Group Blog
 
All blogs
 

แผลเป็น



เมื่อวันที่เขามีงานแจกรางวัลแกรมมี่ สักสองสัปดาห์ก่อน
ผมเห็นนักร้องผิวสีชื่อ Seal ไปร่วมงานด้วย พร้อมกับแฟนสาว ไฮดี้ คลูม

ใครที่รู้จักหนุ่มคนนี้ คงนึกออกว่า เขามีรอยแผลเป็นรอยใหญ่มากบนหน้าของเขา
ซึ่งได้มาจากการต่อสู้กับโรค Discoid lupus erythematosus (DLE)



ไม่ต้องบอกก็คงเดาได้ว่า ในบรรดาแผลเป็นทั้งหมด
แผลเป็นบนใบหน้าเป็นส่วนที่เห็นชัด และง่ายที่สุด

สมัยเด็ก ซีลเกลียดแผลเป็นของเขามาก เขาอาย เขาขมขื่น
เขาเจ็บปวดที่เห็นสายตาใครๆเวลามองแผลเป็นบนหน้า และทุกครั้งที่เห็นหน้าตัวเอง

กระทั่ง เมื่อเขาโตขึ้น เขาเริ่มยอมรับและชินกับการที่มีมัน ทีละน้อยๆ
จนเมื่อเขามีโอกาสจะทำศัลยกรรมเพื่อตกแต่งผิวหน้า ลบรอยแผลเป็นออก
ซีลกลับเลือกที่จะเก็บแผลเป็นบนหน้าไว้อย่างเดิม

เขาบอกว่า เขาเห็นว่ามันเป็นส่วนนึง ที่ทำให้เขาพิเศษและแตกต่าง

ผมนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เมื่อตอนค่ำ ระหว่างนั่งรออาหาร ในร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งนึง

ชีวิตเราส่วนมาก มีแผลเป็นกันทั้งนั้นนะครับ จะมากจะน้อย รอยเล็กบ้างใหญ่บ้าง
จะยอมรับไม่ยอมรับ เปิดเผยหรือปกปิด คิดมากหรือคิดน้อย
ส่วนมากเราคอยแต่จะเกลียดที่มีมัน และคอยหาวิธีกำจัดมัน
มากกว่าจะเข้าใจว่ามันคืออดีต ยอมรับว่ามันเกิดขึ้น และมีสติว่ามันจบไปแล้ว

แผลเป็นในชีวิตของผม จะว่าไป ก็ใหญ่ไม่แพ้แผลเป็นบนหน้าของซีลนั่นแหละ
ผมก็เป็นเหมือนซีลในวัยเด็ก ที่หวานอมขมกลืนกับแผลเป็นของตัวเองอยู่นานนับปี

จนกระทั่งผมเริ่มเข้าใจ แก่นของพุทธศาสนามากขึ้นๆ
อย่างวิปัสสนาที่ผมสนใจ มีหลักสำคัญอยู่ข้อนึงว่า..
ให้มีสติรู้กายรู้ใจอยู่ในปัจจุบัน ..

เคยอ่านมาจากที่ไหนสักที่ นานมาแล้ว เขาบอกว่า
ธรรมชาติสร้างมนุษย์ให้มีตาสองตาไว้ด้านหน้า
เพื่อให้เรามองไปข้างหน้ามากกว่ามองมาข้างหลัง

เคยได้ยินใช่ไหมครับว่า.. อดีตคือภาพลวงตา อนาคตคือความฝัน ปัจจุบันคือความจริง

การมีความผิดพลาดในชีวิตที่ผ่านมา มีแผลเป็นน้อยใหญ่ก็ดี เจ็บมากเจ็บน้อยก็ตาม
ไม่สำคัญเท่ากับการยอมรับ ว่ามันคือส่วนหนึ่งของชีวิต
และมีสติรู้เท่าทันความจริง ว่าแผลเป็นในชีวิตมันก็แค่อดีตที่จบไปแล้ว

วันนี้ใช้เพลงประกอบจากหนังเรื่อง cinema paradiso ฝีมือของ เอนนิโอ โมริคอร์นี ที่เพิ่งคว้ารางวัลออสการ์ตัวแรก

และเป็นรางวัลเกียรติยศ เนื่องจากเขาทำเพลงประกอบหนังมาหลายสิบปี
เข้าชิงออสการ์มาหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้เลย จนกรรมการเห็นว่า เอนนิโอ อายุมากแล้ว สมควรจะได้ออสการ์เสียที

ถ้าคนแบบ ปีเตอร์ โอทูล หรือเอนนิโอ โมริคอร์นี จะคิดว่า การไม่เคยชนะรางวัลออสการ์เป็นแผลเป็นอย่างหนึ่งในชีวิต

เขาก็คงจะมีความสุขกับชีวิตน้อยลง โดยไม่จำเป็น
เพราะการได้ใช้ชีวิตแต่ละวัน ได้มีโอกาสทำงานที่ตัวเองชอบ
ได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุด ในแบบที่ตัวเองเป็น ก็เป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่แล้ว

วันนี้ คุณมีความสุขน้อยลงกว่าที่ควร โดยไม่จำเป็นหรือเปล่าครับ



ส่วนเพลงที่สอง ต้องคลิกเองหลังเพลงแรกจบ อันนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องเลย
แค่อยากแบ่งให้ฟังครับ





 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 15 มีนาคม 2550 23:24:26 น.
Counter : 2870 Pageviews.  

Little Miss Sunshine: Little Best Picture



ในบรรดาหนังที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
มีม้ามืดตัวเล็กๆที่มาพร้อมกับสีเหลืองอ๋อยอยู่ตัวหนึ่ง ชื่อ "Little Miss Sunshine"

นี่เป็นผลงานกำกับของผู้กำกับดูโอ ชื่อ โจนาธาน เดย์ตัน และ วาลเลรี่ ฟาริส ที่ผมไม่เคยดูผลงานเรื่องอื่นของทั้งคู่มาก่อน

ผมได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว แล้วทุกครั้งจะได้ยิน ได้เห็นชื่อหนังเรื่องนี้ มาพร้อมกับคำชมเสมอ

ขนาดเว็บลูกแม่ช่างติ พี่คุณช่างด่าอย่างมะเขือเทศเน่า (Rotten Tomato) ยังเทใจให้คะแนนหนังเรื่องนี้ซะ 91%
เมื่อวานพอลูกน้องเดินมากระซิบว่า เมืองนอกส่งแผ่นมาแล้วพี่ เลยไม่รีรอจะขอยืมกลับมาดูทันที

หนังน่ารัก สมคำร่ำลือนะครับ เป็นหนังสไตล์ที่เขาเรียก Roadtrip แต่ผมเติมคำว่า Family เข้าไปให้อีกคำ

เรื่องของครอบครัวที่รวมคนประหลาดๆ ไว้ตั้งแต่ปู่ขี้ยา พ่อขี้แพ้ แม่ถังแตกขี้บ่น ลุงเป็นเกย์ที่เคยพยายามฆ่าตัวตาย
ลูกชายหน้าตาโง่ๆเซ่อๆ เกลียดคนทั้งโลก แต่ชอบนิทเช่ และตั้งใจจะไม่พูดจนกว่าจะสอบเข้าโรงเรียนการบินได้

ปิดท้ายด้วยเด็กสาวตัวน้อย ที่ดูปกติที่สุด ก็ยังไม่ปกติ เพราะเป็นเด็กพุงป่อง แต่อยากเป็นนางงาม

ขนาดรถโฟล์คตู้สีเหลืองของครอบครัว ก็ยังไม่ปกติ ต้องสตาร์ทด้วยการเข็นแล้วเข้าเกียร์สาม

หนังเป็นยังไง เดินเรื่องยังไง ไว้คุณรออีกนิด แล้วซื้อหามาดูกันเอง ผมไม่อยากสปอยล์มาก

แต่ผมชอบบทพูดบทนึงที่บอกว่า ส่วนที่ดีที่สุดในชีวิตของมนุษย์ คือการที่เรามีทุกข์
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือช่วงที่เราทนทุกข์เวทนาอยู่

หลายบล็อคก่อน ผมเคยเล่าว่า พระพุทธเจ้าบอกว่า ภพภูมิของมนุษย์ในทางพุทธ ถือว่าประเสริฐกว่าเทวดา

เพราะเรามีทุกข์ ให้รู้ ให้ดู ให้เห็นกันตลอดเวลา (ถ้าจะดู)
เรามีโอกาสจะสนใจ จะเจริญสติ วิปัสสนา มากกว่าเทวดา

นิพพานในความหมายของพระพุทธเจ้า คือการพ้นจากทุกข์
และเราพ้นได้ด้วยปัญญา ซึ่งปัญญาได้มาจากการ "รู้แจ้งในทุกข์" นะครับ

ฉะนั้น ถ้าไม่มีทุกข์ให้รู้แบบเทวดา นิพพานก็เป็นเรื่องไกลตัว

ฉากที่ฮาที่สุด สำหรับผม คือตอนที่เกร็ก คินเนียร์ บอกว่า "Everyone, pretend to be Normal"

หนังน่ารักแบบนี้ มีไม่บ่อย และผมลองเอาเท้าก่ายหน้าผากดูหลายที
ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่เอาเข้าฉายในโรงหว่า

ไม่ได้เจตนาขายของนะครับ แต่ไม่อยากให้ซื้อแผ่นผีเลย เพราะคนทำงานดีๆแบบนี้ สมควรจะได้สตางค์จากเราไปเป็นอย่างยิ่ง

เรื่องนี้ของแท้ราคาไม่ได้แพงมาก และมีส่วนแถมพิเศษเป็น Alternate ending 4 แบบ

แต่ใครอยากดูฟรี ศุกร์นี้ ไปดูได้ที่ B2S Central World Plaza ที่ห้องดูหนังชั้น 3 ตอน 6 โมงเย็น
มีคนมาคุยเรื่องออสการ์ มีเปิดให้ทายผล ใครทายแม่นจะได้ DVD หนังชุดออสการ์เป็นรางวัล
และปิดท้ายจะมีฉายเรื่องนี้ให้ดูครับ

ผมไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้จะได้หนังยอดเยี่ยมนะ เพราะความที่มันเป็นหนังเล็ก

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะสำหรับผม นี่คือ Little Best Picture ในรอบปี อยู่แล้วครับ

สุขสันต์วันพุธนะครับ


ขอบคุณ จอร์จ แฮร์ริสัน บนสวรรค์ที่เอื้อเฟื้อเพลง here comes the sun มาให้นะครับ




 

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2550 1:43:57 น.
Counter : 1698 Pageviews.  

จากลัทธิญาตินิยม ถึงอาหารสิ้นคิด



จอห์น เลนนอนเคยแต่งและร้องเพลงชื่อ imagine จินตนาการถึงโลกในอุดมคติ
ที่ไม่มีพรมแดน ไม่มีศาสนา ไม่มีการถือครองทรัพย์สิน ว่ามันจะดีแค่ไหนหนอ
เพราะเห็นว่าโลกนี้มันแก่งแย่ง โลภโมโทสัน บีบคั้น กีดกั้น แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันมากเกินไป

แต่ส่วนตัว ผมว่าอันนั้นมันก็สุดโต่งไปในทางหนึ่ง คือไม่เอาอะไรเลยสักอย่าง
เหมือนไม่ชอบทางขวา งั้นก็ซ้ายเลยก็แล้วกันพี่ ทั้งๆที่ชีวิตมีทางไปมากกว่านั้น

ผมขับรถเป็น มีรถขับก็จริง แต่ผมชอบการนั่งรถที่มีคนขับให้มากกว่า อันนี้ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนผมไหม

ที่อยากเป็นผู้โดยสารมากกว่า ไม่ใช่แค่เพราะมันสบาย
แต่เพราะเวลาเป็นผู้โดยสาร มันได้มองเห็นอะไรมากกว่าเป็นผู้ขับ

ผมเคยขับรถผ่านถนนเส้นนึงอยู่หลายเดือนและคิดว่ารู้จักถนนเส้นนั้นดีแล้ว
เพียงเพื่อจะค้นพบในเวลาต่อมา เมื่อผมมีอันจะต้องเอารถไปเข้าซ่อมอยู่หลายวัน.. ว่า..
มันมีร้านรวงชื่อแปลกๆเก๋ๆ อยู่หลายร้าน ที่ผมไม่เคยมองเห็นเลยขณะขับรถ

ผมค้นพบว่าเวลาขับรถ เราจะได้สังเกตรายละเอียดของสิ่งที่อยู่ข้างถนนจริงๆ ก็เมื่อรถติด
นั่นคือเหตุว่า เรามักจะรู้จักร้านที่อยู่บริเวณใกล้สี่แยกไฟแดงมากกว่าบริเวณอื่น

อีกสิ่งที่ผมสังเกตเห็น คือ.. คนขับรถหลายคนจะหงุดหงิด
เวลามีคนมาเปิดไฟเลี้ยวขอเข้ามาแทรกในเลนที่ตัวเองขับ
และในทางกลับกัน ก็จะหงุดหงิด เวลาที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายไปขอแทรกเลนเขา แล้วเขาไม่ให้

ผมเห็นดังนั้น แล้วก็แอบไปสังเกตดูตัวเองเวลาขับรถบ้าง
ผมก็เห็นว่า ผมก็เป็นเหมือนชาวบ้านเขาเหมือนกันแหละ

แล้วก็เห็นเลยไปอีกขั้นว่า.. ถ้าคนที่มาขอแทรกเลน ไม่ว่าจะน่าเกลียดขนาดไหน
แต่ถ้าบังเอิญเป็นเพื่อนเรา เป็นน้องเรา เป็นคนที่เรารู้จักสนิทชอบพอ
เราจะยินยอมพร้อมใจ เปิดทางให้เขาได้กระทำการนั้นแต่โดยดี
ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนเลนตามปกติ หรือเข้าเบียดคอสะพาน

เหมือนเวลาเราไปต่อคิวที่ธนาคาร หรือต่อคิวซื้อตั๋วอะไรสักอย่าง ก็จะเจอเรื่องนี้บ่อยๆ
ซึ่งผมจะบอกว่า ถ้าจะหงุดหงิดก็เป็นธรรมดาของสามัญชนคนมีกิเลส
เพียงแต่มีสติรู้สึกตามให้ทันความรู้สึกไว้นะครับ อย่าถึงกับไปลงมือลงไม้

เพราะมันก็เหมือนกับเราไปนั่งทานไอติมกับเพื่อนๆ แล้วมีเสียงผายลมปู้ดดด ออกมา
ถ้าจับได้ว่าเพื่อนในกลุ่มเราทำ มันคงเป็นเรื่องขำแตกขำแตน

แต่ถ้าปะเหมาะเคราะห์ดี เป็นอีตาหน้าจืดโต๊ะข้างๆ
เราก็คงรู้สึกหงุดหงิดในความไม่มีมารยาทของมันอยู่ไม่น้อย

ผมเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า.. ความรู้สึก "ญาตินิยม"
คือมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

มันเกี่ยวอย่างเดียว กับความเป็น "เสี่ยว" เป็น "ญาติ" พี่น้องกัน เพียวๆ เลยครับพี่น้องค๊าบ

ความรู้สึกนี้ มักจะลามปามไปถึงกรณีที่มีคนสองคนทะเลาะกันอยู่
ถ้าเราไม่มีความเป็นเสี่ยว หรือเกี่ยวพันอันใดกับใครในสองฟาก
เราจะมองปัญหานั้น ด้วยสายตาสายหูอย่างแหลมคม ประดุจเหยี่ยวทะเลทราย

แต่ถ้าเราบังเอิญไปมักจี่ มีเอี่ยว เกี่ยวดองกะข้างไหนขึ้นมา ตาชั่งมันจะเอียงไปในทันที
เหยี่ยวจะเริ่มบินเฉียงๆ เหมือนเตียงมีสามขา

อันนี้เล่าสู่กันฟัง.. ไม่ได้เจาะจงไปที่ใคร ไม่ได้หวังผลอะไรทางการมุ้งการเมืองใดๆทั้งสิ้น

เป็นแต่ข้อสังเกต เวลาที่ได้อ่านได้ยินได้ฟังมา ก็มาเล่าต่อ

********************************

อีกเรื่องที่อยากเขียน โดยที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องข้างบน
คือผมเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ข้าวเย็น กับข้าวเหลือๆ ชืดๆ ผมก็กินได้

แต่ในฐานะตัวคนเดียว ผมก็ยังมีปัญหาเรื่องกินอยู่บ่อยๆ คือ.. ผมไม่รู้จะสั่งอะไร

ผมเรียกว่าภาวะขาดแคลนความคิดสร้างสรรค์ในการกิน
(มันจะเขียนให้ภาษาง่ายๆไม่ได้หรือไงฟระ)

โดยเฉพาะเวลาที่ผมจะต้องสั่ง "อาหารตามสั่ง" เพราะสั่งไปสั่งมาผมจะมีเมนูเด็ดอยู่ไม่กี่อย่าง

ข้าวราดผัดผักบุ้งไฟแดง กะเพราไข่ดาวมั่งเจียวมั่ง ถ้าที่สุดของแจ้แล้ว ก็ข้าวไข่เจียวนั่นแหละ
ซึ่งอย่างหลังสุดนี่ ไม่จำใจก็ไม่สั่ง เพราะอยู่บ้านทำเองก็ได้

แต่สองอย่างแรก มันทำเองลำบาก เพราะผมไม่มีกะทะโค้งๆ และไม่มีเตาแก๊ส ผัดยังไงไฟก็ไม่แดง
ผัดกะเพราะผมเคยทำ ก็ทานได้นะ แต่นึกถึงเวลาไปซื้อกะเพราจากมาร์เก็ตเพลสกำละ 8 บาท
ใช้จริงก็สามก้านเอ้า ที่เหลือก็ทิ้ง มันก็เปลืองอยู่

ร้านตามสั่งนี่ จะไปสั่งราดหน้า ก็ไม่ควรนะครับ อาจจะไม่อร่อยเอาได้ง่ายๆ

ไปๆมาๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองตกที่นั่งสมาชิกสมาคมผู้บริโภคอาหารสิ้นคิดแห่งชาติ


คนเรานี่ ทุกข์เพราะเรื่องกินเยอะเหมือนกันนะครับ
เพราะต้องกิน ถึงต้องทำงาน ไม่ทำงานก็อาจจะไม่มีกิน
คนทำงานได้น้อย มีกินน้อยก็ทุกข์ เพราะต้องอดมื้อกินมื้อ

คนทำได้มาก มีกินมากก็ทุกข์ เพราะอ้วนบ้าง ไขมันในเลือดสูงบ้าง เบาหวานบ้าง โรคเกาท์บ้าง

คนไม่ชอบทานเนื้อ ชอบผัก ก็ทุกข์เพราะต้องคอยระวังผักมีสารพิษ
คนไม่ชอบทานผัก ชอบเนื้อก็ต้องฟังแต่ข่าวเรื่องโรคร้ายที่มากับเนื้อสัตว์
บางคนทุกข์เพราะรวยแต่ไม่มีเวลาจะกิน อันนั้นก็มีนะครับ

คนมีอัฐและเวลาจะกินอย่างผม ก็ดันไปตกม้าตายแค่เรื่องคิดเมนูเสียนี่
แหงะ..

ฟังเพลงดีก่า.. ผมเลือกเพลงพี่ชายที่แสนดีของ เดอะฮอลลี่ส์ ให้ฟัง ให้เข้ากะเรื่องญาตินิยมข้างบน

สุขสันต์วันอังคารครับ




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2550 9:08:07 น.
Counter : 1273 Pageviews.  

คำสาบดอกไม้ทองคำ: ทุกข์ของคนรวย



บล็อคนี้ไม่มีสปอยล์ครับ อ่านได้สบายมาก

เคยมีเพลงของ นีล เซดาก้า อยู่เพลงนึงที่ผมชอบเนื้อเพลงมาก ชื่อเพลง The Hungry Years

เนื้อเพลงพูดถึงความคิดของผู้ชายคนนึงที่เคยยากจนข้นแค้น อดอยากมาก่อน
ถึงวันนี้ วันที่มั่งมีด้วยทรัพย์สินเงินทอง เขากลับรำพึงรำพันว่า "คิดถึงช่วงขวบปีที่อดอยาก(ว้อย)"

ทั่วไปแล้ว .. เรามักจะรู้สึกว่า เป็นคนรวยดีกว่าเป็นคนจน เพราะคนรวยมีความสุขมากกว่า
ยิ่งมีบ้านใหญ่ๆ เงินเยอะๆ รถสวยๆ กิจการใหญ่ยักษ์ ยิ่งมีความสุข

มันก็จริงสักครึ่งเดียวนะครับ.. เพราะผมอยากบอกว่า บางที ทรัพย์สินกับความสุขทางใจ
มันก็ไม่ได้สัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันเสมอไปหรอก เผลอจะมีทุกข์มากขึ้นเสียอีก

ไม่เชื่อ ต้องลองไปดู Curse Of The Golden Flower ดูนะครับ
ดูแล้วผมนึกถึงตระกูลเศรษฐีตระกูลหนึ่งในบ้านเรา ที่พี่ฆ่าน้อง น้องฆ่าพี่ หลายซับหลายซ้อน
จนป่านนี้ก็ยังบาดหมางกันไม่จบ คบกันไม่สนิทใจ ไม่พูดจา
สายเลือดเดียวกันต้องกลายเป็นศัตรู เพราะไอ้คำว่าเงินตัวเดียว

ดูไปถึงตอนท้ายเรื่อง ผมนึกขึ้นมาว่า.. ถ้าพระราชา ที่แสดงโดยโจวหยุนฟะ
ยังเป็นขุนนางธรรมดา ไม่ใช่พระราชา เรื่องพวกนี้ ก็อาจจะไม่เกิด

แต่ก็อีกนั่นแหละ.. สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

คนจน ก็ทุกข์ได้แบบคนจน คนรวยก็ทุกข์ได้แบบคนรวย
คนฐานะปานกลางแบบผม ก็ทุกข์แบบคนฐานะปานกลาง

ไปอ่านบล็อค คุณ Q Nuh เพื่อนข้างบ้าน อ่านสนุก ภาพสวย รวยความคิด วันนี้มา
แล้วก็พาลมองเห็นว่า.. เออ.. เมื่อก่อนตอนไม่มีปัญญาจะซื้อบ้าน ผมก็ทุกข์อย่างนึง

พอตอนนี้ เริ่มมีปัญญาขึ้นมา ผมก็ทุกข์อีกอย่างนึง

สมัยไม่มีเลย.. เราก็ไปดูบ้านด้วยความรู้สึกว่า เมื่อไหร่จะมีปัญญา
พอเริ่มมีปัญญา .. เราก็ไปดูบ้าน ด้วยความรู้สึกว่า ทำไมกระเป๋าเรามันโตไม่ทันราคาบ้าน(ดีๆ)วะ

วันก่อนผมไปจองสิทธิคอนโดสร้างเสร็จก่อนขาย ของแลน แอนด์ เห่า มา
คนไทยนี่รวยจังเลยนะครับ แย่งกันจองยังกะห้องละ เจ็ดแปดแสน
ขนาดผมว่าผมเงินเดือนเยอะแล้วนะธนาคารโทรมาแจ้งผลการประเมิน ตัวเลข ยังไม่พอซื้อเลย

ใจจริงน่ะ อยากได้บ้านที่มีที่ดินสักหน่อย ไม่ต้องใหญ่ก็ได้ 35 วา ผมก็พอแล้ว
แต่ไปดูมากี่โครงการ ก็จะเน้นตัวบ้านใหญ่ๆ ที่ว่างๆเหลือนิดเดียว 3 นอน 3 น้ำ
ผมก็ไม่รู้จะเอาแมวที่ไหนมาอยู่ เพราะดูอนาคตแล้ว โชคดีที่สุด ก็คงได้อยู่ 2 คน

บางโครงการสร้างบ้านเดี่ยวแล้วดูเหมือนห้องแถว เพราะแทบจะไม่เหลือที่ด้านข้างไว้เลย

ที่สำคัญ ไอ้ที่พอซื้อได้ ก็ไกลมาก ไอ้ที่ไม่ไกลมาก ไม่ต้องเข้าซอย
ก็ลอยสูงเกินเอื้อมไปหน่อย ..ประเภท เริ่มต้นเพียง 7 ล้าน

แค่เริ่มต้น "เพียง" ผมก็ฝันสลายแล้ว..

ตอนนี้เลยแอบเล็งๆ ชุมชนที่เงียบๆหน่อย ไม่ไกลมาก ถนนหนทางดี สภาพแวดล้อมดี
บ้านใหม่ซื้อไม่ได้ ไปหาบ้านเก่าเอาดูที เผื่อจะมีโชค

ที่พูดมาส่วนท้ายๆนี่.. ทุกข์นี้จะหมดไปทันที ถ้าผมไม่มีเงินเลย
คือไม่ต้องคิดว่า จะหาได้ถูกใจในวงเงินที่มีไหม

บอกแล้ว.. คนจนก็ทุกข์แบบคนจน คนรวยก็ทุกข์แบบคนรวย คนปานกลางก็ทุกข์แบบคนปานกลาง

คิดได้แล้ว ก็รีบวางทุกข์ไว้ก่อน เหมือนตอนที่ธนาคารโทรมาแจ้งผลการประเมิน
คือรีบตั้งสติเลยว่า.. ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เก็บเงินไปก่อนละกัน

ตอนนี้ยังมีที่อยู่ฟรี พ่อให้อยู่ ก็อยู่ไปก่อน เย้...

ฟังเพลงแอนด์แฮปปี้ฟรายเดย์ (วันทอด) นะครับ

ขอให้ผมหายหวัดซะทีเถอะเพี้ยงงงงง




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2550 8:37:01 น.
Counter : 1987 Pageviews.  

ชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาความสุข



ระดับความสปอยล์ 20% ครับ

เพิ่งเขียนถึงเรื่องความสุขไปเมื่อวันก่อน เมื่อคืนเลยได้ไปดูรอบพรีวิวของหนังที่พูดเรื่องความสุขเข้าเต็มๆ

ในคำประกาศอิสรภาพแห่งชาติของอเมริกา ร่างโดยโธมัส เจฟเฟอร์สัน
มีความตอนนึงที่พูดถึงสิทธิ เสรีภาพ ขั้นพื้นฐานของปวงชน และใช้วลีว่า

Life, Liberty, and the Pursuit of Happiness

ในความหมายที่ว่า บุคคลย่อมมีสิทธิในชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาความสุข

ท่อนสุดท้ายนี่แหละครับ ที่กลายมาเป็นชื่อหนัง และแก่นใหญ่ใจความของหนัง

หนังเรื่องนี้อาศัยแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของ คริสโตเฟอร์ การ์ดเนอร์ อดีตเซลส์แมนตกอับ เมียทิ้ง ที่ฝันจะมีชีวิตที่ดีขึ้น
และไม่ได้นั่งรอให้ฝันงอกขึ้นเองจากดิน แต่ออกเดินหน้าสร้างฝันให้เป็นจริง

หากกว่าฝันของคริสโตเฟอร์จะเป็นจริง
มันไม่ได้ง่ายเหมือนไปออกรายการของคุณไตรภพสมัยยังอยู่ช่อง 3
ที่ไปเล่าเรื่องแล้วบรีสก็แจกของให้หนึ่งซาเล้ง ให้เงินห้าหมื่นไปตั้งตัว

ผมชอบที่เขาบอกว่า คำว่า pursuit of the happiness มันแปลว่า
ไอ้ความสุข(ทางโลก)ของบางคนน่ะไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ
หากแต่ต้องออกแรงตามล่ามัน ชนิดสายตัวแทบขาด

เขาปากกัดตีนถีบ ต้องสู้สารพัด ทั้งหาเงินมาเลี้ยงลูก
จ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าเดินทาง ค่าอาหารประทังชีวิต ค่าปรับ ฯลฯ
ในระหว่างที่การตามล่าหาฝัน ยังต้องดำเนินไป

ถ้าคุณอยากรู้ว่าเงินสัก 5 บาท มันมีค่าขนาดไหน
คุณจะซึ้งแก่ใจ ถ้าวันใดวันนึง คุณเหลือเงินในกระเป๋าแค่ ยี่สิบ
แล้วจะต้องขึ้นรถเมล์ ต้องมีชีวิตอยู่อีกหลายวัน โดยที่คุณไม่ชอบออกปากรบกวนใคร

คุณเคยต้องซื้อของอะไรที่จำเป็นในราคา 60 บาท แล้วทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ 59 บาทไหมครับ
วันนั้นแหละ คุณจะรู้สึกว่า เงินบาทเดียวมันโคตรจะมีความหมายเลย

วิล สมิธ เล่นบทพ่อได้สมจริง จนนึกไม่ออกว่าเขาเคยเป็นแร็พเปอร์มาก่อน
สมราคาที่ได้เข้าชิงออสการ์ เหลือกำลัง

คนที่เล่นเป็นลูกชายในเรื่อง ก็คือลูกชายในชีวิตจริงของวิล สมิธ เอง.. มิน่า.. เข้าขากันเหลือเกิน

ผมเล่าแค่นี้แหละ.. ที่เหลือให้คุณไปตามดูเอาเอง

หนังเป็นดราม่า ค่อนข้างบีบหัวใจ ใครบ่อน้ำตาตื้น ก็เตรียมทิชชู่ไว้สัก 2 แผ่น

หนังเรื่องไหนผมเชียร์ให้ดู.. ก็รับรองว่าดูได้จริงๆ
จะชอบไม่ชอบก็อีกเรื่อง แต่รับรองว่าคุณไม่เสียดายเงินแน่ๆ

จะเชื่อไม่เชื่อจะดูไม่ดู ก็เป็นเสรีภาพอย่างนึงของคุณ
แต่อย่าไปอุดหนุนแผ่นผีก็แล้วกัน

หนังเขาชื่อ pursuit of the happiness
ไม่ใช่ pursuit of the pirates

ปิดท้ายด้วยเพลงนึงที่หนังเอาไปใช้ ฟังแล้วนึกถึงใครบางคน
บังเอิญเป็นเพลงโปรดผมเสียด้วย ไม่เอามาให้ฟังได้ไง
แต่ผมไม่มีฉบับในหนังนะ ผมมีแต่ต้นฉบับ

เพลงนี้ชื่อ สะพานข้ามห้วงน้ำอันเชี่ยวกราก เป็นเพลงระดับรางวัลแกรมมี่ ในปี 1971 ของ ไซม่อน และ การ์ฟังเกิล ครับ

ฟังไม่ถนัดวันเสาร์จะเอาไปเปิดให้ฟังอีกทีนะครับ

ขอให้โชคดีกับการตามหาความสุขของคุณครับ




 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2550 9:05:20 น.
Counter : 1812 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.