|
ของเล่น หนังสือ ความโชคดีในความขาดแคลน
เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง แต่ได้แรงบันดาลใจจากบล็อคของสตรีท่านนึงที่มีชื่อในกรอบขวามือของคุณ
ตอนผมเล็กๆ ผมมีพี่น้องเยอะมาก แต่ผมถูกส่งไปอยู่ต่างจังหวัดตั้งแต่แบเบาะกับพี่สาวสองคน พอปู่ผมเสีย แม่ก็มารับพี่สาวไปอยู่เมืองนอก
ผมเลยโตมาคนเดียวตั้งแต่เรียน ป. 2 โดยไม่มีพี่ชายให้ผมรับของเหลือ :)
ไม่ต้องหวังไกลถึงจักรยานหรอกครับ เพราะของเล่นอย่างเดียวสมัยผมเด็กๆ คือตุ๊กตาพลาสติกรูปทหารตัวเล็กๆ สิบกว่าตัว บวกกับตุ๊กตาพวกไดโนเสาร์ อีกสิบสองตัวได้มั้ง แล้วก็ลูกแก้วสี่ห้าลูก
ผมจะเอาตุ๊กตาตั้งไว้สองฝั่ง แล้วก็ใช้ลูกแก้วกลิ้งไปชนสลับกันฝั่งละครั้ง ใครล้มหมดก่อนแพ้ .. แต่ก็เล่นคนเดียวน่ะ สนุกแบบเหงาๆ นั่นคือของเล่นอย่างเดียวในวัยเด็กของผม
ผมไม่มีลูกบอล ไม่มีไม้แบด ไม่มีจักรยาน ไม่มีเครื่องบิน ไม่มีหุ่นยนต์ ไม่มีเกม ไม่ได้หมายถึงนินเทนโด้ หรือ Play Station อะไรหรอก ผมหมายถึงเกมเศรษฐีธรรมดาๆนี่แหละ ผมก็ไม่มี
ถ้าจะเล่นของพวกนั้น ต้องไปบ้านข้างๆ ไปขอเล่นกับเขา จักรยานผมก็ยืมเพื่อนแถวบ้านมาขี่ บอลก็ไปเตะกับเขา แบดก็ไปตีกับเด็กละแวกนั้น โทรทัศน์ก็ไปขอดูบ้านถัดๆไป
โตมา ผมค่อนข้างอ่อนไหวกับแผนกของเด็กเล่นพอควรนะครับ จำได้ว่ามีครั้งนึง ผมแอบหนีไปเที่ยวงานฤดูหนาว (งานกาชาดของคนนอกกรุง) แล้วผมไปยืนเฝ้าดูตรงม้าหมุนตั้งนานสองนาน ด้วยความอยากเล่น
อ้อนขอคนเฝ้า ขอเล่นหน่อยสักรอบก็ยังดี ขออยู่นานแต่ก็ไม่สำเร็จนะครับ
สมัยเด็กๆ แผนกของเล่นจะเป็นแผนกที่ผมเป็นลูกค้าที่มาเยี่ยมชม (เฉยๆ) อยู่เป็นประจำ
ผมเริ่มมีของเล่นพวกเครื่องบินต่ออะไรก็โน่นแหละครับ มัธยม ตอนย้ายมาอยู่บ้านที่กรุงเทพ
แต่ข้อดีก็มีนะ.. เพราะมันทำให้ผมชอบอ่านหนังสือ เพราะผมไม่มีอะไรจะเล่นมากนัก ทีวีก็มีช่องเดียว บ้านนอกนี่นา ไม่มียูบีซี ไม่มีการ์ตูนเนทเวิร์ค ช่องเก้าการ์ตูนก็ยังไม่มา ตอนผมอยู่ประถมนี่ การอ่านหนังสือสนุกกว่าเป็นไหนๆ
หนังสือชุดแรกๆที่อ่านแล้วติดงอมแงม คือพลนิกรกิมหงวน อันนี้สนุกชนิด เจเคโรวลิ่ง กลิ้งมาพร้อมแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ยังต้องสยบ
ผมไม่รู้หรอกว่า เด็กสมัยนี้อ่านแล้วจะฮาขี้แตกขี้แตนแบบผมไหม แต่สมัยนั้น ผมอ่านไปก็หัวเราะเหมือนคนบ้า แล้วเลยชอบอ่านหนังสือตั้งแต่นั้นมา
แต่มีหนังสือประเภทเดียวที่ผมไม่อ่าน
จะทายว่าหนังสือโป๊ล่ะสิ.. ผิด!!! อันนั้นสำหรับเด็กประถมรุ่นผมมันหายาก พอๆกะหามะม่วงน้ำปลาหวานใส่กะปิทาน แถวๆเมซซาจูเส็ต หรือบอสตัน ผมเลยไม่นับ
คำตอบคือหนังสืองานศพครับ เพราะสมัยเด็กๆ ผมกลัวผีมาก เวลาเจอหนังสืองานศพนี่เป็นไม่กล้าแตะ มันเสียวววว..
พูดถึงงานศพ .. ผมถือว่ามันเป็นกิจกรรมที่คนวัยสามสิบกว่าแบบผมต้องทำบ่อยๆ ในวัยนี้
โดยมากคือการไปงานศพบุพพาการี ของเพื่อนฝูงคนรู้จัก และรวมถึงครูบาอาจารย์
ต่างจากสมัยอายุยี่สิบปลายๆ กับสามสิบต้นๆนะครับ อันนั้นส่วนมากไปงานแต่งงานเสียมากกว่า
อย่างอาทิตย์นี้ ก็มีแจ้งมาวันนี้วันเดียว สองงานแล้ว ใครกำลังจะขึ้นเลขสาม หาชุดดำติดบ้านไว้มั่งก็ดีนะครับ
ที่เล่าเรื่องของเล่นวัยเด็กที่ขาดๆของผม ตั้งใจจะบอกว่า ในส่วนด้อย มันก็มีดีอยู่ ถ้าเราจะมอง
ยกตัวอย่าง.. เหมือนเรื่องของนักร้องคนนึง ชื่อสตีวี่ วันเดอร์ เขาเป็นคนที่อเมริกันชน ยกย่องว่าเป็นนักร้อง นักดนตรี อัจฉริยะ เป็นคนปฏิวัติเพลงอาร์แอนด์บี ในยุค 60's ให้กลายเป็นสำเนียงแบบ 70's เป็นคนที่ปีไหนออกอัลบั้ม คนอื่นๆจะถอนหายใจเฮือกๆๆ เพราะเขาจะกลายเป็นตัวเต็ง ของรางวัลแกรมมี่เสมอ
เป็นคนที่ทำอัลบั้มบางชุดด้วยมันสมอง และฝีมือเขาเองทั้งหมด ทั้งแต่ง เรียบเรียง เล่นเครื่องดนตรีทุกชิ้น และร้องเอง
ทั้งหมดที่พูดมา.. เป็นเรื่องของผู้ชายตาบอดคนนึงครับ ใช่แล้ว .. สตีวี่ วันเดอร์ เขาตาบอด
ไว้บล็อคหน้าจะเล่าให้ฟังนะครับ บล็อคนี้ยาวแล้ว
ดูแลสุขภาพกันนะครับ ทุกท่าน
Create Date : 30 พฤศจิกายน 2549 | | |
Last Update : 2 ธันวาคม 2549 12:52:47 น. |
Counter : 1799 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ยิ่งมาก กลับน้อย
เรื่องมันเริ่มขึ้นสืบเนื่องเพราะคอมพิวเตอร์ที่ทำงานผมมันช้าครับ
ผมเลยได้อาศัยเวลาจะหาข้อมูลอะไรในเนทนี่แหละ เป็นเวลาดูจิต ดูความเบื่อของตัวเอง ว่าความเบื่อมันก็ขึ้นๆลงๆอย่างนั้น
แล้ววันนี้ ดูๆอยู่ ก็เห็นความคิดมันผุดขึ้นมาอันนึง คือจะว่าไป ถ้าย้อนไปสามปี คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ มันแจ๋วมากเลยนะจอร์จ
แต่ทุกวันนี้ มันช้าลง เพราะโปรแกรมเอย เว็บไซท์เอย มันใหญ่ขึ้น มันใช้ Resource ของเครื่องเยอะขึ้น ที่เคยเร็ว เลยกลายเป็นช้า
ผมพาลนึกไปถึงเรื่องเงินเดือน
สมัยผมยังเรียนอยู่ เคยนึกว่า โหย.. ถ้าเงินเดือนสัก เก้าพันหมื่นนึง ผมคงแฮปปี้แล้ว
ผมเริ่มทำงานด้วยเงินเดือน 7,120 บาท จำแม่นเลย.. จริงๆเงินเดือนน่ะ 6 พันนิดๆ บวกค่าครองชีพอะไรอีกหน่อย
ทำไปได้ไม่ถึงปี แจ๊คพ็อตแตก เขาปรับฐานเงินเดือนใหม่ กลายเป็น 12,000 บาท สมัยเกือบ 20 ปีก่อน โอ๊ววว.. เยี่ยมมั้ยล่ะ ซาร่าพาราเซตามอล
แล้วไงล่ะ.. วันนี้เงินเดือนไปถึงไหน กลับรู้สึกว่ามันไม่เยอะเหมือนเดิม
นานมาแล้ว ผมเคยได้ FWD Mail พูดเรื่องทุกข์ของคนเมือง เขาบอกว่า เรามีตึกสูงระฟ้า.. แต่จิตใจคนกลับเตี้ยลง เราหาเงินได้มากขึ้น แต่เรามีความสุขจากการใช้มันน้อยลง
ประเด็นจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า เราหาเงินได้เท่าไหร่ ถ้าเราหาเงินได้เท่าเดิม แต่ใช้น้อยลง เราก็จะรู้สึกว่าเรามีเยอะขึ้น หรือถ้าหาเงินได้เท่าเดิม แต่ใช้มากขึ้น มันก็จะรู้สึกเหมือนเรามีน้อยลง
เป็นผู้ใหญ่นี่ มันติดอยู่คำเดียว ว่า.. ภาระ น่ะครับ
ฉะนั้น ถ้าเข้าใจได้ว่า ซอฟแวร์บางตัวมันจำเป็นสำหรับเครื่องคอมของเรา ก็พอทำใจได้ว่า เครื่องมันก็คงช้าลง ไม่ปรู้ดปร้าดเหมือนเดิม แต่ก็อาจจะต้องไปดูว่า เครื่องเรามีอะไรไม่จำเป็นเก็บไว้หรือเปล่า
วันนี้ เหมือนมาบ่นให้ฟัง.. แต่ผมให้กำลังใจตัวเอง และทุกท่านนะครับ
วันศุกร์อีกแล้ว.. เร็วจังเลย
วันนี้พาคุณไปฟังเพลงจากอัลบั้ม "พี่น้องในอ้อมแขน" ของคณะ ไดร์ สเตรท (Dire Strait) ครับ เพลงชื่อว่า จะกังวลไปทำมั้ย.. why worry
Create Date : 22 พฤศจิกายน 2549 | | |
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2549 0:46:15 น. |
Counter : 1172 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|