Group Blog
 
All blogs
 

If You Were A Millionaire

เคยมีเพลงของหนุ่มออสเตรเลียคนนึง ชื่อว่า ......... อ่า ลืมเฉยเลย..

อ๋ออออ.. บิลลี่ ฟิลด์ส (Billy Fields)

ผมจำชื่อเพลงของเขาไม่ได้ครับ .. จำได้แต่ว่า เขาร้องประมาณว่า If I were a millionaire, I will....

ถ้าฉันเกิดมหารวยขึ้นมาฉันจะทำอะไรมั่ง

ผมว่ามันเป็นโจทย์ที่เหมาะแก่เวลากลางวันก่อนไปทานข้าวเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเราเรียกความคิดประเภทนี้ว่า "ฝันกลางวัน" 555
เพราะมันหาสาระอะไรไม่ได้ แต่นานๆทำที ก็สนุกดีนะครับ

ผมเขียนบล็อคมา 54 ตอนแล้ว บล็อคนี้จะเป็นตอนที่ 55
เป็นตอนที่ 55 แล้ว ทำอะไร ฮา ฮา หน่อยดีมั้ยครับ

มีน้องคนนึงเธอบอกว่า.. เธอจะใช้หนี้ให้พ่อแม่ ทำโรงทาน
สร้างวัด อันนี้ออกไปทางใจบุญสุนทาน

ผมอยากรู้จริงๆ ว่าท่านผู้อ่านบล็อคของผม
ถ้าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองกลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา
คุณจะทำอะไรมั่ง

น่า.... ลองดูนะ แล้วค่ำนี้ผมจะลองอ่าน แล้วบอกว่า ผมอยากทำอะไรมั่ง


***************************************

กลับมาตอนเย็นอีกที พักสมอง หลังจากคิดเรื่องงาน

ผมเหรอ.. ผมอยากสร้างวัดเหมือนกัน
แต่เจาะจงว่าอยากสร้างไว้กลางเมือง เหมือนวัดปทุมวนาราม
แต่เอาที่กว้างๆหน่อย ต้นไม้เยอะๆ จัดพื้นที่สวยๆหน่อย
ให้คนอยากเข้าวัดมากๆหน่อย และรู้สึกรื่นรมย์
และไม่สร้างวัตถุเยอะเกินความจำเป็น

ผมอยากทำธุรกิจอะไรที่มันไม่ผิดศีลธรรม
แล้วให้คนขยันๆ ที่ไม่มีทุน ไม่มีโอกาส มาร่วมทุน
ผมออกทุนให้ แต่กำไรแบ่งให้พนักงานด้วย
และแบ่งหุ้นให้ตามอายุงาน

ผมอยากทำโรงเรียนสำหรับเด็กหัวดี หรือความประพฤติิดี แต่ไม่มีเงินเรียน
เรียนจบ ม. หก แล้ว ส่งไปเรียนเมืองนอกต่อ
แต่ต้องกลับมาเป็นครู เป็นอาจารย์ หรือรับราชการเท่านั้น
โรงเรียนผมจะจ้างครูด้วยเงินเดือนเริ่มต้นที่ สามหมื่น

เพราะผมอยากเปลี่ยนค่านิยมว่า
ใครไม่รู้จะเรียนอะไรก็เลือกครุศาสตร์
ใครคะแนนไม่ดี ก็เลือกเรียนครู
ให้กลายเป็น ครูเป็นอาชีพ ที่มีเกียรติ และเป็นอาชีพของคนหัวดี จิตใจสูงเท่านั้น

ผมอยากทำโรงเลี้ยงเด็กกำพร้า
ผมเชื่อว่าพวกเด็กกำพร้า จะมีคุณค่าต่อประเทศเราได้มาก
ถ้าเราปลูกฝังคุณค่าบางอย่างให้เขารักการเรียน มีคุณธรรม
มีธรรมะในหัวใจ

ที่เหลือ ผมก็อยากมีบ้านอยู่บนสระน้ำ หรือมีสระน้ำล้อมรอบ พื้นที่สัก 65-70 ตารางวา พอแล้ว
มีเปียนโน มีห้องพระ

อยากมีบ้านอยู่ริมทุ่งนา สักที่ แล้วอีกด้านเป็นแม่น้ำ
เพราะผมชอบอยู่ใกล้น้ำ แล้วชอบเห็นนาข้าว

เหลือเงินไว้พอมีกิน มีใช้ พอได้รักษาตัวยามเจ็บไข้ มีคนดูแลตอนแก่พอแล้ว

แค่นี้ ก็ใช้เงินสัก เกือบพัน ล้านได้แล้วมั้งนี่




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2549    
Last Update : 6 มิถุนายน 2549 21:10:57 น.
Counter : 2115 Pageviews.  

สัญญาไม่เที่ยง กฏของเมอร์ฟีย์

เมื่อเช้าตอนอาบน้ำ กับขับรถเหมือนจะมีเรื่องดีๆที่เหมาะแก่การเอามาเล่าสู่กันฟังในบล็อคตั้งหลายเรื่อง

แต่พอเปิดคอม เปิดหน้าบล็อคออกมาจริงๆ
ไม่รู้ความจำมันหนีไปไหนหมด

แบบนี้ ทางพระท่านเรียกว่า สัญญา (ความจำได้หมายรู้) ไม่เที่ยง

เที่ยงในที่นี้คือเที่ยงตรง น่ะครับ
เข้าใจเอาว่า รากศัพท์เดียวกับเที่ยงวัน เที่ยงคืน

ผมแปลคำว่า "เที่ยง" เอาเองว่า "เป๊ะๆ"
เที่ยงตรง จึง = ตรงเป๊ะๆ
เที่ยงวัน คือ = กลางวันเป๊ะ
เที่ยงคืน = กลางคืนเป๊ะ

เคยมีคนเตือนว่า.. ความคิดดีๆ มันมักจะโผล่แว่บขึ้นมา แล้วก็หายไป ไม่ได้อยู่ตลอด

เพราะฉะนั้น นักคิดทั้งหลายจึงจะต้องมีสมุดจดไอเดียติดตัวเสมอ

แต่ผมแอบสังเกตเอาว่า.. ความคิดดีๆของผม มันมักจะมาในเวลาที่ผมไม่สะดวกจด
เช่นตอนอาบน้ำ หรือขับรถ

ถ้ารถติดก็ยังพอทำเนา แต่ถ้ากำลังขับฉิวๆ ชิล ชิล บนถนน
จะให้จอดแล้วค่อยจด เห็นจะไม่เข้าที

เคยได้ยินเรื่องกฏของนายเมอร์ฟีย์ไหมครับ
กฏของเมอร์ฟีย์ มักจะหมายถึงเรื่องที่ไม่ค่อยปกติ แต่เกิดขึ้นได้
เช่น เจ้านายมักจะมาสายในวันที่เรามาเช้า
หรือมาเช้าในวันที่เรามาสาย

วันไหน ไม่ขึ้นรถเมล์สายไหน สายนั้น มักจะว่าง และมาถี่
แต่ถ้าเราจะขึ้น มันมักจะเต็ม และนานๆมาคัน

ถนน จะว่างในวันที่เราไม่ค่อยรีบ
และถ้ารีบ รถมักจะติด

อะไรทำนองนี้ ..

ฉันใด ฉันนั้น วันไหนถ้าคุณไม่ได้คาดหวังว่าผมจะเขียนยาว ผมมักจะเขียนยาว
วันไหนที่คุณคาดหวังว่าผมจะเขียนยาว ผมก็มักจะเขียนสั้น

เช่นวันนี้เป็นต้น




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2549    
Last Update : 5 มิถุนายน 2549 23:09:20 น.
Counter : 1046 Pageviews.  

ทุกข์ของคนดี - เรารักในหลวง

เคยได้ยินบ่อยๆว่า.. ทำดีได้ดี มีจริงหรือเปล่า
เห็นแต่คนทำชั่วได้ดีมีถมไป ทำไมเราทำดี แล้วไม่เห็นได้ดี

ถ้าใครคิดแบบนั้น ผมก็ออกจะห่วงสักหน่อย
เป็นคนดี นี่ก็มีทุกข์ได้นะครับ
เพราะทุกข์นี่ไม่ได้เลือกชั้นวรรณะ อายุเพศการศึกษา

ไม่ต้องหาตัวอย่างที่ไหน ดูง่ายๆ ในหลวงของเรานี่แหละ
ขนาดพระองค์ท่านทรงมีบุญญาธิการขนาดไหน
เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย
ขนาดทรงทุ่มเทพระวรกาย เวลา และสติปัญญาให้พสกนิกร
ขนาดท่านทรงศึกษาปฏิบัติวิปัสสนากับพระวิปัสสนาจารย์หลายรูป

เรียกว่า ถ้าจะประเมินคุณงามความดีของพระองค์
คงยากจะหาถ้อยคำไหนมาบรรยาย
ยากจะหาเจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดินพระองค์ไหน บนแผ่นดินใด
ที่รักไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ได้อย่างในหลวงของเรา

แต่เชื่อเถอะครับว่า บ้านเมืองเป็นแบบนี้ พระองค์ท่านก็ทรงทุกข์พระทัยแน่

ผมยังแอบเชื่อเอาลึกๆ ว่า .. ถ้าพระองค์ท่านเลือกได้
ถ้าหากไม่ต้องจัดงานฉลองให้พระองค์ท่าน แล้วทุกคนลดทิษฐิ
เลิกเล่นเกมการเมือง หันหน้ามาปรองดอง ทำให้ทุกอย่างมันก้าวหน้า พัฒนา เพื่อประชาชนจริงๆ

ผมเชื่อว่า ในหลวง จะทรงยินดีมากครับ

ในหลวงของเรา ท่านเคยตรัสไว้ที่ไหน เมื่อไหร่ ผมจำไม่ได้ว่า.. ความดีนั้นทำยาก

ผมก็เชื่ออย่างนั้น .. แต่ขณะเดียวกัน พระองค์ท่านก็ทรงเป็นแบบอย่างที่ดี
ในการยืนหยัด ยึดมั่นในการสร้างความดี โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย

ในพระชนม์มายุ ขนาดพระองค์ท่าน ด้วยพระราชฐานะแบบพระองค์ท่าน
ท่านสามารถอยู่เฉยๆ หาความสบายไปวันๆได้ โดยไม่มีใครกล้าแม้แต่จะนึกตำหนิพระองค์ได้นะครับ

แต่ท่านก็ไม่เคยทรงประพฤติเป็นอื่น นอกจากเป็นพระมหากษัตริย์ที่แสนจะทรงคุณธรรมของพวกเรา
อย่างที่ได้ทรงประกาศไว้นับจากวันแรกที่ขึ้นครองราชย์ จวบจนวันนี้

ดังนั้น ถ้าจะมีใครยังสงสัยว่า เราจะทำความดีไปทำไม
ในเมื่อทำแล้วมันเหนื่อย ทำแล้วมันไม่ให้ผลดีทันใจ

ถ้าในเมื่อผมไปที่ไหน ใครๆก็ใส่เสื้อเหลือง ใครๆก็ติดสติ๊กเกอร์
"เรารักในหลวง" กันทั้งเมือง

ผมก็อยากให้ทำอะไรสักอย่าง เพื่อในหลวงของเราจริงๆ
ไม่ต้องใส่เสื้อก็ได้ ไม่ต้องบอกใครก็ได้ ว่าคุณรักในหลวง

แต่ทำความดี จากหัวใจของคุณเอง
แล้วบอกตัวเองว่า.. เราจะทำความดีนั้น แม้ว่าจะไม่มีใครเห็น
แม้ว่ามันจะยาก มันจะเหนื่อย ขนาดไหน

เพราะว่า.. เรารักในหลวง.. ไงครับ




 

Create Date : 04 มิถุนายน 2549    
Last Update : 9 มกราคม 2552 15:35:06 น.
Counter : 1199 Pageviews.  

ลิงกำถั่ว

ออกตัวไว้ก่อนว่า เรื่องนี้ผมฟังคนอื่นเขาเล่าต่อๆกันมาอีกที

บางแหล่งจะบอกว่าภาชนะเป็นไห บางแหล่งบอกว่าลูกมะพร้าว

ผมอ่านเจอในหนังสือของกัลยาณมิตรท่านนึงที่ชื่อคุณฐิตินาถ
เธอก็เขียนเล่าเรื่องนี้ไว้ ว่าเป็นลูกมะพร้าว ก็ยึดเอาหนังสือ "เข็มทิศชีวิต" ของเธอเป็นแหล่งอ้างอิงก็แล้วกัน

ลิงกำถั่ว เป็นเรื่องที่เขาว่ากันว่ามีจริง
คือชาวสวนที่ใด ไม่ยืนยัน เขาเจอปัญหาเจอลิงบุกรุก
มาขโมยข้าวของบ้าง ของกิน ผลไม้บ้าง
ก็เลยคิดหาวิธีจับลิง โดยการเอาลูกมะพร้าวมาเจาะรู
พอให้ลิงล้วงมือเข้าไปได้
แล้วก็เอาถั่วลิสง ที่ลิงชอบ ไปใส่ไว้ แล้วก็วางดักลิงในสวน

ลิงเห็นถั่วของโปรด อยู่ในลูกมะพร้าว ก็เอื้อมมือล้วงถั่วมากำไว้ แล้วพยายามจะดึงมือออก แต่เพราะกำมือไว้ กำถั่วไว้ มือจึงติดอยู่กับลูกมะพร้าวนั้น

จะดึงออกได้ ก็ต้องแบมือ ปล่อยถั่วทิ้ง
แต่ลิงมันเสียดาย คิดแต่ว่าถั่วของฉันๆๆๆๆ

ก็เลยติดอยู่อย่างนั้น จนชาวสวนมาจับลิงไปสำเร็จโทษได้ในที่สุด

เขาเทียบว่าลิงก็เหมือนจิตเรา
ถ้ามีทุกข์อะไร มากหรือน้อยนิด
ถ้าไปยึดไว้ว่าเป็นของเรา
ไม่ยอมปล่อยวาง ไม่ยอม จะบังคับเอาให้ได้

ที่สุดแล้ว ก็ตาย เพราะถั่วกำมือเดียวแท้ๆ

เขียนยาวมาหลายวัน วันนี้สั้นๆนะครับ

ราตรีสวัสดิ์นะครับ




 

Create Date : 03 มิถุนายน 2549    
Last Update : 3 มิถุนายน 2549 0:36:56 น.
Counter : 1742 Pageviews.  

วันของทุกข์ ทุกข์มีไว้รู้ ไม่ได้มีไว้แบก

วันนี้เห็นทุกข์รายรอบตัวไปหมด ตั้งแต่เช้าจรดเย็น

เริ่มต้นจากทุกข์ของผมเอง มีประชุมสิบโมง แต่ความจำอันเป็นอนิจจังดันมาอนิจจังตอนเช้า
กว่าจะไปถึงที่ทำงานก็สิบโมงครึ่ง.. อันนี้ทุกข์เพราะรู้สึกผิดไปหนึ่งยก

ยกสอง.. บริษัท อันหมายถึงเจ้าของบริษัทที่ผมทำงาน ที่เรียกภาษาราชการว่านายจ้าง เรียกภาษาชาวบ้านว่าเจ้านาย เขากลุ้มใจเพราะฝ่ายขายมีทัศนคติลบ

เอะอะอะไรก็ขายไม่ได้ๆ ตลาดไม่ดี แต่ไม่เคยดิ้นรนหาช่องทางใหม่ๆ ช่องทางที่มีคนเปิดให้ก็ไม่ขยันวิ่งเข้า
ของเก่า ก็บ่นว่าขายยาก หาของใหม่มาให้ ก็ขายไม่เป็นอีก

อันนี้ก็ทุกข์กันตั้งแต่ เจ้าของบริษัท ยันผู้บริหารระดับกลางๆอย่างผม
เจ้านายก็เตรียมทุกข์ เพราะไม่อยากไล่ฝ่ายขายออก แต่ก็เห็นแววขาดทุนอยู่รำไร

ส่วนผมก็ทุกข์เพราะสะกิดบอกกันมาตั้งนานแล้ว ก็ไม่มีใครตื่นเต้น จนผมต้องเขียนอีเมล์ถึงประธานบริษัท ถึงได้ลุกลี้ลุกลนกันเหมือนไฟลนก้น

ยกสาม.. น้องที่ทำงาน มาลาออกคนนึง เพราะว่าทนเสียความมั่นใจในภาษาอังกฤษของตัวเองไม่ได้ หลังจากเธอมั่นใจว่า ภาษาเธอดี เธอเขียนอีเมล์ติดต่อต่างประเทศได้ แต่ลูกพี่เธอไม่ส่งเสริม ปิดกั้นความสามารถ เธอเลยส่งอีเมล์ที่เธอร่างไว้แล้วโดนยิงตก มาให้ผมพิสูจน์

ปรากฏว่า เธอตกหลักภาษาจริงๆ ผมก็ต้องบอกเธอไปตามตรง ว่าถ้ายังใช้ IT HAVE จะไปว่าลูกพี่เธอมีอคติก็ไม่ได้นะ

ปรากฏว่า วันนี้เธอมาลาออก แล้วให้เหตุผลว่า เธอเสียเซ้ว (self น่ะ แต่เธอพูดงี้)

อะไรจะอ่อนไหวกันได้ขนาดนั้นนะ คนเรา .. ท่าทางจะทุกข์น่าดู

ต่อมา ยกสี่.. เลขา ท่านประธาน เมล์มาอ้อมแอ้มๆ ขอโทษแทนฝ่ายกฏหมาย
เพราะวันก่อนฝ่ายกฏหมายมาเร่งรัด ขอให้ผมช่วยติดต่อขอเอกสารมอบอำนาจอย่างนึงจากเมืองนอก
ผมเมล์ไปเรียบร้อย ทางโน้นก็ตอบมาแบบงงๆ แล้ว FWD กันใหญ่โต

สรุปว่า จริงๆ เขาส่งมาให้นานแล้ว แต่ฝ่ายกฏหมายเราดูไม่ดีเอง หยิบเอกสารผิดปึก

ผมก็ต้องอ้อมแอ้ม ไปขอโทษขอโพยทางอเมริกาเขา .. แหงะ.. ทุกข์เต็มๆ

อะไรอีกล่ะ.. ยกห้า..ไปทานข้างกลางวันกับฝ่ายผลิตภัณฑ์ และเลขาท่านประธาน ก็ต้องรับรู้เรื่อง "ที่ไม่ควรพูดถึง" อีก

ทานข้าวทั้งที ทุกข์อีกแล้ว

ตกบ่าย มีคนมาปรึกษาว่า..พี่เคยเหงามั้ย เวลาพี่เหงา พี่อกหัก พี่ทำไง.. ยกหกเริ่มแล้วครับท่านผู้ชม

ก็แนะนำกันไปตามประสาคนพอ "รู้ทุกข์" และรู้ว่าไม่ควรเกลียดทุกข์ อย่างผม

โอ... ทุกข์ของคนอื่น เรื่องรักๆ นี่อมตะนิรันดร์กาลจริงๆ

ผมบอกว่า .. เวลาไม่มีแฟน มันก็เหงา แต่ไม่ทุกข์มากไปกว่าเหงา
คือเหงามันก็แค่เหงา แต่ถ้าเราไปเกลียดความเหงา มันจะทุกข์ เพราะเกลียด

เหมือนคุณเกลียดใครสักคนน่ะ คุณสุขหรือทุกข์ล่ะ

ผมยกตัวอย่างว่า เหมือนมีจิ้งจกอยู่ในบ้าน
ถ้าคนที่เกลียดจิ้งจกเข้ากระดูก มีแค่ตัวเดียวก็แทบคลั่งแล้ว

แต่ถ้าคนที่เฉยๆกับจิ้งจก มีสักสิบตัว เขาก็เฉยๆ
แต่ถามว่าจิ้งจกหายไปมั้ย .. ไม่รู้ ไม่สนนี่

.. ความเหงาก็เหมือนอารมณ์อย่างนึง
มันมาได้ มันก็ไปได้.. จะไปอะไรกับมัน
มันจะเหงา ห้ามมันได้ไหม ไม่ได้ เออ.. งั้นก็ไม่ต้องวิ่งหนีมัน
วิ่งหนีไปก็เหนื่อย เพราะมันก็ไม่หายไปไหนหรอก

แต่ถ้ามีสติรู้ตัว เราจะไม่ทุกข์ ทั้งๆที่เหงา ก็ไม่ทุกข์ร้อน
เพราะเราไม่เกลียดมัน

เหงา จะอยู่ หรือจะหายไป ก็เรื่องของเหงามัน เราไม่เกี่ยว
จะเกี่ยวก็ตอนเข้าไปแบก ไปเกลียดมัน ไปยึดมันไว้ ว่ามันเป็นของๆเรา

แปลกมั้ย ไม่ชอบมันหรอกนะ แต่ชอบยึดว่ามันเป็นของๆเรา

ส่วนเรื่องอกหัก.. ผมแนะนำให้ไปสวดมนต์ แผ่เมตตาบ่อยๆ และรู้จักปล่อยวางให้เป็น
ถ้าไม่ปล่อย ไม่วาง ก็จะเป็นเหมือนลิงกำถั่ว

ทำงานต่อถึงเย็น.. นึกว่าหมดยกหก จะสบาย..
เจอน้องอีกคน มาบ่นเรื่องโดนคนว่าลับหลัง
น้องเขาทุกข์ เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม

ผมเลยแนะนำว่า.. คนนินทาน่ะ ก็เหมือนเราไปนั่งกินข้าว แล้วมีคนโต๊ะข้างๆตดใส่ ถ้ากลั้นหายใจทีเดียว ก็ผ่านไปแล้ว

คนตดแล้ว ก็แล้วกัน เขาสบายท้องเขาแล้ว แต่ไอ้คนอื่นก็ไม่ควรไปไล่สูดกลิ่นเหม็น แล้วก็ทุกข์ เปล่าๆ

คนพูดจาซี๊ซั้วให้ร้ายคนอื่น สำนวนนิยายจีนกำลังภายในเขาเรียก "ผายลมเจ้า!"

จะไปเอาสาระอะไรกับลมที่เขาผาย จะไปวิเคราะห์วิตกอกร้อนอะไรว่าทำไมมันถึงได้เหม็นนัก

แล้วก็มาหารับประทานกับนิทานเรื่องลิงกำถั่วอีก
ผมบอกว่า.. จะเอาความสุขทั้งชีวิตไปโยนทิ้งเพราะถั่วกำเดียวหรือไง

(ใครไม่เคยรู้เรื่องลิงกำถั่ว บอกนะครับ.. จะเล่าให้ฟัง )

ที่จริงตอนกลับบ้านก็เจอทุกข์ อีกสองเรื่อง แต่พอแล้วล่ะ
เดี๋ยวคุณจะมาช่วยผมแบกโดยไม่จำเป็น

เพราะที่เล่ามานี่.. ผมก็มีหลงไป เผลอไป ไหลไปกับอารมณ์บ้างเหมือนกัน

แต่พอรู้ตัว ก็ตื่นขึ้น ดีขึ้น ทุกข์ก็คลายตัว

ผมพบว่า คนเราจะสติรั่ว มากที่สุด ง่ายที่สุด ตอนที่พูด
ยิ่งพูดด้วยอารมณ์มาก ก็จะเผลอได้มาก

ทุกข์กายนี่ จะดูเมื่อไหร่ ก็เห็นนะครับ
แต่ทุกข์ใจนี่.. ถ้าไม่สังเกต อาจจะโดนมันต้อนหน้าต้อนหลังเอาง่ายๆ

คนเราที่จริงทุกข์อยู่แทบจะตลอดเวลานะครับ
เพราะจิตเรามันจะแอบวิ่งไปทำงานหาความสุข หนีทุกข์ตลอดเวลา (โดยห้ามไม่ได้อีกเหมือนกัน เพราะมันเป็นธรรมชาติ)

ที่จริงพระท่านว่า จิตมันอยู่เฉยๆก็ทุกข์ของมันตลอดเวลา อยู่แล้ว
แต่อันนั้นผมยังปัญญาน้อย ผมยังไม่เห็น ยังเห็นว่า มันสุขมั่ง ทุกข์มั่ง

อาจารย์ผมท่านว่า ไม่เป็นไร ก็เห็น ก็รู้ไปเท่าที่รู้ได้ ก็ดีแล้ว

มีคนถามบ่อยๆว่า.. รู้สึกตัวเนี่ย รู้สึกไปทำไม รู้สึกแล้วไง?

ตอบว่า.. ฝึกรู้ไว้บ่อยๆ แล้วสติตัวจริงๆ ที่ไม่ใช่แบบที่เราฝึกตามรู้อยู่ตอนนี้ หรือที่คิดเอา (แล้วคิดว่ารู้) มันจะเกิดเองครับ

สติตัวจริง ต้องเกิดโดยอัตโนมัตินะครับ
คิดเอาก็ไม่ได้ ตั้งใจให้เกิดก็ไม่ได้ แต่ฝึกเอาได้

เหมือนจะพูดอังกฤษเก่งๆ ก็ต้องหัดพูดบ่อยๆ อ่านเยอะๆ
ไอ้ประเภทถือพจนานุกรมไปเล่มนึง พูดไปก็เปิดหาไป
แบบนั้น เขาไม่เรียกว่า "พูดเป็น"

เมื่อสติเกิดเองโดยอัตโนมัติได้บ่อยๆ ปัญญา ก็จะเกิด
ปัญญาที่ว่า ก็มาจากการเห็นความจริงของกาย ของใจ ว่า..
มันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันบังคับไม่ได้
มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปทั้งนั้น

เหมือนคุณเห็นเฉลยเบื้องหลังมายากล ยังไงยังงั้นเลย

ปัญญา ที่ได้ เป็นปัญญา ขั้นละเอียด ใช้ขัดเกลากิเลสได้
กิเลสน้อยลง ทุกข์ก็ลดลง น้อยลงๆ

อธิบายได้ว่า.. พอมีปัญญาเห็นความจริงมากๆเข้า
เห็นว่า ไม่มีอะไรเป็นของเรา ไม่มีอะไรเที่ยง ไม่มีอะไรที่บังคับได้สักอย่าง

ความยึดมั่นถือมั่นมันก็น้อยลง ทุกข์จึงน้อยถอยตามไปด้วย

ถึงที่สุดแห่งทุกข์เมื่อไหร่ จุดหมายก็อยู่ตรงนั้นแหละครับ

ขอให้ทุกท่านที่ตั้งใจไว้ ..
ได้พบสุขแห่งนิพพานในอนาคตกาลด้วยกันทุกท่านทุกคนนะครับ

ราตรีสวัสดิ์คร้าบ




 

Create Date : 01 มิถุนายน 2549    
Last Update : 2 มิถุนายน 2549 16:21:22 น.
Counter : 1142 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.