O ดวงเด่นกลางนภา .. O
Giovanni Marradi - Always
-1- O ทั้งหลับคล้ายกลับตื่น พร้อมโอดอื้นในอกราวผกเผย ลมลูบไม้ดาวดวง .. นั้นล่วงเลย ด้วยเมฆเกยกอดฟ้า .. คลุมราตรี O ฝันล่องลอยย้อนสู่- สิ่งรับรู้บรรดา, ใบหน้าที่- รอชื่นชม .. หวั่นไหวอยู่ในที กับไมตรีรับมอบคืนตอบมา O เงียบงัน .. ในค่ำดึก กลับอึกทึกเหมือน .. ไม่เลือน-พร่า และเหมือนร่วมสืบสั่งทุกครั้งครา- ทั้งหลับตา .. ด้วยยิ้มอันพิมพ์ใจ- O ของแก้มอิ่มใสแห่งวัยเยาว์ ที่รุมเร้าอารมณ์เกินข่มไหว ฟองคลื่น แดดระยิบเห็นลิบไกล แทรกผ่านใฝ่ฝันห่ม .. สายลมพรู O เงียบงาม .. ครั้งยามเห็น นั่น-คลื่นล้อลมเล่นฟองเต้นอยู่ และเช่นรูปพักตร์เรียว .. เมื่อเหลียวดู ฟองคลื่น-ตา-เต้นอยู่.. ฤๅรู้เลือน
-2- O ดาวดับดวงในห้วงฝัน- เหลืองจวงจันทร์ กลางฟ้าก็ล้าเลื่อน ทางเที่ยวมุ่งสู่ปลายที่หมายเยือน ช่างไม่เหมือนรูปเงา .. ครั้งเยาว์วัย O ทอนเถิดความใฝ่ฝัน- ด้วยว่ามัน-ยากเย็นจะเป็นได้ เมื่อเหตุเพิกพังพ่ายจากภายใน นั่น-ด้วยใจซาบซับ .. ลำดับรู้ O ในฝันรวนเร - ลมทะเลเห่คลื่น .. ครั่นครื้นอยู่ เรียวยอดต้นมะพร้าว .. ทอดยาว .. ดู- ตามล้อลมไหววู่ .. ใบลู่เรียง O เรียวใบระริกรับ กลางนิ่งนึกย้อนกลับ .. ราวสรรพเสียง- ผ่านห้วงยามวัยเยาว์ - ตัวเราเพียง- คอยเคลื่อนเดียงสาตนอยู่บนวัน O เมื่อโลกหมุน ใจคนวุ่นวายคว้างตามทางฝัน พบ, คบหา, จำพรากไปจากกัน เขา, เธอ, ฉันสิ้นศัพท์ให้รับรู้ O ฟองคลื่นที่ท้ายเรือ ล้อแดดเรื่อระยับตาเพื่อพาสู่- จุดมุ่งหมายปลายทาง .. ทอดวาง .. ปู ให้รับรู้ .. ก้าวล่วงด้วยดวงใจ O ลาแล้ว- แดดวับแวว .. ทรายขาว .. เนตรวาวใส กาลจะพาเลยลับ .. หรือกลับไป ก็แต่ใจไขว่คว้าเบื้องหน้าโน้น
-3- O วัยเยาว์ .. ที่เยาว์นัก เรียนรู้ .. ถึงความรักเมื่อหักโค่น จิตวิญญาณทุกดวงเคยช่วงโชน- ก็ห้อยโหนทุกข์โศกให้โบกเย้ย O ไหนเล่าเด็กชายคนก่อน เดินเล่นนอนปากคำเฝ้าพร่ำเอ่ย ฤๅหายกับฟ้าคราม .. ลมรำเพย เหลือชายผู้เหยียดเย้ยโชคชะตา O คืนแรมมืดหม่น- ยังวกวนหลงทาง .. อยู่ข้างหน้า ตามเอื้อมเด็ดดาวดวงที่ลวงตา ในฝันพร่ารางเลือนอันเลื่อนลอย O คลื่นทะเลแห่งวัยเยาว์ ฟองยังคงเต้นเร่า .. อย่างเศร้าสร้อย แผ่นน้ำพลิกผิวรับ .. แสงวับ .. พลอย- ยอแสงพร้อยพร่างแพร้วสู่แววตา O พันแสงที่บนสรวง ราศีดวงแรกแย้มเมื่อแจ่มจ้า ย่อมแต่งแต้มอาลัยลงนัยน์ตา เพียงเพื่อว่าสมสร้างบนทางจร O กรุงเทพเมืองฟ้า ตื่นรับกับนัยน์ตา .. เกินกว่าซ่อน ภาพฝันอันแทรกซุกไปทุกตอน ค่อยสุมซ้อนทอทาบด้วยภาพจริง O จึงดอกไม้ที่ในฝัน ก็ฉับพลันเบ่งบานบนก้าน .. กิ่ง ต้องแดดร้อนลมโอบ .. ค่อยซบอิง ลงผ่อนพิงตัวตนอยู่บนวัน O ดาวรุ่งยังรุ่งเรื้อง จันทร์ยังเปลื้องแสงทาบทอภาพฝัน ด้วยใจที่ทราบรู้ .. ย่อมรู้ทัน เธอและฉันเปลี่ยนแล้ว .. ที่แววตา O วัยเยาว์ที่เยาว์นัก ค่อยโค่นหัก .. พังลงที่ตรงหน้า รูปฝันที่บิดเบือนค่อยเลือน .. ลา พร้อมคุณค่าล้าเลื่อนไม่เหมือนเดิม
-4- O นั้นคือเธอ .. ราว .. พบเจอจากบุญช่วยหนุนเสริม เปลื้องความหมายแอบแฝงเข้าแต่งเติม ให้เคลิบเคลิ้มภาพฝันแห่งวันนี้ O ไขว่คว้าดาวดวง .. กลางสรวงโน่น อันวามแสงช่วงโชน .. อยู่โพ้นที่ เพียงภาพฝันสมสั่งที่ยังมี- คอยช่วงชี้เร่งระรัวในหัวใจ O ดอกไม้เบ่งบาน กลิ่นหอมล้วนหอมซ่านทุกผ่านใกล้ ตลอดสองข้างทางก้าวย่างไป ค่อยกร่อนสิ้นฝันใฝ่ .. แห่งวัยเยาว์ O คือ .. ดาวที่ลอยดวง ยังโชนช่วงแสงให้ .. คอยใฝ่เฝ้า เพื่อเสพซับโลมลูบด้วยรูปเงา แล้วแนบเนาแทนฝัน .. ที่อันตรธาน O บางครั้งที่วับวาวแห่งดาวฟ้า ตอบแววตา, ใจหนึ่ง .. จนซึ้งซ่าน กระพริบแสงส่ง-รับ .. อยู่นับนาน หยาดหอมหวานทุกหยดเป็นหยดเดียว O บ่อยครั้งที่วับวาวแห่งดาวฟ้า เปลื้องแสงอวดแจ่มจ้าให้ตาเหลียว ขณะเบื้องรอบกาย .. ความดายเดียว ก็หน่วงเหนี่ยวคลุมครองทุกห้องใจ O เพียงฝันพร่างพร้อยที่ลอย .. ล่อ ให้แอบออ .. จำนง .. เฝ้าหลงใหล ดาวอันช่วงแสงกระพริบอยู่ลิบไกล เพียงภาพให้เบิกบาน .. พอผ่านวัน
-5- O จิตวิญญาณอันหวานหอม ก็รายล้อมเสพทราบ .. ด้วยภาพฝัน ปีกผีเสื้อหลากสี .. มาลีพรรณ- ก็ฉับพลันขับขจ่างขึ้นกลางใจ O ค่อยค่อยไหวระริก ธารน้ำพลิกพลิ้วผืนเป็นคลื่นไหล ม่านหมอกเช้าหม่นมัวอยู่ทั่วไป เมื่อแรงไหวหวั่นระรัว .. มีทั่วตน O หอมโกสุมภุมรินนั้นบินว่อน ตฤปเกสรหวานชุ่มทุกขุมขน สาปหมอกหม่นสีมาลย์โรยผ่านปน พารื่นล้นแห่งเช้าแนบเนาทรวง O ในความรื่นรมย์ .. แห่งลมเช้า หมอกบางเบาคลุมครอง .. ใจล่องล่วง- สู่ภาพซึ้งงดงามกว่างามปวง ท่ามกลางดวงน้ำฟ้า .. สุมาลี O ล่องลอยรมย์ร่ำหยาดน้ำทิพย์ หยดปร่าปริบปริบผ่านกลีบมาลย์สี เย้าไอหมอกเผาะร่วง .. ทุกช่วง .. มี- พื้นธาตรีรับรื่นจากผืนฟ้า O แทนหมายจากสรวงที่ร่วงหล่น เข้าแทรกปรนเปรอขวัญ .. จูงฝัน .. ฝ่า- สู่ทิพรูป-เสพรู้ .. ค้ำอยู่คา- ชี้บัญชาเจตจินต์ให้ยินยอม O เห็นเธอเคลื่อนร่าง .. ริมทางฝัน รอกีดกันรสสุมาลย์อันหวานหอม เพียรสอดรูปพิมพ์แทรก .. ความแปลกปลอม ที่รายล้อมตัวฉัน .. ค่ำยันเช้า O สอดรูปพร่างแพร้วที่แววตา เพื่อผลาญพร่าขับเคี่ยวความเปลี่ยวเปล่า แล้วที่สุดปลายทาง .. เพียงร่างเงา- หนึ่งเดียวเท่านั้นที่ .. อยู่ที่นั้น O หมอกหม่นคลุมถิ่นจนสิ้นสาง หยาดน้ำค้าง .. รูปนัยน์คล้ายไหวสั่น แพรผืนพลอยลมลูบ .. ไหววูบ .. พลัน- รูปหนึ่งแนบตาฉัน .. แต่นั้นมา
-6- O รูปเอยรูปละออ .. ไม่พอที่ เริ่มช่วงชี้ให้แต่คอยละห้อยหา เมื่อยอรูปแนบขวัญลงสัญญา ก็ราวว่าเกินการณ์จะต้านตน O ทั้งหลับคล้ายกลับตื่น พร้อมแว่วเสียงครั่นครื้นแห่งคลื่นฝน ไร้ลมล่อง, ดาวดวง-ที่สรวงบน หาก-ใจคน-ดาวช่วง .. ไม่ล่วงแล้ว !
Create Date : 08 เมษายน 2555 |
|
12 comments |
Last Update : 3 เมษายน 2566 12:24:25 น. |
Counter : 4520 Pageviews. |
|
|
|
สดายุคะ
นี่เป็นครั้งแรกที่อ่านโคลงกลอนแล้ว ไม่เข้าใจเนื้อความ
คำไพเราะ สวยงามนัก..
แต่คล้ายมีภาพ หลายภาพ เป็นช่วงช่วง ของหลาย"งาม"
นี่มินตราเข้าใจถูกต้องไหม..
เป็นวิวัฒนาการความรู้สึกของชายคนหนึ่ง ใช่ไหมเอ่ย
เฉลยค่ะ