Group Blog
 
All blogs
 

ความสุข ความทุกข์



หลายวันมาแล้วที่ผมต้องทำงานแบบป่วยๆ ..

เวลาป่วย ผมมักจะอาศัยโอกาสทำวิปัสสนา โดยใช้สติพิจารณาดูความทุกข์ของกายซะเลย

เมื่อวานนี้ก็เห็นเหมือนครั้งก่อนๆว่า.. ทุกข์กายมันส่วนนึง ทุกข์ใจมันอีกส่วน

ผมว่า คนที่เจริญวิปัสสนาด้วยอาศัยสติพิจารณากายใจบ่อยๆ
จะโชคดีอย่างนึงคือ เวลาป่วย ก็ยังเป็นสุขใจได้ ในความทุกข์กายนั้น
เพราะรู้ว่า กายกับจิต มันคนละส่วนกัน

พูดให้ถูกกว่านั้นอีก.. เวลามีทุกข์ใจ ก็ยังแอบสุขได้
ไม่ใช่เพราะเป็นมาโซคิสม์ชอบความเจ็บปวดหรอกนะครับ
แต่เพราะถ้าดูเป็น จะเห็นว่า ความทุกข์ใจ มันก็เป็นของชั่วคราว
จิตที่ทุกข์อยู่เป็นตัวหนึ่ง จิตที่ไปรู้ทันการเกิดทุกข์
หรือที่เรียกว่า จิตที่มีสติขึ้นมานั้น ..เป็นอีกตัวนึง

เมื่อคืนก่อนนอน หลังสวดมนต์จบ ผมเอนตัวนอนแล้วอยู่ๆคำๆนึงก็ลอยขึ้นมาในหัว .. "ความสุข"

"ความสุข" เป็นคำที่ใครก็อยากได้ อยากมี วิ่งหากันมาชั่วชีวิต
ที่เหน็ดเหนื่อยลงทุนลงแรง ลงกายลงใจ ให้กับงาน กับคน
กับการเรียน หรือกับอะไรก็ตาม ก็เพื่อไอ้ตัวนี้แหละ

แม้แต่คนอยากปฏิบัติธรรม ก็ยังหวังว่า ทำแล้วจะได้พบกับ "ความสุข"

ผมได้ยินว่า.. สุขทางธรรม ที่เรียกนิพพาน เป็นบางอย่างที่เหนือความเข้าใจของพวกเรา
เป็นสุขที่ไอ้ธาตุขันธ์ กายและจิตของเรา แทบจะรับไม่อยู่เลยทีเดียว

แต่สุขทางโลกนี่ มันมาชั่วครั้งคราว ประเดี๋ยวประด๋าว แล้วมันก็ไป
สังเกตสิครับ อะไรที่ยิ่งดีมาก สุดยอดมากๆ มันแป๊บเดียวเท่านั้นแหละ
ฟุตบอลแมตช์ ที่ดีที่สุด ก็ไม่เกิน 120 นาที หนังยาวที่สุด ผมให้ 6 ชั่วโมงเลยเอ้า
คอนเสิร์ตดีที่สุด มันส์ที่สุด อย่างพี่เบิร์ด ก็ไม่เกิน 3 ชั่วโมง
Live Aids ยาวกี่ชั่วโมงล่ะ แล้วก็วนกลับไปตั้งต้นความอยากรอบใหม่

ทุกอย่างมันเป็นธรรมชาติ เลี่ยงไม่ได้ เป็นสัจธรรม มาแล้วก็ไป
แต่คนเราไม่ค่อยยอมรับตรงนี้ เวลาสุขขึ้นมา ก็พยายามจะรักษาไว้ให้อยู่ถาวร
เพราะสำหรับมนุษย์ ความสุขไม่ว่าจะมากเท่าไหร่ ก็ยังสั้นเกินไป น้อยเกินไปเสมอ

นั่นคือเหตุว่า สิ่งที่เคยเป็นความสุข กลับทำให้หลายคนรู้สึกเป็นทุกข์ เวลาที่มันหมดลง

แต่กับความทุกข์ จะน้อยกระจิริด ก็ยังนานเกินไป มากเกินไปเสมอ เช่นกัน
เวลามีทุกข์ ก็ดิ้นๆๆๆ จะหนี จะกำจัดทุกข์ให้ได้ แล้วก็ทุกข์เพราะพยายามดิ้นนั่นแหละ

ผมสังเกตว่า เดี๋ยวนี้ เวลาผมขับรถ ผมไม่ค่อยนึกอยากฟังเพลงมากนัก
อาจจะเพราะงานผมมันเกี่ยวกับความบันเทิงเยอะมากแล้ว
ทั้งงานหลัก งานรอง เลยรู้สึกอยากพักสมอง พักหูไว้บ้าง

ความสุขเอง ก็ไม่เที่ยงนะครับ..

สมัยนึง ผมเคยรู้สึกว่า ผมเป็นคนขาดหนังสือไม่ได้ ตั้งแต่ตื่นจนหลับ
ผมจะมีหนังสือติดตัวเสมอ แม้กระทั่งเวลาทานข้าว เข้าห้องน้ำ นั่งรถเมล์
ถ้าวันไหน ผมเกิดออกจากบ้านแล้วไม่มีหนังสือติดมือ
ผมจะต้องแวะร้านหนังสือที่เจอ เพื่อซื้ออะไรไว้สักเล่ม

นั่นเป็นความสุข ในช่วงนึงของชีวิตผม

ต่อมาผมค่อยๆเปลี่ยนมาบ้าเพลง แล้วก็บ้าหนัง ความสุขในชีวิตผม ก็เปลี่ยนไปตามวัยอีก

พอมาทำงานอยู่กับสิ่งที่เราเคยคิดว่า มันเป็นความสุข นานเข้าๆ ก็อิ่มขึ้นมาได้เหมือนกัน

ถามว่า.. ที่มันไม่เที่ยง เพราะตัวความสุขเองไม่เที่ยงหรือ หรือเพราะอะไร

ตอบว่า.. เพราะใจเราเองนี่แหละครับ ไม่ใช่ใครอื่น

ผมสังเกตเห็นว่า สุขหรือทุกข์ มันเป็นผลผลิตอย่างนึง ของจิตเราคนเดียว ไม่เกี่ยวกับใคร

คนข้างๆเรา อาจจะฟังเพลง "หมีแพนด้า" แล้วบอกว่า "จืด"
แต่เราฟังแล้วอาจจะบอกว่า "แจ่ม"

ผลก็คือ คนข้างๆเราฟังเพลงหมีแพนด้าแล้วจะเป็นทุกข์
แต่เราฟังแล้วเป็นสุข แหมมันตลก น่ารัก ฮิฮะ จังเลย

แต่ถ้าให้เรานั่งฟังเพลงหมีแพนด้าไปติดๆกัน นันสต๊อป สักห้าร้อยเที่ยว คุณว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ฉะนั้น.. ผมจะเตือนตัวเองเสมอว่า
อะไรที่เป็นความสุข จะชื่นชม รื่นรมย์ก็ทำไปตามสมควร
เพียงแต่ อย่าไปเหนื่อย วิ่งไขว่คว้า ตามหา หรือเบียดเบียนใคร
เพราะมันก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดไปหรอก ไม่คุ้มเลย

อะไรที่เป็นความทุกข์ ก็เหมือนกัน ไม่ต้องไปไยดีกับมันมาก
ไม่ต้องไปเหนื่อยพยายามวิ่งหนี หรือหาทางกำจัดมันหรอก
มันก็มีอายุขัยของมัน ถึงเวลามันก็ไปเอง

พรุ่งนี้ใครอยากดูงานแจกรางวัลแกรมมี่ ช่อง 7 ถ่ายทอดสด แปดโมงผมจะไปบรรยายครับ

วันนี้ให้คุณฟังเพลงน่ารักของวงจากเยอรมันชื่อ ทรีโอ เพลงนี้เป็น one hit wonder ของยุค 80's ชื่อ Da da da

ใครชอบโฆษณาเป๊บซี่ คงจำเพลงนี้ได้นะครับ

สุขสันต์วันอาทิตย์นะครับ ... ดา.. ดา.. ดา..




 

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2550 7:58:20 น.
Counter : 1080 Pageviews.  

With A Little Help From Their Friend



ผมหารูปสนามศุภไม่ได้ เอารูปวิลล่าพาร์ค ของทีมแอสตันวิลล่าไปดูพลางๆก่อนนะ

ผมหายไปหลายวัน เพราะงานยุ่งมาก และไม่สบายครับ เจ็บคอเป็นไข้ มีน้ำมูก ไอ ตามสูตร

ไม่น่าเชื่อว่า เมื่อวันโน้น ผมจะได้ไปอยู่ในสนามศุภภัชลาศัยกับเขาด้วย

ครั้งหลังสุดที่ผมเห็นคนไปเชียร์บอลเยอะขนาดนี้ ก็โน่นแหละครับ นัดที่ไทยชนะเกาหลีใต้ รอบก่อนรองชนะเลิศเอเชี่ยนเกมส์ปีนู้นนนนน ที่ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูลยิงลูกโกลเด้นโกลน่ะ

ลูกนั้นเป็นลูกประวัติศาสตร์มากเลยนะครับ เพราะหลังจากนั้นมา ฟุตบอลเกาหลีก็เกิดการปฏิวัติขนานใหญ่ จนได้ไปฟุตบอลโลกติดกันสองสมัยเข้าไปแล้ว

แม้ว่าสมัยนึงจะได้ไปเพราะเป็นเจ้าภาพก็ตามที ..แฮ่..

ผมได้รับบัตรอภินันทนาการมาจากคุณนันทขว้าง นักวิจารณ์หนังแต่บ้าบอล ซึ่งขอขอบคุณมาอีกครั้ง ณ โอกาสนี้

ผมไม่ได้รู้จักมักจี่กับคุณเกี๊ยงแต่ประการใด เพียงแต่ผมมีเพื่อนคนนึงที่สนิทกับคุณเกี๊ยงอีกทอดนึง

นับเป็นประโยชน์ของการมีเพื่อนดี ประการหนึ่งนะครับ

บังเอิ๊ญ บังเอิญ มีบังอรท่านนึงหลังไมค์มาปรึกษาเรื่องเพื่อนพอดี
เธอเล่าว่า เป็นคนที่ทำปริญญาเอกด้วยกัน แต่ไม่ค่อยทำโปรเจคท์เอง
มาขอลอกเธอตลอด ลอกแบบทั้งดุ้น จนอาจารย์ที่ปรึกษา ทักก็แล้ว เตือนก็แล้ว เรียกไปพบมาแล้ว

เธอก็พยายามจะไม่ให้ลอก แต่ก็ใจอ่อนทุกครั้งเพราะรู้ว่าถ้าไม่ช่วย หมอนี่ก็ตกชัวร์

หนึ่งเทอมผ่านไป ขึ้นเทอมใหม่ ยังทำตัวแบบเดิมครับ ท่านผู้ชม

ผมฟังแล้วก็เวียนเฮด เพราะเป็นไข้อยู่หนึ่ง แถมยังรู้สึกว่ามันเป็นกรรมอย่างนึง

ผมแนะนำเธอไปหลังไมค์ว่า คนเราจะทำบุญ ทำกุศล มีเมตตาเป็นเรื่องดี
แต่ต้องรู้จักประมาณตัวเอง ว่าแค่ไหนได้ แค่ไหนพอเหมาะพอดี
ช่วยมากเกินไป ก็กลายเป็นทำร้ายเขา เพราะเหมือนทำให้เขาเรียนรู้ว่า
ไม่ต้องพยายามมากหรอก ยังไงขอร้องแล้ว เพื่อนมันก็ให้ลอก

ได้ปริญญาเอกมาแล้ว ไปสอนหนังสือ นักศึกษามิวายป่วงกันหมดหรือนี่

หรือจะเอาความภูมิใจที่ไหนมี เวลามองปริญญาที่แขวนไว้ข้างฝาน่ะ

เหมือนสิงคโปร์ ที่ปกติก็ใช่ว่าจะถูกกะมาเลย์เสียเมื่อไหร่
แต่พอผู้ตัดสินมาเลย์ ตาถั่ว เป่าให้สิงคโปร์ได้จุดโทษและชนะไทย 2-1
มาเลย์ก็แทบจะกลายเป็นมหามิตรของสิงคโปร์ไปในทันใด

แต่ก็นั่นแหละ นัดที่สองเสมอไทย เลยได้แชมป์เพราะประตูรวมที่ได้อานิสงส์มาจาก "เพื่อน"

แล้วเป็นไง มันก็จะมีข้อกังขาไปตลอด ว่าตกลงปีนี้ ที่ได้แชมป์
มันเพราะฝีมือจริงๆ หรือเพราะ "เพื่อน"

บางที มีเพื่อนหวังดีช่วยมากเกินไป ก็มีข้อเสียเหมือนกันนะครับ
คุณล่ะเป็นเพื่อนชนิดไหน

ฟังเพลงของ บีทเทิลส์นะครับ เพลงนี้เป็นต้นแรงบันดาลใจของเพลง "กระถางดอกไม้ให้คุณ" ของคาราบาว

คนร้องคือมือกลองชื่อ ริงโก้ สตาร์ ที่ปกติไม่เคยได้ร้องเพลงอย่างเพื่อนๆเขา

หลายคนเคยพูดว่า ริงโก้ สตาร์ ฝีมือตีกลองยังไม่คู่ควรจะเป็นมือกลองของวงป๊อปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกวงนี้ด้วยซ้ำ
เมื่อเทียบกับความสามารถของเพื่อนๆอีกสามคนในวง

แต่ก็ได้เพื่อนนี่แหละช่วยๆให้กำลังใจ และประคองให้ร้องจนจบเพลงตลอดรอดฝั่ง

มอบเพลงนี้แด่ทีมบอลสิงคโปร์ ที่มีเพื่อนดีครับ




 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2550 11:07:57 น.
Counter : 1059 Pageviews.  

~.~ จากปกหน้า ถึงเนื้อใน เรื่องน่าสนใจของนิตยสาร



1. คุณรู้ไหม อะไรคือความแตกต่างของหนังสือโป๊กับนิตยสารแฟชั่นของไทยในปัจจุบัน

....... (ติ๊กต่อก.. ติ๊กต่อก.. ติ๊กชิโร่.. ติ๊กกัญญารัตน์..ติ๊กกลิ่นสี.. ติ๊กอะไรอีกดี...)

หมดเวลา.. ตอบว่า.. ??

เฉลยครับ .. ผมพบความจริงวันนี้เอง บนปกนิตยสาร Volume ฉบับล่าสุดที่มีน้องเป้ย ปานวาด ขึ้นปก.. ว่า..

หนังสือโป๊ คือสิ่งพิมพ์ที่พยายามทำปกให้โป๊น้อยที่สุด
และจะเก็บเอารูปโป๊ที่สุดไว้ด้านใน

แต่นิตยสารแฟชั่นไทย คือสิ่งพิมพ์ที่พยายามทำปกให้โป๊มากที่สุด โดยจะเอารูปที่โป๊ที่สุดไว้บนปกเสมอ

2. ผมเรียนรู้ว่า.. 1 ใน 3 ของความสวยแบบมหัศจรรย์ของสาวๆส่วนใหญ่บนปกนิตยสารมาจากเมคอัพและไฟ


อีกครึ่งนึง มาจากการรีทัช

3. นิตยสารที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย ไม่ใช่หนังสือหัวนอก ไม่ใช่ image ไม่ใช่แพรว ไม่ใช่ Lisa หรือพลอยแกมเพชร

แต่เป็น "คู่สร้างคู่สม"

4. ยอด Circulations ซึ่งเป็นศัพท์ที่เขาใช้อ้างอิงเพื่อแสดงความนิยมของนิตยสาร ส่วนมากมียอดจริงๆอยู่ประมาณครึ่งเดียว หรือต่ำกว่านั้น

5. ถ้าอยากรู้ว่านิตยสารเล่มไหนพิมพ์มากพิมพ์น้อย ให้ดูที่ความหนา
เล่มไหนหนามากเพราะโฆษณาเยอะ แต่ขายไม่แพง
แปลว่าจากยอด Circulations สัก 7 หมื่น เขาอาจจะพิมพ์จริงแค่ 8 พัน

อันนี้ไม่ต้องเชื่อนะครับ ผมแอบสงสัยเอาเอง

เพราะต้นทุนหนังสือส่วนมาก มาจากค่ากระดาษพิมพ์นี่แหละ
และถ้าจะขายนิตยสารเล่มหนาๆให้มีกำไร ต้องขายร้อยกว่าบาทขึ้นไป

สมมติผมขายโฆษณาได้ 4 ล้าน ผมมีกำไร 2 ล้าน ผมพิมพ์หมื่นเล่ม กับ สี่หมื่น ผมพิมพ์หมื่นเดียว กำไรเยอะกว่านะ

6. ค่าจ้างเขียนบทความลงนิตยสารตอนนึง ถูกกว่าค่าลงเสียงอ่านสปอต

ผมเคยเขียนบทความให้เพื่อนเขียนไปแก้ไปอยู่คืนนึง ง่วงแทบแย่ ได้เงินมา 2 พัน

ผมถามมันว่า.. เฮ้ย.. คุณเขียนให้เล่มนั้นได้เงินเท่าไหร่
มันบอกว่า สองพันห้า

ฟังแล้วแอบนึกในใจว่า.. อืมม์.. คนใช้เสียงอ่านสปอตนี่โชคดีมากเลยนะ
ผมเคยอ่านตัวนึงเร็วมาก 10 นาทีเสร็จ รวมเทคแล้ว 4 หน สี่พัน ไม่หักภาษีอีกต่างหาก

แต่นานๆได้อ่านทีนะ

7. หนังดีมากๆ มักจะได้แต่กล่องไม่ค่อยได้เงิน นิตยสารดีๆ ก็เหมือนกัน

แต่ผมยกเว้นนิตยสารเล่มนึงให้ คือ.. สารคดี
สมัยผมทำงานโฆษณา สารคดีเป็นหนังสือที่มีสาระที่จองโฆษณายากมาก

แต่ที่เหลือ.. ไม่ต้องพูดถึง แค่ไม่ขาดทุนก็ดีถม

8. มียุคหนึ่ง ที่มีคำพูดว่า.. ถ้าจะหาอ่านบทความดีๆ จงเปิดหาจากหนังสือวาบหวิวอย่าง "หนุ่มสาว"

อันนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะบ้านเรา อย่างเพลย์บอยของอเมริกาก็ขึ้นชื่อว่ามีบทความดีๆหลายๆอันเสมอๆ

ผมคิดเอาเองว่า บก. คงอยากช่วยนักเขียนเก่งๆเหล่านี้ และคงอยากให้หนังสือดูมีระดับสำหรับปัญญาชน

9. นิตยสารสมัยนี้ต้องตั้งชื่อเป็นภาษาต่างชาติ ถึงจะดูเท่ ไม่นับพวกหัวนอกอย่าง OK! Lisa! SEVENTEEN เราก็จะต้องมี A-day Hamburger Knock Knock Kawaii

ถ้าไปตั้งว่า "หนึ่งวัน" "ขนมปังใส่แฮม" "ก๊อก ก๊อก" "น่ารัก" มันกลายเป็นเชยไป (ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้นะ)

9 ข้อพอแล้ว.. ย้ำอีกทีว่า เป็นข้อสังเกตส่วนตัว ไม่ได้มาจากสถาบันเอลิด้าปารีส

ยกเว้นเรื่องคู่สร้างคู่สม อันนั้นของจริง

สุขสันต์วันพฤหัส(อีกแล้ว เร็วจัง ) ครับ




ให้ฟังเพลงชื่อ "ปกหน้าของนิตยสารโรลลิ่งสโตน" ของวง ดร.ฮุก
เขาพูดถึงศิลปินที่ได้ขึ้นปกโรลลิ่งสโตน ซึ่งถือว่าเป็นนิตยสารดนตรีที่มีอิทธพลมากที่สุดของฝรั่ง




 

Create Date : 30 มกราคม 2550    
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2550 19:36:53 น.
Counter : 2088 Pageviews.  

เศรษฐจิตพอเพียง


(รูปจาก FWD:Mail เขาบอกว่าเป็นชุมพร ซึ่งผมล่ะถึงกับทึ่งในความรักชาติ)

ผมเขียนถูกแล้วครับ แล้วคุณก็อ่านไม่ผิดด้วย เศรษฐจิตพอเพียงนี่แหละ

จะพูดเรื่องเศรษฐกิจ ผมก็ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์
จะพูดเรื่องอวกาศ ผมก็ไม่ใช่พวกนาซ่า
จะพูดเรื่องยาบ้า ผมก็ไม่ใช่ตำรวจ
จะพูดเรื่องหนวด ผมก็ไม่ใช่ยิลเลตต์
จะพูดเรื่องเป็ด ผมล่ะก็เข็ดไข้หวัดนก
จะให้พูดเรื่องตลก ขอไหว้ปะหลกๆก็ผมไม่ใช่ชวนชื่น

แต่ถ้ายังขืนไม่หยุดเล่นคำ ผมอาจจะคะมำเพราะถูกตบ..

ยุคนี้ เขาสนใจกันแต่เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
ผมก็ไม่อยากเถียง เพราะไม่อยากเอาเขียงมาพาดคอ

แน่ะ... ยังไม่วาย..
ไม่รู้ไปติดเชื้อคุณดำรงเฮฮามาตั้งแต่เมื่อไหร่

เมื่อคืนก่อน ผมได้ยินคนพูดเล่นๆว่า..
ใกล้วาเลนไทน์แล้วนะ ใครยังไม่มีแฟนก็เร่งหน่อย เดี๋ยวเพื่อนล้อ

งั้น.. ใครอยากล้อ ก็ล้อได้เลย ผมเฉยๆแล้วล่ะ เหอๆ

แต่ก็กะว่าจะซื้อดอกกุหลาบให้ตัวเองสักช่อ แถมหมูยออีกห่อใหญ่

กุหลาบน่ะ เอาไว้แต่งห้อง แต่หมูยอเอาไว้กินมื้อค่ำ
เพราะไม่อยากออกไปไหนในคืนวันนั้น

แหม.. มันก็รู้สึกอยู่นะคุณ ไอ้อิจฉาเนี่ยก็ยังอิจฉาเป็น
คนนะ ไม่ใช่นกเพนกวิน
แต่มีสติรู้ทันตัวอิจฉา ก็รีบแสดงความยินดีอยู่ในใจ เวลาเห็นใครเดินจูงมือ

ช่วงนี้ ที่จริงนอกจากเรื่องนั้น ผมมีเหตุอันควรจะจิตตกอยู่สองสามเรื่อง
แต่ผมก็เห็นว่า สติเขาทำงานรักษาจิตนั้นไว้ ไม่ให้ตกมากจนยากนาน

สติที่มันให้ผลแบบนี้ได้ เพราะมันเข้าภาวะของความเป็นกลาง
เห็นว่าจิตดี ก็ไม่ระเริงเหมือนคางคก เห็นว่าจิตตก ก็ไม่อกสั่นหวั่นไหว
เพราะมันเห็นมาหลายรอบแล้วว่า.. จะเจริญหรือเสื่อม มันก็จิตดวงหนึ่งเสมอกัน
มาแล้วก็ไป เสมือนกัน เหมือนกลางวันกับกลางคืนย่อมสลับกันเกิดดับอย่างนั้น

เห็นอย่างนั้นก็ไม่ทุกข์ซ้ำที่มันแย่ ไม่แก้ที่มันเสื่อม
ไม่ยึดถือตัวมัวแบกว่า ได้จิตที่ดี

เห็นได้อย่างนั้น จิตก็เริ่มเข้าใจเรื่อง "ทางสายกลาง" มากขึ้นอีกนิด

นี่แหละ เศรษฐจิตพอเพียงของผม

เลือกเพลงเก่าของ crowded house ที่ชื่อ don't dream it's over มาฝาก
แต่ให้ เท็ดดี้ ธอมพ์สัน เป็นคนร้องใหม่ครับ



อันนี้แถมๆ แต่ต้องคลิกเล่นเองนะ เพลงชื่อ Everybody Hurts เพลงเก่าของ REM ร้องใหม่โดย the Corrs ครับ
ผมชอบเสียงไวโอลินเพลงนี้มากเลย มันโหยดี

เนื้อหาเพลงนี้ เขาให้กำลังใจคนที่กำลังรู้สึกจิตตก อกไหม้
เขาบอกว่า.. ทุกคนก็มีทุกข์เป็นเหมือนกัน อย่าคิดว่าคุณมีทุกข์อยู่คนเดียว.. นะ
แล้วก็บอกให้มีสติไว้ อย่าคิดมาก ช้าก่อน.. So, hang on..

จนกว่าจะได้เขียนบล็อคใหม่.. โชคดี รักษาสุขภาพนะครับ



อ๊ะ... บล็อคนี้มีอังกอร์ 5555 แถมอีกเพลงอ่ะ
ทีแรกใส่ two of us ไว้ ปรากฏเพลงมันเล่นไม่จบ เลยเปลี่ยนให้ใหม่

คราวนี้ฟังภาษาฝรั่งเศสมั่ง เห็นคนแถวนี้ เขาใส่ ผมก็หามาใส่มั่ง จะได้ไม่ตกยุค




 

Create Date : 29 มกราคม 2550    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2550 8:59:43 น.
Counter : 1650 Pageviews.  

The Contender อีกด้านของชัยชนะ บนหัวใจของผู้พ่ายแพ้



เมื่อคืนก่อนนอนเปิดไปเจอรายการเรียลลิตี้โชว์รายการนึงทางช่อง 5 ชื่อรายการว่า The Contender

คนที่เป็นเจ้าของรายการ คือดาราที่เกิดจากหนังที่สร้างด้วยแรงบันดาลใจจากชีวิตของร็อคกี้ มาร์เซียโน่

ถูกแล้วครับ เขาคือพี่บึ้ก ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ผู้สวมบท ร็อคกี้ บัลบัวร์
ที่เพิ่งมีภาคใหม่ล่าสุดจะฉายเมืองไทย ไวไวนี้ ในเมกาเองได้คำชมติดฝามามากโข

กลับมาที่รายการ the Contender ครับ น่าเสียดายที่ไม่ได้ดูตั้งแต่ต้น ..
แต่พอจับใจความได้ว่า คอนเซปท์ของเรียลลิตี้โชว์รายการนี้คือ..
การคัดเอานักมวยหน่วยก้านดีแต่โนเนมมาอยู่ร่วมกัน แบ่งออกเป็นฝั่งตะวันออก กับตะวันตก

แล้วแต่ละตอน ก็จะส่งตัวแทนแต่ละฝั่ง มาฝั่งละคนมาชกกัน 5 ยก
ใครแพ้ก็ตกรอบ กลับบ้านไป ไม่มีโหวตเข้า โหวตออก
หรือออกไปแล้วกลับมาให้โหวตใหม่เหมือนเกมล่าฝันแถวลุ่มน้ำเจ้าพระยา

เป็นเกมโชว์ที่ดูแล้วอึ้งมากครับ แล้วต้องบอกว่าดูแล้วได้อารมณ์มาก

ต้องเล่าพื้นเพก่อนว่า.. ตั้งแต่เด็กมา ผมเป็นคนชอบดูมวยมากในยุคนึง
สมัยชูการ์เรย์ เลียวนาร์ด โธมัส เฮิร์น ไมค์ ไทสัน รุ่งๆอะไรยุคนั้น

สมัยผมเด็กๆ การถ่ายทอดมวยชิงแชมป์โลก เป็นกิจกรรมกีฬาอย่างเดียวที่มีให้ดู เป็นล่ำเป็นสัน
สมัยนั้นฟุตบอลโลก จะถ่ายทอดสดแค่นัดเปิด กับนัดชิง
แล้วก็มักจะเป็นเวลาดึกๆ ซึ่งยากที่ผมจะได้ดู
ฉะนั้น เด็กอย่างผม จะคุ้นกับการดูมวยมากกว่าอย่างอื่น

แต่ทุกวันนี้ ผมจะรู้สึกว่า เวลาดูมวยผมไม่สนุกเหมือนเดิม
คือดูแล้ว เราสงสารคนที่เขาต้องต่อยกันมากกว่าสนุก
น่าเศร้านะครับ ที่เขาต้องทำมาหากินด้วยการยอมเจ็บตัว และพยายามให้คนอื่นเจ็บมากกว่า

เมื่อคืนคู่ที่โดนประกบกัน คนนึงเป็นนักมวยอายุมากแล้ว คือสามสิบห้า
มาต่อยเพื่อเลี้ยงปากท้อง และหาเงินส่งลูกเรียน

อีกคนเป็นหนุ่มวัยยี่สิบเศษๆ มีความเชื่อมั่น ศรัทธาในพระเจ้ามาก เป็นคนดีมาก
อยากเป็นนักมวยที่ประสบความสำเร็จ มีแฟนสาวมาให้กำลังใจถึงห้องพัก ถึงขอบสนาม

ในวันที่ขึ้นชก.. ต่างคนต่างไม่อยากแพ้ ต่างคนต่างมีจุดหมายที่ดีงามในใจ

ส่วนที่ผมชอบที่สุดใน the Contender เมื่อคืน คือตรงนี้ครับ
เวลาดูถ่ายทอดสดปกติ กล้องเอย คนบรรยาย เราจะสนใจแต่คนชนะ
เราจะเห็นแต่ตอนที่เขาห้ำหั่นกันอยู่บนเวที ถ้าเราเชียร์ข้างนึง
เราก็สะใจที่เห็นอีกข้างนึงเลือดทะลัก ตาปูด โหนกแก้มบวม

แต่รายการนี้ เขาทำให้เราเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน
มีความรู้สึก มีความฝัน มีลูก มีหัวใจ มีภาระ เหมือนคนทั่วไป

ผมดูด้วยความรู้สึกประหลาด ..ยากจะบรรยาย คือผมไม่ได้ดีใจ ที่เห็นใครต่อยใครโดน
แม้ผมจะแอบเชียร์นักมวยแก่คนนั้น ที่ต่อยเพื่อลูก 2 คนมากกว่า
แต่ผมก็รู้สึกอยากให้มันจบลงเร็วๆ โดยที่นักมวยหนุ่มเจ็บตัวน้อยที่สุด

ผมได้เห็นความรู้สึกของคนที่เชียร์นักมวยทั้งสอง อยู่ข้างล่าง
ในฐานะ แม่ คนรัก ลูก เพื่อนๆ แล้วก็รู้สึกว่า ผมโชคดีที่ไม่ต้องทำอาชีพแบบนี้

the contender ตอนเมื่อคืนจบลง ด้วยความพ่ายแพ้ของนักมวยหนุ่มชนิดหมดสภาพ

ถ้าเป็นถ่ายทอดสดทั่วไป เราก็จะได้เห็นแต่สีหน้าอันลิงโลดของฝ่ายชนะ
การฉลองไชโย โห่ร้อง การแสดงความยินดีในความมีชัย

แต่เมื่อคืน รายการเขาเลือกจะติดตามความรู้สึกของผู้แพ้ ตั้งแต่ลงจากเวที
เข้าห้องอาบน้ำ แฟนเข้าไปปลอบให้กำลังใจ จนเดินออกมา ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร
เจอซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ที่ให้กำลังใจ และเขาต้องหิ้วกระเป๋ากลับบ้าน

โชคดี ที่เขายังเชื่อว่า.. โอกาสเขายังมี ตราบที่ชีวิตเขายังอยู่

สิ่งนึงที่ผมรู้สึกมากๆจาก the COntender เมื่อคืน ก็คือ
บางครั้งชัยชนะ ที่มันเกิดขึ้นจากความเจ็บปวดรวดร้าว และขมขื่นของอีกฝ่าย มันก็ไม่หอมหวานเท่าไหร่นัก

โลกนี้เป็นโลกของผู้ชนะ แต่ต้องไม่ลืมว่า เราก็ยังต้องอยู่บนโลกใบเดียวกับผู้พ่ายแพ้

และไม่มีใครที่เป็นผู้ชนะตลอดกาล เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครแพ้ไปตลอด

ตราบที่ยังมีหัวใจ และความหวัง..

โชคดีทุกท่านครับ


เพลงวันนี้อาศัยเพลงของ อั๊บบา ชื่อ "ผู้ชนะได้ครอบครองทุกอย่าง" the winner takes it all ครับ




 

Create Date : 24 มกราคม 2550    
Last Update : 29 มกราคม 2550 23:06:19 น.
Counter : 2154 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.