bloggang.com mainmenu search
ในตอนที่แล้วพวกเราไปเที่ยว ซากประตูเซนต์ปอลกับป้อมปราการเมาท์ฟอร์เทรส อยู่ๆ ฝนก็โปรยปรายชนิดที่ว่าไม่มีทีท่าจะหยุดตก ทำไงกันล่ะที่นี่หาที่หลบฝนก่อนแล้วกัน พวกเราวิ่งเข้ามาหลบฝนในพิพิธภัณฑ์มาเก๊าได้สักพักใหญ่ นั่งลุ้นกันว่าจะได้ไปเที่ยวต่อไหมนะ

แต่แล้วโชคก็ช่วยให้นักเดินทางอย่างเราได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวสัมผัสสีสันแห่งมาเก๊ากันต่อ ฝนเริ่มซาลงแล้วพวกเราเดินต่อไปยังทางลง ตอนแรกคิดว่าเป็นทางลงพิพิธภัณฑ์ แต่กลับกลายเป็นแกลอรี่จัดแสดงแผนผังมาเก๊าซะงั้น มาแล้วนี่นะก็ลงไปดูเสียหน่อย





พวกเราเดินดูกันได้สักพักก็เดินย้อนกลับไปทางเดิม ฝนตกอีกล่ะเอาไงดีล่ะ วิ่งไปหาที่หลบก่อนแล้วกัน ก็วิ่งไปที่บันไดเลื่อนขาลงพิพิธภัณฑ์ เฮ้อ งานนี้เปียกอย่างเดียวเลยเรา ร่มก็ไม่ได้เอามาก็ต้องเดินหน้าลุยฝนมันอย่างเดียวนั่นล่ะ





พวกเราเดินลงไปด้านล่าง ฝนก็ยังไม่หยุดตกเลยแวะดูของที่ระลึกในร้านขายของที่ระลึกด้านหน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์ ขอบอกว่าที่นี่โปสการด์สวยมากๆ เลยกันอยู่นานเลยทีเดียว จนมาถูกใจการ์ดสามมิติรูปประตูโบสถ์เซนต์ปอลนี่ล่ะ





สวยอ่ะชอบมากๆ ก็เลยซื้อมาสองใบส่งให้ตัวเองหนึ่งใบกับส่งให้น้องเลิฟที่ออฟฟิตอีกหนึ่งใบ ส่วนเจ๊พู่ก็ซื้อเหมือนกันเลยล่ะ พอซื้อโปสการด์กันเสร็จก็เดินลงมาลุยฝนกันต่อ แต่โชคดีที่ฝนเริ่มซาลงบ้างแล้ว จุดหมายต่อไปของเราคือ หาวัดนาชาให้เจอ เพราะดูจากแผนที่แล้วอยู่ใกล้ๆ กับซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลนี่แหละ



เดินไปเดินมาก็ถ่ายรูปกันอีกล่ะ เอาให้คุ้มมาทั้งทีความใฝ่ฝันของฉันเลยนะเนี่ย ซากประตูโบสถ์แห่งนี้นะ ชาวบ้านเค้ามาแดดออกเปรี้ยงๆ เรามาฝนตกฟ้าครึ้มซะงั้น เราเดินหาทางไปวัดนาชาอยู่นานก็ถึงบางอ้อ เพราะเดินลงวนไปด้านซ้ายของซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล



แล้วเดินย้อนขึ้นมาตามทาง เล่นเอาหอบเหมือนกันแฮะเพราะทางชันเอาเรื่องเลยนะเนี่ย ไอ้เราก็แก่แล้วด้วยสิ พอเดินขึ้นมาด้านบนก็มองไปรอบๆ บริเวณใกล้เคียง "ไหนวัดฟ่ะ" เลยต้องเปิดหนังสือดูรูปก็เลยถึงบางอ้อ อยู่ตรงหน้าเรานี่เอง

วัดนาชา (Na Tcha Temple) สร้างขึ้นในปี ๑๘๘๘ อุทิศให้แก่ นาชา โดยหวังว่าจะช่วยยับยั้งกาฬโรคที่ระบาดอยู่อย่างรุนแรงในตอนนั้นได้ ซึ่งวัดนาชาเป็นเพียงอาคารเล็กๆ สร้างด้วยวัสดุง่ายๆ การออกแบบเป็นการผสมผสานภาพความเป็นจริงกับภาพลวงตา ทำให้เกิดความรู้สึกถึงความละเอียดอ่อนประณีตและงดงาม





ถัดจากวัดนาชาก็จะเห็นเป็นกำแพงเก่าๆ ดูโบราณมาก หากไม่อ่านหนังสือมาจะไม่รู้เลยว่ากำแพงนี้คือหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของมาเก๊าเลยล่ะ เพราะนี่เป็นส่วนของกำแพงเมืองโบราณ (Section of the Old City Walls) ที่ชาวโปรสตุเกสสร้างขึ้นมารอบเมืองมาเก๊าตั้งแต่ปี ๑๕๖๙



แผนที่ต่างๆ จากสมัยนั้นแสดงให้เห็นว่ายกเว้นท่าเรือในทางตะวันตกแล้ว ที่เหลือล้วนแต่มีกำแพงล้อมรอบเมืองมาเก๊าทั้งสิ้น และยังมีการสร้างป้อมต่างๆ ทำให้มาเก๊ามีปราการที่เข้มแข็ง ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงบางส่วนของกำแพงเดิม เห็นไหมล่ะจากรูปดูรู้ไหมล่ะนั่นว่ามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ล่ะ



พอถ่ายรูปกันเสร็จก็เดินขึ้นไปทางซากประตูเซนต์ปอล พี่พู่เห็นเสาอะไรก็ไม่รู้ ดูยังไงก็ไม่รู้ว่าเค้าเอาไว้ทำไม เจ๊เลยบอกว่าแกเข้าไปยืนในเสาดิ เออไอ้เราก็บ้าจี้ทำตามเจ๊บอก เออเข้าไปยืนด้านในเสาได้ด้วยเว้ย จากนั้นพวกเราก็เดินตามแผนที่ในมือกันต่อไปเพื่อตามหาจุดหมายต่อไปนั่นก็คือโบสถ์เซนต์แอนโทนี



โบสถ์เซนต์แอนโทนี (St. Anthony's Church) สร้างขึ้นในปี ๑๕๕๘ ถึง ๑๕๖๐ เป็นหนึ่งในสามโบสถ์ที่มีความเก่าแก่ในมาเก๊า อาคารที่เห็นอยู่เป็นอาคารใหม่ทดแทนอาคารหลังเดิมที่ถูกไฟไหม้เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ปี ๑๘๗๔ ซึ่งในทุกปีจะมีชาวมาเก๊ามาร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นโดยแห่รูปปั้นของเซนต์ แอนโทนี ไปตามถนน ในอดีตชาวโปรตุเกสจะมาจัดพิธีสมรสที่โบสถ์แห่งนี้ จึงเป็นที่มาของการตั้งชื่อภาษาจีนว่า ฟาวองทง (Fa Vong Tong) หรือโบสถ์แห่งดอกไม้



พวกเรามาถึงโบสถ์แห่งนี้เกือบหกโมงเย็นแล้วล่ะ ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่เข้าไปด้านในเพราะเค้าปิดเวลา ๑๗.๓๐ น. ล่ะ ก็เป็นอันว่าต้องเดินผ่านไปแต่ยังดีที่มาทันได้ถ่ายรูปหน้าโบสถ์ล่ะ สำหรับตอนหน้าจะพวกเราจะไปเดินเที่ยวกันต่อที่จตุรัสคามอสและจะพาไปลองชิมตั่นหนา ขนมพื้นเมืองอีกชนิดของชาวมาเก๊าเค้าล่ะ
Create Date :31 กรกฎาคม 2552 Last Update :31 กรกฎาคม 2552 0:14:40 น. Counter : Pageviews. Comments :0