนละแบบ อันนี้ ราคาเริ่มต้น ก็ 400-500 เข้าไปแล้ว

วิธีสุดท้าย ที่ผมอยากแนะนำว่าควรเลือกทางนี้ที่สุด คือการเช่ารถ ซึ่งตกวัน พันบาท ถ้าจะไปโน่นมานี่ ยังไงก็ถูกกว่าเรียกแท็กซี่

ไม่งั้นถ้าหวังจะพึ่งบริการแท็กซี่ ผมว่าคุณไปเที่ยวเสม็ดดีกว่า

อันนั้นก็ "เสร็จทุกราย" เหมือนกัน






 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2549    
Last Update : 2 กันยายน 2549 10:02:54 น.
Counter : 2179 Pageviews.  

~ เพลงของผมเอง ~

ชวนคุณฟังเพลงไปสองเพลง คือเพลงคนคนหนุ่ม และเพลงของฉากสุดท้ายของชีวิต

เที่ยวนี้มาถึงเพลงของผมเองมั่ง..

ปล่าวครับ ไม่ได้แปลว่าเป็นเพลงที่ผมเขียน ร้องเอง
แต่หมายถึงเพลงที่แทนความรู้สึกของผมได้น่ะ

ผมว่าทุกคนมีเพลงของตัวเอง อาจจะไม่ต้องถึงขนาดฟังเพลงแล้วนึกภาพชีวิตตัวเองเป็นมิวสิควีดีโอประกอบตามไปด้วยหรอกนะ

เอาแค่ได้ยินแล้วรู้สึกว่า เออ..เว้ย.. แจ๋วจริงๆ

เพลงโปรดผมมีหลายเพลงนะครับ แต่เพลงที่แอบฟังบ่อยๆเวลาอยู่คนเดียว แล้วอยากกระตุ้นความฟุ้งซ่านตัวเองเล่นๆ จะเป็นเพลงนี้แหละ

ต้นฉบับของเพลงนี้คือ The Carpenters ครับ
เสียงของ Karen Carpenters เป็นเสียงที่เขาเรียกกันว่า Sensational มันได้อารมณ์ ใส กังวาน กว้าง และกระตุ้นจิตนาการได้ดีมาก

ริชาร์ด คาร์เพนเตอร์ส พี่ชายของแคเรน เล่าว่า.. เขากับเพื่อนแต่งเพลงนี้ไว้ตั้งแต่ปี 1976 และแคเรนชอบมาก ส่วนหนึ่งเพราะมันสะท้อนความรู้สึกของเธอต่อชีวิตในช่วงนั้นได้ดี

ตอนที่ตัดเป็น single ในอเมริกา เพลงนี้ไปได้แค่อันดับ 25 ซึ่งริชาร์ด ค่อนข้างเสียดาย เพราะส่วนตัวเขาชอบเพลงนี้ และรู้สึกว่ามันควรจะมีเครดิตมากกว่านั้น

19 ปี ต่อมา ละครโทรทัศน์ของญี่ปุ่นชื่อ Misenen เอาเพลงนี้ไปใช้ประกอบ และทำให้มีการตัด single เพลงนี้ออกมาจำหน่ายอีกครั้ง คราวนี้มันกลายเป็นหนึ่งในเพลงขายดีที่สุดของญี่ปุ่นในปี 1995

วันนี้อยากให้ฟังฉบับเอามาร้องใหม่ โดยนักร้องที่ผมไม่เคยเห็นหน้าค่าตา เดาว่าเธอเป็นชาวฟิลิปปินส์ เสียงเธอใกล้เคียงกับแคเรนมากนะครับ และดนตรีก็ยังคงรูปแบบเดิมไว้ แต่การบันทึกเสียงทำได้ดีกว่า เพราะเทคโนโลยี

มีเรื่องแปลกเพราะเว็บต่างๆที่เคยมีเนื้อเพลงนี้อยู่ พากันถอดออกหมด ผมเลยหาไม่เจอในตอนนี้ มีเว็บนึง เขาบอกว่า ริชาร์ด ตัดสินใจขอไม่อนุญาตให้เผยแพร่เนื้อเพลงนี้ แต่ไม่ระบุเหตุผล

เอาไว้ผมจะมาแกะเนื้อภาษาอังกฤษ แล้วแปลไว้ให้
ใครมีอยู่แล้ว จะเอามาโพสต์ก็ยินดีนะครับ

แต่เพลงฟังง่ายพอควร ผมคงไม่ต้องช่วยแปลมาก สำหรับท่านที่ภาษาดีอยู่แล้ว

เขาขึ้นต้นเพลงไว้แบบนี้ครับ

The hardest thing I've ever done is keep believing
There's someone in this crazy world for me.

เรื่องยากที่สุดที่ฉันเคยทำ คือการเชื่อมั่นว่า..
บนโลกเบี้ยวๆใบนี้ มีใครคนนึง คนนั้นรอฉันอยู่

ฟังเพลงไปก่อนนะครับ เนื้อตามมาทีหลัง





 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2549    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2549 17:14:13 น.
Counter : 1231 Pageviews.  

~ เพลงเพื่อฉากสุดท้ายของชีวิต My Way ~

บล็อคก่อนโน้นพูดถึงเพลง When I'm 64 ว่าเป็นเพลงของคนหนุ่มไปแล้ว เลยเอาเพลงของคนแก่มาฝากกันบ้าง

เพลงนี้ต้นฉบับเดิมแท้เป็นเพลงฝรั่งเศสชื่อ Comme D'habitude แต่งโดย Jacques Revaux, Claude François และ Gilles Thibault โดยมี นักร้อง นักแต่งเพลงชื่อก้องอย่าง Paul Anka เป็นคนเอาเขียนเนื้อภาษาอังกฤษให้

แต่คนที่ทำให้เพลงนี้กลายเป็นผลงานระดับโลกจริงๆ คือ นักร้องที่ชื่อ Frank Sinatra ครับ

ที่เรียกว่าเพลงของคนแก่ เพราะเนื้อเพลงเขาพูดถึงห้วงคำนึงของคนที่รู้สึกว่า ตัวเองอยู่ในองก์สุดท้ายของชีวิต ลองอ่านเนื้อในบรรทัดแรก ก็คงร้องอ๋อกันทีเดียว

My Way (1968)

And now the end is near
So I face the final curtain
My friend, I'll say it clear
I'll state my case of which I'm certain

I've lived a life that's full
I've traveled each and every highway
And more, much more than this
I did it my way

Regrets, I've had a few
But then again, too few to mention
I did what I had to do
And saw it through without exception

I planned each charted course
Each careful step along the byway
Oh, and more, much more than this
I did it my way

Yes, there were times, I'm sure you know
When I bit off more than I could chew
But through it all when there was doubt
I ate it up and spit it out
I faced it all and I stood tall
And did it my way

I've loved, I've laughed and cried
I've had my fails, my share of losing
And now as tears subside
I find it all so amusing
To think I did all that
And may I say, not in a shy way
Oh, no, no not me
I did it my way

For what is a man, what has he got
If not himself, then he has not
To say the words he truly feels
And not the words he would reveal
The record shows I took the blows
And did it my way
The record shows I took the blows
And did it my way

ผมไม่รู้ว่าคุณสุภาพสตรีเวลาอายุมากๆนี่ คิดแบบนี้บ้างหรือเปล่า เพราะดูเนื้อเพลงจะดูแมนๆ ผู้ช๊าย ผู้ชาย

แต่นักร้องสาวผิวโอเลี้ยงอย่าง นีน่า ซิโมน ก็เคยร้องเพลงนี้เหมือนกันนะครับ เลยไม่แน่ใจ ว่าที่มันดูแมนๆ เพราะเราติดภาพ ลุงแฟรงค์ ซีนาตร้า หรือเพราะเนื้อเพลงมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

ไม่ว่าจะอย่างไร.. ก็อยากให้คุณลองอ่านเนื้อดู ..
เพลงผมมีให้ฟัง ด้วยความกรุณาจากอาจารย์ เอก อาจานมิ้ง อาจานหนี่ฯ และ โดยเฉพาะคุณ MaRiMeKKo ที่ติวสอนให้ด้วยฟามอดทนเป็นเลิศ 5555

สุขสันต์คืนวันศุกร์ครับ





 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2549    
Last Update : 22 มิถุนายน 2550 12:43:08 น.
Counter : 1229 Pageviews.  

The Break Up บทเรียนของคู่รัก

**คำเตือน.. บางส่วนของบทความอาจทำให้คุณรู้สึกว่าผมแอบเฉลยอะไรในหนังไปแล้ว

ถ้าคุณเป็นเผ่าพันธุ์คนดูหนังที่ไม่ต้องการรับรู้อะไรก่อนไปดู ก็ควรข้ามบล็อคอันนี้ของผมไปก่อนนะครับ

ตั้งใจมาหลายวันว่าจะเขียนเรื่องหนัง เพราะมีคนเมล์ไปเรียกร้องให้ผมเขียนเรื่องหนังอีก

ผมอาจจะเหมือนใครหลายคน ที่เข้าใจว่า The Break upจะเป็นโรแมนติค คอเมดี้ (หนังรักขำๆแต่ซึ้งด้วย) ตามสูตรเดิมๆ อย่างที่เราชอบๆกัน

แต่ผมอยากบอกว่า ก็จริงครึ่งนึง ครึ่งไหน ต้องไปดูเองนะครับ แต่ในส่วนที่ไม่ขำของหนัง มันก็สมจริงและให้บทเรียนที่ดีแก่คู่รักอย่างมาก

ผมผ่านการแต่งงานมาหนึ่งครั้ง และยังลูกผีลูกคน ว่าจะแต่งครั้งที่สองไหม เคยมีแฟนมาหลายคน ผ่านการเริ่มต้นและสิ้นสุดความสัมพันธ์มาหลายรอบ

ผมไม่ได้ภูมิใจสลดใจอะไรกับเรื่องจำนวน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับความรักนะครับ เพราะผมเข้าใจว่าผมเป็น perfectionist บนความ imperfect ของตัวเอง

ฉะนั้น สิ่งที่เป็นไปก็ยุติธรรมดีแล้ว

ในขณะที่นั่งดูหนังไป ผมก็มองเห็นตัวเองผ่านตัวละครในนั้น และมองเห็นคนอีกหลายคนที่ผมรู้จัก ที่มาปรึกษาปัญหาความรัก ครอบครัว ชีวิตคู่กับผม และเห็นปัญหาเดิมๆ ที่มีคนผ่านมาเป็นล้านๆคู่

ผมเชื่อว่าหลายคู่ มีจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์แสนจะเหลือเชื่อ แต่สวยงามอย่างที่บรู๊ค พบกับแกรี่ และลงเอยในจุดจบอย่างเดียวกัน

ส่วนตัวแล้ว ผมอยากให้คนที่มีคู่รัก หรือไม่มี แต่คิดจะมี
ไม่ว่าคุณจะแต่งงานแล้วหรือไม่แต่ง นี่คือหนังที่คุณควรดู และเรียนรู้จากมัน

หนังจะบอกคุณว่า.. ความร้าวฉานในชีวิตคู่ มักจะเริ่มมาจากจุดเล็กๆ ที่ดูไม่สลักสำคัญ แล้วขยายออกเป็นปัญหาใหญ่ ด้วยการสื่อสารที่ล้มเหลวอันเนื่องมาจากอัตตาว่าฉันถูก เธอผิด

หนังจะบอกคุณว่า.. มีรายละเอียดเล็กๆที่เราเห็นว่ามันไม่สำคัญอะไรเลยสำหรับเรา เราจึงละเลยมันไป โดยไม่รู้ว่า มันทำให้อีกฝ่ายเสียใจ มันอาจจะมีความหมายกับอีกฝ่ายมาก เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่า เราไม่เห็นความสำคัญของเขาเลย

หนังจะบอกคุณว่า.. ในช่วงเวลาแห่งความโกรธเคือง ความไม่เข้าใจกันของคนสองคน หลังการระเบิดอารมณ์ จงเชื่อว่า ร้อยละแปดสิบของผรุสวาจา คนพูดไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ

ที่หลุดออกมาเป็นเพราะอารมณ์ และมันมักทำให้คนพูดเสียใจเอง

หนังจะบอกคุณว่า.. หลังการทะเลาะกันใหม่ๆ มันจะมีช่วงนาทีทองที่รอใครสักคนพูดคำว่า "ฉันขอโทษ" เพื่อจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่า เรายังแคร์เขาอยู่

หนังจะบอกคุณว่า.. ให้ระวังคำแนะนำจากคนใกล้ตัว จำพวกเพื่อนสนิท ที่พร้อมจะเข้าข้างคุณแบบหัวชนฝา แต่ไม่มีทางเข้าใจคุณสองคน มากกว่าตัวคุณเอง บ่อยครั้งที่คำแนะนำแบบแฝงอคติทางเพศ มันทำให้ปัญหาแย่ลงมากกว่าดีขึ้น

ไอ้ความคิดประเภทผู้ชายเลวกว่าหมา ผู้หญิงบ้ากว่าชะนี มันสะใจดี แต่ไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรในทางสร้างสรรค์นะครับ

เชื่อเถอะว่า.. ผู้ชายคิดต่างจากผู้หญิง โดยพื้นฐาน ความขัดแย้งยังไงมันต้องมี เพียงแต่เวลามีความขัดแย้ง คุณเข้าข้างตัวเองมากกว่าเข้าข้างคนที่คุณเรียกเขาว่า "ที่รัก" หรือเปล่า

อันนี้เป็นศิลปะนะครับ ผมสอนไม่ได้ ว่าแค่ไหนคือการประนีประนอม แค่ไหนคือการเอาใจแฟนมากเกินไป

หนังจะบอกคุณว่า.. อาจจะมีเงื่อนไขหลายอย่างในชีวิตคู่ ที่อีกฝ่ายอยากทำ อยากให้คุณทำ แต่คุณยืนยันนั่งยันนอนยันมาตลอด ว่าทำไม่ได้ ทั้งๆที่ มันมีหนทางเสมอ ถ้าคุณยอมรับมัน และหาทางจริงๆ

อย่างที่บรู๊ค ยอมรับในที่สุดว่า ถ้าเอาโต๊ะกาแฟออกไปตัวนึง พร้อมโซฟาตัวนึง ก็จะมีที่พอสำหรับโต๊ะพูลที่แกรี่อยากได้มานาน แทนที่เธอจะยืนยันว่า เธอจะยอมให้มีก็ต่อเมื่อมีที่อยู่ใหม่ที่ใหญ่กว่านี้เท่านั้น

หนังจะบอกคุณว่า.. บางที.. การแยกทางกันก็ไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยความเกลียดชังเสมอไป

แต่เพราะความเข้าใจ มันมาถึงในเวลาที่สายเกินไป

หนังคงจะเข้าโรงในวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

ถ้าอยากดู .. ขอให้ไปดูในโรง หรือจะรอดู DVD ก็ได้ แต่กรุณาอย่าซื้อแผ่นผีมาดูเลยนะ

ถ้าดูแล้วเห็นอะไรมากกว่านั้น ก็มาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ

เรื่องเพลงของคนแก่ ขอยกยอดไว้วันต่อไปละกันนะครับ




 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2549    
Last Update : 19 กรกฎาคม 2549 0:12:08 น.
Counter : 1425 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.