bloggang.com mainmenu search
19-07-07

เช้าวันแรกในสิงคโปร์ วันนี้ก็ตามธรรมเนียมมาต่างถิ่นก็ต้องตื่นเช้ากันเป็นธรรมดา หลังจากที่เมื่อคืนวางแผนเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้วว่า วันนี้จะไปตะลุย Chinatown กันเสียหน่อย

พวกเราออกจากที่พักประมาณเกือบเก้าโมงเช้าแล้วล่ะ มาดูที่พักของเรากันดีกว่า เพราะเมื่อคืนมาดึกเลยไม่เห็นอะไรเลย


ที่พักที่นี่ช่างได้บรรยากาศจริงๆ พอเปิดประตูออกจากห้องก็ได้ยินเสียงเพลงเป็นดนตรีบรรเลงยามเช้าด้วยล่ะ ที่นี่เค้าใช้รหัสเพื่อกดเปิดประตู ก็มีความปลอดภัยใช้ได้เลยล่ะ ด้านหน้าที่พักก็จะมีบ้านเดี่ยวเป็นแถวเลยล่ะ ปากซอยก็มีโรงเรียนตั้งอยู่ ที่นี่เค้าเรียกว่า "Lor Low Koon" ล่ะ



พวกเราก็เดินออกจากซอยเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้า ระหว่างทางก็เจอสัญญาณไฟจราจร ที่นี่เค้าจะมีสัญญานให้คนข้ามถนนเหมือนบ้านเรานั่นแหละ แต่เค้าไม่ต้องวิ่งกันรีบๆ แบบบ้านเรา เพราะสัญญาณข้ามที่นี่นานทีเดียว ส่วนใครที่รอสัญญาณข้ามไม่ไหวก็สามารถกดปุ่มใต้ลูกศรได้ เพื่อเร่งเวลานั่นเอง ก็คล้ายๆ ที่บ้านเรานำมาใช้ในขณะนี้นั้นล่ะ



วันนี้เราขึ้น MRT สายสีม่วงจากสถานี Hougang ไปยังสถานี Chinatown โดยแต่ละสถานีจะมีการตกแต่งที่แตกต่างกัน อย่างเช่นที่ Hougang จะเป็นรูปมือ แต่ที่ Chainatown จะเป็นลายออกจีนๆ เป็นต้น




จากสถานี Chinatown ตามที่คัวภีร์บอกไว้ว่าต้องออกไปทาง Smith Street แต่ความที่วันแรกงงๆ หน่อยเลยออกผิดทางไปโผล่ Eu Tong Sen Street ก็ไหนๆ ก็ออกมาแล้วก็เลยมาเดินดูสักหน่อย วันนี้ไม่ค่อยเอื้ออำนวยกับพวกเราเอาเสียเลย เพราะออกมาก็เจอฝนตก ดีนะที่พี่เล็กโทรมาบอกก่อนแล้วว่าวันนี้ฝนตก เลยติดร่มมาด้วย



ออกมาก็เจอป้าย Lim Chee Guan แล้วก็เจอห้างอะไรสักอย่างก็ไม่ทันมองเพราะฝนตก ด้านนอกก็เป็นตลาดขายผลไม้เยอะทีเดียวล่ะ



เดินวนรอบแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรเลยย้อนกลับไป MRT กันใหม่ดีกว่า ลงไปก็ไปหาป้ายบอกทางที่ไป Smith Street ปรากฏว่าอยู่อีกทางหนึ่ง แต่ปรากฏว่าก็เจอป้ายเหมือนกันนั่นแหละ แต่ฝั่งนี้ดูออกแนวมีของที่ระลึกขายเต็มไปหมดเลย



ไหนๆ เราก็จะเข้าไปเที่ยวในเขต Chinatown กันแล้ว มารู้จักประวัติความเป็นมาของ Chinatown กันก่อนดีกว่า เมื่อปี ค.ศ. 1821 ได้มีชาวจีนอพยพมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ เนื่องจากน้ำจืดในสิงคโปร์นั้นหายากชาวจีนจึงต้องหาบน้ำจากบ่อบนเนินเขา Ann Siang มาให้คนด้านล่างใช้

จากนั้น Sir Stamford Raffles ก็ได้กำหนดให้พื้นที่ทางตอนใต้แม่น้ำสิงคโปร์แห่งนี้เป็นที่ตั้งของชุมชนชาวจีนในปี ค.ศ. 1828 โดยตั้งชื่อว่า "Niu Che Shui" ซึ่งต่อมาพื้นที่แห่งนี้มีชื่อเสียงมากในเรื่องคนหาบเร่ขายของข้างถนน หมอดู เซลส์ขายยา และนักเล่านิทาน

ซึ่ง Niu Che Shui แต่เดิม ปัจจุบันนี้ก็คือ Chinatown นั้นเอง ซึ่งที่นี่ได้ถูกกำหนดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในประเทศตั้งแต่ปี ค.ศ. 1989 เป็นต้นมา เอาล่ะเราออกเดินทางตามคัมภีร์กันต่อดีกว่า ตามคัมภีร์ว่าไว้ว่า แถวนี้มีร้านติ่มซำอร่อยชื่อว่า Tak Po แต่หาไม่เจอ (เขียนเผื่อไว้ในเพื่อนๆ ลองไปหาทานกันดูนะ แล้วอย่าลืมมาเล่าล่ะว่าอร่อยจริงเปล่า) เลยข้ามไปที่ Chinatown Heritage Centre แทน



Chinatown Heritage Centre หรือที่เรียกว่า ศูนย์วัฒนธรรมไซน่าทาวน์ เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของชาวจีนในย่านนี้ โดยจำลองความเป็นอยู่ต่างๆ ของชาวจีนแห่งนี้



เมื่อเข้ามาแล้วจะต้องเดินขึ้นบันได ซึ่งชั้นแรกจะบอกถึงยุคเริ่มต้นของวิถีชาวจีน สำหรับชั้นนี้ที่ชอบสุดคงเป็นเจ้ากระดานนามสกุลจีนนี่แหละ ทำได้เก๋มาก พอหมุนก็จะเป็นประวัติของแต่ละแซ่นั่นเอง




จากนั้นก็ขึ้นบันไดมาชั้นสองก็จะพบกับยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงจาก ค.ศ. 1905 ไปสู่ ค.ศ. 1922 เริ่มมีร้านต่างๆ มากขึ้นเช่น ร้านตัดสูท ร้านติ่มซำเจ้าแรก เป็นต้น



พอมาถึงตรงนี้เพิ่งสังเกตุเห็นป้ายเค้าห้ามถ่ายรูป ดีนะเช้านี้ที่นี่ไม่มีคนเลย (ถ่ายมาซะเกือบหมดศูนย์วัฒนธรรม) เลยต้องเก็บกล้องใส่กระเป๋า เดินชมต่อ เข้ามาที่ศูนย์วัฒนธรรมที่นี่ รู้สึกเหมือนย้อนยุคไปสมัยจีนโบราณเลยล่ะ เพราะเค้าจำลองทุกอย่างได้เหมือนจริงทุกอย่าง มีวีดีโอแสดงภาพในสมัยก่อน มีเสียงคนเสียงต่างๆ ให้เหมาะกับห้องแสดงนั้นด้วยล่ะ

เดินไปตามทางเรื่อยๆ ก็จะพบห้องต่างๆ ไม่น่าเชื่อเพราะดูจากด้านหน้าแล้วเหมือนเล็กๆ พอมาเดินก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงอยู่เหมือนกัน เอาเป็นว่าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรก็ลองแวะมาที่นี่กันดูเองแล้วกันนะคะ ค่าเข้าที่นี่ก็ S$9 เหรียญ ด้านหน้าก็มีของที่ระลึกจัดจำหน่าย ด้วยความที่วันนี้เข้ามาคนเดียวก็เลยขอให้เจ้าหน้าที่ที่นี่ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย



จากนั้นก็เดินออกมาถ่ายรูปบริเวณรอบๆ รอพี่นุช เพราะเราแยกกันเดิน พี่นุชก็เดินไปซื้อของที่ระลึก ส่วนเราก็เข้าไปดูในศูนย์วัฒนธรรม ต้องบอกว่าย่านนี้สีสันสวยจริงๆ เพราะตึกถูกทาสีไว้อย่างสวยงาม







จากศูนย์วัฒนธรรมก็เดินตรงไป แล้วเดินมาทางขวาเรื่อยๆ ก็จะเจอวัดแขกที่ชื่อว่า Sri Mariamman ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1827 เป็นวัดชาวฮินดูที่เก่าแก่ที่สุด วัดนี้หากใครต้องการจะถ่ายรูปด้านในต้องเสียเงิน S$3 เหรียญ ก็เลยเข้าไปเดินดูด้านใน (สวยมาก) แล้วกลับมาถ่ายรูปด้านหน้าอย่างเดียว





แล้วก็เดินตรงต่อไปผ่าน Temple St จนไปถึง Smith St ก็จะพบกับวัดจีนที่ชื่อว่า "Buddha Tooth Relic" เค้าว่ากันว่าใช้ทุนสร้างถึง 53 ล้านเหรียญสิงคโปร์เชียวล่ะ ซึ่งวัดนี้ได้สร้างเลียนแบบสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ถัง



และที่นี่เองก็ก่อเกิดสิ่งมหัสจรรย์ของเราสองคนก็ขณะที่กำลังถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน ก็มีคุณป้าคนหนึ่ง (ซึ่งสังเกตุการณ์อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว) เข้ามาทักทายเป็นภาษาจีน แล้วก็พาเราสองคนเดินไปชี้ป้าย เราก็เห็นแล้วว่า Free Vegetable อะไรสักอย่างนี่แหละ ซึ่งเค้าชี้เร็วมาก แล้วก็พาเดินลงมาชั้นใต้ดินของวัด ซึ่งลึกมาก ก็เดินๆ ตามคุณป้าเค้าไป ลืมบอกไปคุณป้าเค้าพูดภาษาจีน ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ พวกเราก็ไม่รู้ภาษาจีน ไปกันใหญ่เลยที่นี่ แต่ก็เดินตามเค้าไป



ปรากฏว่า สถานที่ที่คุณป้าพามาเป็นโรงเจนั่นเอง แกก็พามาตักข้าว ตักน้ำหาโต๊ะนั่งให้เสร็จสรรพ แล้วแกก็ขอตัวไปเพราะแกรีบ พวกเราสองคนก็นั่นกินข้าวกันไปแบบงงๆ แบบว่าตอนนั้นกะว่าหากถ่ายรูปเสร็จแล้วจะข้ามไปกินข้าวมันไก่ชื่อร้าน Tian Tian Hainanese Chicken Rice เสียหน่อย สรุปมื้อนี้เลยกินฟรีในสิงคโปร์ซะงั้น

พออิ่มเรียบร้อยแล้วก็ไปขึ้นลิฟท์ก็ไปเจอเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับวัตถุโบราณ ก็เดินดูกันพักหนึ่ง มีของประเทศไทยด้วยนะ ก็เดินออกมา ก็ขึ้นลิฟท์แบบไปมันเรื่อยๆ ก็ไปเจอห้องโถงนี่ล่ะ







ก็เดินเข้าไปเลย แต่ยังไม่ทันจะผ่านประตูเข้าไปเลย ก็มีเด็กผู้ชายชาวจีนเข้ามาบอกว่า ถ้าจะเข้าไปที่นี้ต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยไม่ใช่แขนกุดและกระโปรงสั้น แต่หากจะเข้าเค้าจะมีผ้าให้สวมทับ (ตามที่เห็นในรูป) ตอนแรกเค้าคิดว่าเราเป็นคนที่นี่มั้ง มีช่วงหนึ่งที่เค้าช่วยเราถือหนังสือตอนสวมทับผ้านี่แหละ เค้าเห็นว่าเป็นหนังสือท่องเที่ยว เลยถามว่ามาจากที่ไหน

จากนั้นก็เดินเข้าไปดูด้านใน ที่นี่ตกแต่งด้วยลวดลายสวยมาก ยังไงลองแวะเข้ามาดูกันนะ เพราะดูเหมือนเค้ายังสร้างไม่เสร็จ แต่เปิดให้เข้านมัสการก่อนนะ พวกเราใช้เวลาอยู่ทีนี่กันสักพัก ก็เดินออกเพื่อไปต่อจุดหมายต่อไปคือ ตึก The URA Centre

จากวัดจีนก็เดินตรงมาเรื่อยๆ แล้วฝั่งตรงข้ามจะเห็นศูนย์อาหาร Maxwell Food ที่ตอนแรกว่าจะมาทานมื้อเที่ยงกันที่นี่ แต่ก็นะอิ่มเลยไม่แวะ



ก็เลยเดินผ่านทะลุศูนย์อาหารเพื่อไปต่อยังตึก The URA Centre จุดหมายต่อไปคือ Singapore City Gallery ...

โปรดติดตามตอนต่อไป ---htmlentities(' >')>

Create Date :25 กรกฎาคม 2550 Last Update :25 กรกฎาคม 2550 8:55:28 น. Counter : Pageviews. Comments :3