bloggang.com mainmenu search
"ไปไหนกันดีวะแก ฉันมีตั๋วโปรโมชั่นหมดเขตสิ้นเดือนนี้" โอ้โห.. เพื่อนเอ้ยไม่ให้ตั้งตัวเลยมีเวลาเหลือไม่ถึงสามอาทิตย์มั้งเนี่ย ความคิดแรกไทเปไหม ช้านเพิ่งดูทไวไลท์โชว์มาน่าไปดี หาข้อมูลไทเปกันยกใหญ่ เอ้ย ต้องทำวีซ่าด้วยอ่ะ ติ๊กต๊อก.. คำนวณค่าใช้จ่ายไหนจะค่าวีซ่าไหนจะค่ากินค่าเที่ยวงบประมาณบานปลายแน่ๆ

เอาใหม่หาประเทศที่ไม่ต้องทำวีซ่าบวกกับใช้งบประมาณในการเที่ยวไม่มากนัก เพื่อนแก้วหายไปหลายวัน หลังจากนั้นก็กลับมาพร้อมกับโปรแกรมใหม่เราไป "เวียตนาม" กันดีกว่า โอเคงั้นจองตั๋วเลยล่ะกัน และคำตอบสุดท้ายก็มาลงล็อคที่ "เวียตนามใต้" เพราะเวียตนามเหนือตั๋วเต็มไปเรียบร้อยแล้ว

ทริปนี้จึงก่อเกิดขึ้นพร้อมกับสมาชิกร่วมทริปทั้งหมดสี่คน ติ๊ก พี่กี้ เราและแก้ว เนวิเกเตอร์ประจำทริปนี้ เมื่อสมาชิกพร้อม ตั๋วพร้อมก็ออกเดินทางกันเลย

บ่ายโมงครึ่งของวันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓ จุดนัดหมายของพวกเราคือสนาบินสุวรรณภูมิ แก้วและพี่กี้มาถึงเป็นกลุ่มแรก ตามด้วยเราและเพื่อนติ๊กปิดท้าย ภารกิจแรกของพวกเรานั่นคือแลกเงินกันก่อนเลย



สำหรับทริปนี้พวกเราวางงบประมาณไว้คนละ ๕,๐๐๐ บาท โดยแลกเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐหมด แล้วค่อยไปแลกเป็นเงินด่องที่เวียตนามเพราะเห็นในกระทู้ส่วนใหญ่บอกว่า Rate จะดีกว่า โทรไปเช็คที่ซุปเปอร์ริชรับแลก ๑,๐๐๐ ด่องแลกได้ ๑.๗๒ บาทประมาณนี้ล่ะ พวกเราแลกเงินไปทั้งหมด ๒๐,๐๐๐ บาท ได้คืนมาเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐก็ราวๆ ๖๐๐ เหรียญ แจกคืนทุกคนคนละ ๑๐๐ เหรียญติดกระเป๋าแล้วอีก ๒๐๐ เหรียญไปแลกเป็นเงินด่อง



จากนั้นก็เข้าไปเช็คอินที่เคาเตอร์เม้าส์กันเคาเตอร์แทบแตก พอถึงคิวตัวเองปรากฏว่าทริปนี้มีเรื่องให้ลุ้นระทึกอีกแล้ว เมื่อพนักงานเช็คอินแจ้งว่า "มีตั๋วใบหนึ่งใกล้จะหมดอายุ โดยปกติพาสปอร์ตต้องไม่ต่ำกว่าหกเดือนนะคะ" แล้วก็ยื่นพาสปอรต์ที่มีปัญหาให้พวกเราดู

กรี๊ด.. ของตรูนี่หว่างานเข้าแล้วฉัน พนักงานมองหน้าเหมือนจะรอคำตอบว่าจะบินต่อไหม แน่นอนฉันไปต่ออยู่แล้วย่ะ ค่าตั๋วก็เสียแล้วมาขั้นนี้แล้วฉันยอมไปเสี่ยงดวงเอาข้างหน้าอย่างมากก็นั่งกินเฝอรอเพื่อนที่สนามบินก็ได้ฟ่ะ แล้วพนักงานเช็คอินก็บอกพวกเราว่า "หากเกิดอะไรขึ้นทางสายการบินไม่รับผิดชอบนะคะ" ขอบคุณมากคะคุณน้องให้กำลังใจคุณพี่ได้ดีมาก

ยังค่ะยังไม่จบพนักงานเค้าคิดว่าเราไม่บินล่ะมั้ง ถึงไม่ให้ใบสำหรับกรอกขาเข้ากะขาออก มาจนจะถึง ตม. อยู่แล้วต้องเดินย้อนไปเคาเตอร์ใบเอาใบขาออกอีกยิ่งไกลๆ อยู่ด้วย เพื่อนๆ ก็น่ารักมากปลอบใจเราว่าไม่เป็นไรหรอกแกเหลืออีกตั้งห้าเดือนผ่านอยู่แล้ว

หลังจากนั้นก็เข้า ตม. เจ้าหน้าที่ก็ย้ำอีกว่า "พาสปอร์ตคุณหมดอายุปีนี้นะคะ" แล้วก็ทำหน้าดุๆ เล็กน้อยก่อนประทับตราให้ออกนอกประเทศ เราก็นึกในใจมันให้ออกจากนี้ได้ไปเวียตนามก็คงเข้าได้ละนะ



จากนั้นพวกเราสามสาวหนึ่งหนุ่มก็เดินไปใช้บริการคิงพาวเวอร์เล้าท์ ทำบัตรมาตั้งนานได้ใช้ก็คราวนี้แหละ ยื่นบัตรให้พนักงานเรียบร้อยพนักงานถามว่ามีอีกใบไหมคะ เพราะบัตรใบเดียวผู้ติดตามได้สองคน อ้าวตอนประชาสัมพันธ์ขายบัตรบอกเราว่าผู้ติดตามสามคนนี่น่า พวกเราก็มองหน้ากันแล้วพี่ชายที่แสนจะแมนก็บอกว่า พี่รอข้างนอกก็ได้ กรี๊ด .. เข้าทาง แต่ด้วยสำนึกอ่ะนะเข้าไปกินน้ำกินขนมได้ไม่ถึงสิบนาทีก็ออกมาแล้วล่ะ



จากนั้นก็เดินไปเก็ต G1A ไฟท์ของพวกเราสำหรับขาไปเป็นไฟท์ FD3724 ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ๑๕.๕๕ น. ถึงเวียตนามก็ประมาณ ๑๗.๑๕ น.



ระหว่างนั่งรอก็สังเกตุเห็นชาวต่างยืนเล่นอินเทอร์เน็ตที่ตู้ของการสื่อสารแห่งประเทศไทย ด้วยความที่อยากเป็นสนามบินทันสมัยก็เลยใช้คอมพิวเตอร์ระบบทัชสกรีน ทำให้ใช้งานได้ลำบากเอาเรื่อง เพราะฝรั่งนิ้วใหญ่จิ้มปุ๋มทีก็แสนจะลำบาก บ้างก็พยายามต่อ บ้างก็หงุดหงดอารมณ์เสียกันไป นั่งรอกันได้สักพักก็ขึ้นเครื่อง



ทริปนี้ด้วยความที่นัดกันบ่ายโมงครึ่งเลยยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยวกัน พอถึงเวลาเสริฟ์อาหาร หอมจังหิวชะมัด พวกเราทุกคนเลยสั่งอาหารทานบนเครื่อง ก็อร่อยดีนะอร่อยไม่อร่อยก็ดูแต่ละคนก้มหน้าก้มตากินกันเลยทีเดียว



พอทานกันเสร็จก็ถึงสนามบินตันเซินหวัดพอดีเลย วินาทีลุ้นระทึกมาถึงอีกแล้ว พวกเราเดินเข้า ตม. เพื่อตรวจพาสปอรต์เราก็เดินมองแต่ละช่อง เอาคนไหนดีนะเล็งพี่แว่นก่อนเลย เอาวะคนนี้ล่ะหน้าตาใจดีอยู่ พอต่อแถวเท่านั้นล่ะเสียงกระแทกตราประทับดังปั๊ง เอ้ย อุตส่าห์เลือกหน้าไม่โหดแล้วน้า เอานะยิ้มไว้ พี่แว่นแกก็มองหน้าทำหน้าดุๆ นิดหนึ่งก่อนจะประทับตราเสียงดังลั่น เฮ้อ รอดแล้วตรู วิ่งออกมาหน้าบานเป็นจานข้าว ตรูเข้าประเทศได้แล้วเว้ย ไม่ต้องกินเฝอรอที่สนามบินแล้ว



พอรับกระเป๋าเสร็จพวกเราก็เดินออกมาทางด้านซ้ายจะมีเคาเตอร์รับแลกเงินอยู่ เข้าสู่ภารกิจที่สองของทริปนี้นั่นก็คือ แลกเงินยูเอสเป็นเงินด่อง ดูจากป้ายแล้ว ๑ US$ แลกเงิน VNY ได้ตั้ง ๑๘,๘๖๕ ด่องแนะ



โอ้โห ๒๐๐ US$ แลกได้เกือบ ๓,๐๐๐,๐๐๐ กว่า อยู่เมืองไทยมีเงินขนาดนี้ซื้อบ้านซื้อรถได้สบายๆ เลย แต่บังเอิญว่าตอนนี้เราอยู่เวียตนามเท่านั้นเอง จากประตูทางออกเราเดินไปทางซ้าย มีแต่รถแท็กซี่จอดกันอยู่เต็มเลย แล้วรถเมล์สาย ๑๕๒ ที่เค้าบอกไว้มันอยู่ที่ไหนหว่า



ยื่นมองซ้ายมองขวากันได้สักพัก รถเมล์สาย ๑๕๒ ก็วิ่งผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับจอดอยู่ไกลๆ อ้าว.. รถเมล์ไม่ได้อยู่ทางด้านซ้ายนี่หว่า มันอยู่ทางด้านขวาของประตูทางออก โดยต้องไปรอที่เกาะกลางถนน พวกเราก็นั่งรอแล้วรอเล่า สิบห้านาทีก็แล้ว สามสิบนาทีก็แล้วก็ยังไม่มีวี่แววของรถเมล์จะผ่านมา



ชักไม่ได้การล่ะ เรากะพี่กี้เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ที่ดูแลลานจอดรถด้านหน้าท่าอากาศยาน รถเมล์สาย ๑๕๒ ต้องไปรอที่ไหนเค้าก็ตอบเรามาเป็นภาษาเวียตนาม เอาล่ะสิ งงกันเป็นไก่ตาแตกแม่งพูดไรวะ เค้าเลยพยายามพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า รถเมล์มันหมด ๖ โมงถ้าจะรถให้ไปรอที่ Domestic บางอ้อเลย มิน่าล่ะรถเมล์ที่นี่ทำไมรอนานจังหว่า

พวกเราเดินตรงไปอาคารผู้โดยสารในประเทศ แหมเมืองนี้วุ่นวายดีจังเลย แท็กซี่เต็มไปหมด แต่แล้วพวกเราก็เห็นรถเมล์สาย ๑๕๒ อยู่ตรงหน้า แหกปากซะดังเลยฉัน จนติ๊กต้องบอกว่า "แกเบาๆ หน่อยเดี๋ยวเค้าหาว่าบ้านนอก"



อย่าคิดนะว่าเจอรถเมล์แล้วทุกอย่างจะไปได้สวย ผิดถนัดแล้วล่ะ รถเมล์ที่เราเจอนั้นจอดนิ่งสนิทแบบเหมือนจอดเข้าท่า คนขับก็ดูไม่สนใจผู้โดยสารเท่าไหร่นัก จนมีคนเดินมาบอกว่ามันไม่วิ่งแล้วต้องไปแท็กซี่ เอาแล้วสิเมืองนี้ยิ่งขึ้นชื่อเรื่องการโดนต้มเสียด้วย

แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่รอดท้ายที่สุด พวกเราก็ต้องพึ่งแท็กซี่มิเตอร์ซึ่งดูแล้วเป็นแท็กซี่แบบถูกกฏหมายคิดเงินตามระยะทาง นาทีแรกเริ่มต้นที่ ๑๒,๐๐๐ ด่อง ก็ประมาณ ๒๔ บาท ถูกกว่าบ้านเราอีกแฮะ รถที่ใช้ทำแท็กซี่ก็ออกสไตล์โตโยต้าวิชกันเลยทีเดียว กว้างขวางเลยล่ะ



เอานะแพงหน่อยแต่ก็ถือว่ได้นั่งซิตี้ทัวร์โฮจิมินท์ก็แล้วกัน ระหว่างทางก็ขับผ่านร้านลักษณะคล้ายคาเฟ่บ้านเรา หน้าดาราตลกก็คล้ายๆ พี่หม่ำบ้านเราเลยอ่ะ แต่จะว่าไปแล้วที่นี่การจราจรก็ไม่ติดขัดดีแฮะ เพราะประชากรส่วนใหญ่นิยมขี่มอเตอร์ไซค์ แต่ใช่ว่าจะไม่มีระเบียบนะที่นี่เค้าบังคับให้ผู้ขับขี่สวมหมวกกันน็อค หากผู้ใดทำผิดกฏยึดรถหนึ่งเดือนสถานเดียว ส่วนสถาพรถตอนมากับตอนกลับจะเหมือนกันหรือเปล่านั่นก็อีกเรื่อง



พวกเรานั่งรถแท็กซี่กันได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงแท็กซี่คันอื่นบีบแตรเหมือนจะส่งสัญญาณว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ คนขับก็ขับเข้าเลนส์ขวาเลยจอดดูปรากฏว่า ยางแบน กรี๊ดอะไรฟ่ะ พวกเราก็ตัวไม่ได้หนักเสียหน่อย ก็ต้องรอรถมาเปลี่ยนตอนนี้มิเตอร์อยู่ที่ ๓๔,๐๐๐ ด่องแล้วล่ะ

ประมาณไม่ถึงสิบนาทีรถแท็กซี่คันใหม่เป็นรถเก๋งก็ขับมาเปลี่ยน พวกเราก็นั่งไปต่อโดยบอกเค้าว่าพวกเราจะไปโรงแรมคิมคอย ๑๑๑ คนขับก็เลี้ยวเลยแบบว่าขับๆ อยู่เลี้ยวเลยอ่ะ ไม่ต้องหาที่กลับรถเลยเลี้ยวมันตรงนั่นอ่ะ โอ้แม่เจ้าเอางี้เลยนะ



แท็กซี่ก็มาจอดตรงถนนฟาร์มงูหลาว เราก็พยายามสื่อสารภาษาเวียตนามว่า คิมคอย ม็อก ม็อก ม็อก แบบว่าจำได้มาไอ้ม็อกเนี่ยมันแปลว่าหนึ่ง เค้าก็บอกว่าให้เดินไปทางซ้ายจะเจอ ค่าแท็กซี่รวมสองคันแล้วก็ประมาณ ๑๔๐,๐๐๐ ด่อง ราวๆ ๒๘๐ บาท



พวกเราเดินตามที่แท็กซี่บอกสักพักก็เจอโรงแรมลักษณะคล้ายกับในหนังสือบอกไว้ แต่ชื่อโรงแรมเป็น ๒๑๑ เอ้า งานเข้าตรูเลยจำเลขที่ผิดซะงั้น ดีนะแท็กซี่มันก็พามาถูก เพราะเท่าที่อ่านหนังสือมาเค้าบอกว่าใต้โรงแรมมีทัวร์ที่ชื่อว่าเวียตซี บริการดีมากคนไทยนิยมมาใช้บริการที่นี่ .. ง่วงแล้วอ่ะไว้มาเล่าถึงทัวร์เวียตซีกันต่อตอนหน้านะ
Create Date :02 กรกฎาคม 2553 Last Update :2 กรกฎาคม 2553 1:43:19 น. Counter : Pageviews. Comments :6