bloggang.com mainmenu search
เช้าวันที่สามของชีวิตในสิงคโปร์ วันนี้ตามกำหนดการเราจะออกเดินทางไปเกาะ Sentosa แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ฟ้าฝนไม่เป็นใจเอาเสียเลย เพราะฝนตกตั้งแต่เช้าเลย กว่าจะได้ออกจากบ้านก็สิบโมงเช้าแล้ว แต่ออกมาไม่ถึงครึ่งทางฝนก็เทลงมาอีกจนได้ สุดท้ายเปียกกันเป็นแถว กว่าจะไปถึงสถานี Hougang ก็สภาพเช่นนี้


แต่ก็ยังไม่ล่ะความพยายาม ด้วยความหวังว่าพอไปถึงฟ้าจะเริ่มเปิดบ้าง เรานั่งรถไฟฟ้าสายสีม่วงจาก Hougang ไปสถานี HabourFront ซึ่งปัจจุบันนี้การไป Sentosa สามารถไปได้ทั้งรถบัสต้องออกทาง A และ Cable Car ต้องออกทาง B แน่นอนจุดประสงค์การมาที่นี่คือการได้ขึ้น Cable Car ชมวิว เราเดินออกมาตามทาง B เดินตรงไปยังตึก HarbourFront แล้วเดินตามลูกศรเขียนว่า HarbourFront Tower2 แล้วเดินเข้าไปยังทางแยกตรงไป 50 เมตรก็จะเจอ Counter ขายตั๋ว



พวกเราเลือกซื้อตั๋วแบบไปกลับในราคา S$12.9 ซึ่งตั๋วไปกลับเราสามารถเลือกกลับได้ว่าจะกลับด้วยโมโนเรว หรือ Cable Car ล่ะ จากนั้นเราก็ไปขึ้นลิฟต์เพื่อไปขึ้น Cable Car แต่ดูอากาศวันนี้สิ ช่างไม่เป็นใจเอาเสียเลย แต่ทำไงได้มาแล้วนี่ ก็ต้องเสี่ยงดวงกันดูเสียหน่อย



พี่เล็กอยากให้พวกเราได้เห็นวิวรอบสิงคโปร์ เลยไปถามคนขายตั๋วว่าตั๋วที่ซื้อมาสามารถนั่งย้อนไปก่อนหน้านี้สถานีหนึ่งได้หรือเปล่า จำไม่ได้ว่าชื่อสถานี Mountain อะไรสักอย่างนี่ล่ะ ก็ได้คำตอบว่าตั๋วที่ซื้อมาสามารถนั่งย้อนไป 1 สถานี Cable Car ได้ ฟรีไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม พวกเราเลยนั่งย้อนกลับไป







อากาศก็ไม่ดูว่าจะมีทีท่าว่าแดดจะออกเอาเสียเลย เอานะสู้สู้ วันนี้โชคคงช่วยมั้งล่ะน้า มองไปโดยรอบเจอห้าว ViVo City ด้วยล่ะ ที่เป็นตัวหนังสือขาวๆ ตัวใหญ่นั่นล่ะ ห้างนี้ใหญ่มากๆ





พอลงจาก Cable Car จะพบกับจุดบริการนักท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่ง วิวสวยมากบนนี้ และมีห้องอาหารสุดหรูบรรยากาศดี ส่วนใหญ่คู่รักชอบขึ้นมาทานข้าวกันบนนี้








ที่นี่เองก็มีมุมเก๋ให้นั่งรับประทานอาหารอยู่หลากหลายมุมแล้วแต่ความชอบ เพราะที่นี่คือยอดเขาที่มองเห็นวิวสิงคโปร์อย่างชัดเจน




แต่ที่เก๋สุดบนยอดเขาแห่งนี้คือ Dinner บน Cable Car โดยจะนั่งทานข้าวไปเรื่อยๆ ชมวิวของสิงคโปร์ แหม มันช่างโรแมนติกเสียจริงๆ สงสัยวันวาเลนไทน์กว่าจะได้ข้ามไป Sentosa ได้ท่าจะรอนานแฮะ เพราะมีแต่ตู้ดินเนอร์



หลังจากที่เดินถ่ายรูปไปมาสักพัก ก็กลับขึ้น Cable Car ที่นี่มีบริการถ่ายรูปด้วยนะ เค้าถ่ายทุกคน แล้วแต่เราว่าจะเอารูปหรือไม่เอาล่ะ ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ค้าบังคับผ่าน จากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้าสู่ Sentosa กันแล้ว





ถึงแล้ว Sentosa ... มาดูคำเชื้อเชิญตามโบร์ชัวร์กันก่อนดีกว่า "No trip to Singapore is complete without a visit to Sentosa island, Singapore's premier island resort. Get a tan at one of its three white sandy beaches, enjoy historical tours at museums, be mesmerised by the spectacular Songs of the Sea at night, or enjoy these special activities and sights" แล้วจะพลาดที่นี่ได้อย่างไร

ก่อนอื่นเรามารู้จักเกาะแห่งนี้กันก่อนดีกว่า ตามคัมภีร์เล่าให้ฟังว่า เดิมที่เกาะแห่งนี้เป็นหมู่บ้านชาวประมงมาก่อน มีชื่อว่า "Balakang Mati" ซึ่งแปลเป็นภาษามลายูว่า "เกาะแห่งความตาย" สาเหตุก็เพราะว่าชาวประมงที่นี่เป็นโรคระบาดตายกันเป็นจำนวนมากนั่นเอง

แล้วต่อมาที่นี่ก็ถูกดัดแปลงเป็นป้อมปราการของฐานทัพอังกฤษเพื่อใช้ปกป้องอาณานิคมแห่งนี้จากการโจมตีทางน่านน้ำ พออังกฤษถอนทัพกลับไปในปี ค.ศ 1968 รัฐบาลจึงได้พัฒนาเกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวโดยได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "Sentosa" แปลเป็นภาษามลายูว่า "เกาะแห่งสันติและความสงบ" ได้พัฒนาเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นเกาะมหาสนุกในปัจจุบัน

ฟังชื่อแล้วน่ากลัวดีแฮะ แต่พอมาจริงๆ ภาพเก่ามันไม่มีให้เห็นแล้วล่ะ เพราะที่นี่กลายเป็นเกาะสวรรค์ไปแล้ว พอมาถึงเราก็จะเจอร้านขายของที่ระลึกก่อน เราสะดุดตากับหมวกอันนี้ล่ะ แปลกดี เค้าคิดได้ไงเนี่ย เพราะมันมีมอเตอร์อยู่บนหัวด้วยล่ะ จริงๆ ตรงนี้เค้าไม่ให้ถ่ายรูป แต่เห็นแล้วล่ะ พอเค้าบอกว่าไม่ให้ถ่ายก็กดแชะเลย อันนี้นิสัยไม่ดีนะจ๊ะ



พอออกจากร้านขายของที่ระลึกก็จะเจอกับเครื่องเล่นชิ้นแรกที่มีชื่อว่า "Carlsberg Sky Tower" เป็นคล้ายๆ แคปซูลสามารถจุผู้โดยสารได้ 72 คนเชียวล่ะ ค่าเล่นก็ราว S$12 แต่ว่าวันนี้อากาศไม่ดี เลยกะว่าจะมาเล่นในช่วงบ่าย

Carlsberg Sky Tower Singapore's tallest observatory tower. Carlsberg Sky Tower offers young and curious eyes panoramic views of Singapore and Sentosa at 131 metres above sea level. On a clear day, you can even spot neighbouring Malasia and the indonesian islands!


พวกเราเลยเดินตรงไปเพื่อจะไปยัง "Images of Singapore" ซึ่งระหว่างทางหากใครหิวแล้วก็สามารถพักทานอาหารได้ที่ SkyBar แห่งนี้



ตอนนี้ยังไม่ค่อยหิว เพราะยังคงตื่นเต้นกับสถานที่ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เลยผ่านจุดนี้ไป ขณะนี้ฝนก็ยังตกอยู่พวกเราเลยเลือกสถานที่ที่จะให้เข้าชมก่อน เพื่อที่หวังว่าช่วงบ่ายฟ้าจะเป็นใจมากกว่านี้ เราเลยเดินไปยังพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สิงคโปร์ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปหรอก ไม่ค่อยชอบแนวนี้ เลยเดินผ่านไป เพื่อไปยัง Merlion

Images of Singapore experience Singapore's history recount Singapore's history through life-size tableaux and rare artefacts. State-of-the-art technology brings the sights, sounds and smells of bygone Singapore to life so you can experiece the rituals, festivals and cultural practices of the Chinese, Malay's, Indians and the Peranakans (Straits Chinese) in their full glory.







เดินลงบันได้เลื่อนมาก็จะเจอทางเข้า Merlion แล้ว แต่ฝนเจ้ากรรมก็ยังไม่หยุดตกเสียที ก็เลยวิ่งไปถ่ายรูปทั้งฝนตกอย่างนั้นล่ะ

The Merlion & Merlion Walk a towering legend comes alive a 37 metre tall version of the original half-fish half-lion found at Singapore Merlion Park, the Sentosa Merlion offers 360 degree panaramic views of the island and Singapore's southern shores from the mouth Gallery Viewing Deck. These is an animation feature detailing the mythical origin of the Merlion, and the statue's eyes even emit lasers! When you are done, you can stroll down the merlion walk, a 120 metre long Gaudi inspired mosaic walkway.









เจ้า Merlion ยักษ์ตัวนี้ พวกเราเรียกว่าตัวพ่อ เพราะหน้าตาดูดุกว่าตัวที่อยู่ริ่มแม่น้ำสิงคโปร์ ซึ่งตัวนี้สูงถึง 37 เมตร สามารถเข้าไปเที่ยวชมด้านในได้บริเวณปากและศีรษะจะเห็นวิวแบบ 360 องศาเชียล่ะ แต่ฝนตกเลยไม่ได้เข้า Merlion ยักษ์ เพราะดูแล้วฟ้าไม่โปร่งขึ้นไปก็ไม่สวยเลยไม่ขึ้นไปดูตอนนี้ ตัดสินใจไปเที่ยวตามชายหาดก่อนดีกว่า เลยเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อไปต่อรถรางไปตามหาดต่างๆ







พอออกจากสถานีรถไฟฟ้า เราก็มาต่อคิวเพื่อรอรถไปยัง Palawan & Tanjong Beach พี่เล็กกับพี่นุชก็ไปซื้อน้ำเราก็ยืนต่อคิวอยู่คนเดียว ระหว่างที่รอคนก็มารอกันเต็มเลย แล้วอยู่ๆ ก็มีชาวอินเดียมาแทรก แถมยังมองหน้าเราอีกว่าทำไมไม่หลบให้เค้า งง ไปเลย สักพักรถรางก็มาก็มองหาสองสาวว่าอยู่ไหน

สุดท้ายก็ทันเวลาพอดี ได้ขึ้นรถรางแล้ว รถรางที่นี่มีสองสาย สายแรกไปยัง Palawan & Tanjong Beach รถสีเขียว ส่วนอีกสายไป Siloso สายสีฟ้า เลยวิ่งไปแชะรูปก่อนที่จะกระโดดมานั่งรถรางเพื่อไป palawan beach





พวกเรานั่งรถรางมาที่ Palawan Beach ก็ไกลพอสมควร ถ้าเดินคงไม่ไหวล่ะ จุดแรกที่เราจะไปคือ The southern most point continental asia หรือจุดต่ำที่สุดในเอเชีย จุดนี้อยู่ที่เกาะ Sentosa นี่เอง มาดูระหว่างทางไปกันดีกว่า คนที่นี่ชอบเล่นวอลเล่ย์บอลชาดหาดมากๆ เพราะรอบๆ ที่ผ่านมาเห็นหนุ่มสาวเล่นกันอยู่เป็นระยะ ขนาดฝนตกนะเนี่ย



แทบไม่น่าเชื่อว่าหาดทรายที่เห็น "ไม่ใช่ของจริง" เค้าทำขึ้นมา เหมือนมาก แถมทำได้สวยด้วย เชื่อแล้วว่าสองมือมนุษย์สามารถเนรมิตทุกสิ่ง เพราะฉะนั้นบนเกาะนี้ล้วนแล้วแต่เนรมิตขึ้นมาแทบทั้งสิ้น เค้าเก่งไม่ไหมล่ะ



เราข้ามไปดูจุดต่ำสุดที่บอกกันดีกว่า ระหว่างทางก็ตามธรรมเนี่ยมเก็บภาพ นี่ขนาดฝนตกอยู่นะเนี่ย ไม่มียอมแพ้แต่ก็ดีไปอย่างไม่มีคนเดินข้ามเลย ยกเว้นพวกเรา





ถึงแล้วจุดต่ำสุดในเอเชีย มาทั้งที่ต้องถ่ายรูปไว้เป็นระลึกเสียหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง เสียดายที่วันนี้ฟ้าครึ้ม รูปเลยไม่ค่อยแจ่ม



แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณเจ้ากล้อง Sanyo J2 คู่ใจ ที่มันเป็นกล้องเลนส์อยู่ด้านในไม่ใช่แบบที่ยื่นออกมา เพราะฉะนั้นยังไงก็ไม่โดนฝน เราเลยเดินถ่ายรูปกันอย่างสบายใจ




หลังจากเดินถ่ายรูปกันอยู่สักพักเราก็เดินขึ้นไปบนจุดชมวิวบนตึกนี้จะเห็นวิวรอบหาด Palawan แบบ 360 องศาเลยล่ะ



หากสังเกตุจากรูปดีๆ จะเห็นว่ามีคู่รักคู่หนึ่งกอดกันอยู่ สำหรับบ้านเราถือว่าแปลก แต่สำหรับที่นี่เป็นปกติล่ะ เชื่อไหมว่าเราอยู่บนจุดชมวิวแห่งนี้ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง คู่นี้ก็ยังไม่เลิกกอดกันเลยล่ะ เปลี่ยนมุมมาดูวิว Palawan Beach กันดีกว่า (อย่าเพิ่งว่ากันนะ แบบว่าต่อกันไม่สนิทเพิ่งลองหัดใช้ Photoshop ดูน่ะ)








พวกเราเดินถ่ายรูปเล่นกันอีกสักพักก็เดินออกมา เราเดินคนหลังสุด ว่างๆ เลยเอากล้องขึ้นมาถ่ายตัวเองซะงั้น ตั้งแต่ถ่ายตัวเอง ชอบรูปนี้เพราะถ่ายแล้วดีสุด ตรงแป๊ะกับเฟรมกล้องเลย



ตอนนี้ทุกคนรู้สึกอาการเดียวกันคือ หิวข้าวแล้วล่ะ พี่เล็กเลยตัดสินใจพาย้อนกลับไปศูนย์อาหารตรง Palawan Beach ดีกว่า ก็เลยมานั่งรอรถรางอย่างที่เห็น





สักพักรถรางก็มาแล้ว ไม่รอช้าพวกเรารีบหาที่นั่ง แน่นอนระหว่างทางก็มีแต่คนเล่นวอลเลย์บอลชายหาดกันไปตลอด จนมาถึงร้านอาหาร ต้องบอกว่าร้านอาหารเค้าจัดไว้สะอาดมาก เป็นสัดส่วนเรียบร้อยทีเดียว





หลังจากที่เดินวนอยู่นานหลายรอบ สั่งล่ะนะ มาต่างเมืองทั้งทีต้องกินอะไรที่พื้นเมือง เราเลยสั่งอาหารอินโดนีเซียเป็นลักษณะเหมือนมัสมั่นบ้านเรา แต่เป็นเนื้อแกะ รสชาติอร่อยดี สำหรับคนชอบเครื่องเทศอย่างเรา และก็สั่งโรตีมะตะบะมาอีกหนึ่งชุด แบบว่าหิวแล้วโลภไง แต่ขอบอกว่าแป้งมะตะบะอร่อยมาก ถึงว่าดิมีคนบอกว่าถ้าไปสิงคโปร์จะฝากซื้อแป้งมะตะบะ เห็นว่าเค้ามีขายแบบสำเร็จด้วยล่ะ





ส่วนพี่เล็กสั่ง Laksa เป็นอาหารพื้นเมืองของที่นี่ รสชาติเหมือนข้าวซอยใส่น้ำเงี้ยวบ้านเรานะ ออกแนวมันๆ ด้วยรสชาติกระทิ เส้นก็เป็นขนมจีน แปลกๆ ดี ใครมาสิงคโปร์ต้องลองนะ เพราะมันคือ Top 10 ของอาหารที่ต้องมาลองเลยล่ะ

Laksa is a bowl of creamy curry goodness, with thick noodles, prawns, cockles, and fishcake. The Malay and Chinese concoction is made from a paste of spice, herbs, diried shrimp, coconut milk and chilli for that unmistakable fragrance and rich, subtle taste.



ส่วนพี่นุชสั่งอะไรแล้วนะ จำไม่ได้ ขออภัยท่านผู้อ่าน อันนี้ผู้เขียนลืมจริงๆ เอาเป็นว่าผู้อ่านท่านใดทราบช่วย Comment บอกมาหน่อยแล้วกันนะ รสชาติของเมนูนี้เหมือนแกงจืดเผ็ดๆ ล่ะ



พวกเราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณเกือบสองชั่วโมงก็กินกันไป คุยกันไป รอฝนหยุด จนสุดท้ายไม่หยุดสักที ก็เลยไปต่อดีกว่า จุดมุ่งหมายต่อไปคือเราต้องไป Siloso Beach เพื่อไปดู Underwater world ล่ะ



โปรดติดตามตอนต่อไปโลกใต้น้ำกับโลมาสีชมพู ... Underwater World and Dophin Lagoon
Create Date :14 สิงหาคม 2550 Last Update :20 พฤษภาคม 2554 15:56:22 น. Counter : Pageviews. Comments :4