bloggang.com mainmenu search
ตอนที่แล้วเล่าถึง "Chair Lift - Down เคเบิ้ลคาร์ห้อยขา" มาแล้วมาตอนนี้พวกเราเดินทางจากจางเจี้ยเจียมายังอู่ฮั่นโดยรถไฟกันค่ะ โค-ตะ-ระเมื่อยเลยเหอะ จขบ.เนี่ยไม่ค่อยชอบเดินทางโดยรถไฟเท่าไหร่ เนื่องจากเจอแต่ประสบการณ์ที่ไม่น่าประทับใจ ประกอบกับ รฟท.มันวิ่งนานเกิ๊น กว่าพวกเราจะมาถึงอู่ฮั่นก็เช้าพอดี  ภารกิจแรกนั่นคือการหาที่ล้างหน้าล้างตาแปรงฟัน ซึ่งแน่นอนเป้าหมายของพวกเราคือห้องน้ำสาธารณะในสถานีรถไฟ 



มโนก่อนเลยค๊า มันคงไม่เลวร้ายหรอกมั้งนี่มันในเมืองใหญ่เชียวน้า ความเป็นจริงโอ้ยห้องน้ำสาธารณะที่นี่กลิ่นแรงมาก เข้าไปเนี่ยต้องกลั้นลมหายใจกันเลยทีเดียว แสบจมูกมากคือมันเหม็นขั้นเทพเลยอ่ะ ไม่รู้ว่าผู้คนที่นี่เค้าทนใช้กันได้อย่างไร ครั้งเดียวก็เกินพอสำหรับ จขบ. จริงๆ คือเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ววิ่งออกมาเอาน้ำขวดล้างหน้าด้านนอกแทน ขืนล้างในห้องน้ำเป็นลมตายแน่ค๊า 



พอแปลงโฉมเรียบร้อยแล้วภารกิจต่อไปคือ การหาที่ฝากกระเป๋าค่ะ ในสถานี Hankou Railway Station มีที่รับฝากกระเป๋าซึ่งกว่าจะคุยกันรู้เรื่องต้องใช้ตัวช่วย เป็นคนที่ฟังภาษาอังกฤษออก การเดินทางมาจีนเนี่ยถ้าพูดภาษาจีนได้จะดีมากค่ะ เพราะการหาคนพูดภาษาอังกฤษได้ก็ยากอยู่นะ จนแล้วจนรอดก็ฝากกระเป๋าได้แหละ จากนั้นก็ได้เวลาตะลุยอู่ฮั่นกันแล้วจ้า 





พวกเรานั่งรถไฟฟ้าจาก Hankou Railway Station ไปลงยังสถานี Jianghan Road ว่ากันว่าที่นี่เป็นย่านช็อปปิ้งของอู่ฮั่น







ภารกิจต่อไปกองทัพต้องเดินด้วยท้องนะ หาร้านกินข้าวกันก่อนเลย หันซ้ายแลขวาก็ต้องจิ้มแล้วงานนี้ มีแฟรนไซน์ร้านอาหารแลดูน่าจะทานได้เป็นรูปคนกังฟูเนี่ยแหละ จัดไปหาที่นั่งทานกันเลยค่ะ พวกเราสั่งมาคนละเมนูจะได้มาแบ่งกันทาน













รสชาติก็ไม่ขี้เหร่นะ สำหรับคนไทยทานได้สบายมาก อาหารรสชาติคล้ายคลึงกับบ้านเรา ราคาก็ไม่แพงมีโปรโมชั่นด้วยล่ะ
จานใส่อาหารเค้าก็จะเอียงๆ เป็นดีไซน์



หลังจากทานกันเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาตะลุยอู่ฮั่นของจริงแล้ว จขบ.ยืนดูรถเมล์ที่นี่ "เอ้ยรถเมล์มีหางด้วยอ่ะ" เอ็มมี่บอกว่า "รถเมล์ที่นี่เค้าใช้ไฟฟ้าจ้าป้า" อืม.. เก๋ดีอ่ะ วิ่งกันเป็นแถวดี ไม่ต้องมีคนวิ่งแย่งกันด้วย เพราะเค้ามาถี่มาก รถก็ไม่ติดเพราะเป็นบัสเลนส์จริงๆ เลย



เป้าหมายแรก .. พวกเราจะไปเที่ยวหอนกกระเรียนเหลือง นั่งรถเมล์มาเนี่ยเห็นอยู่ไกลๆ เลยล่ะ ด้วยความที่สูงและสังเกตุได้ง่าย
พวกเราลงรถต้องใกล้ๆ สะพานตามที่รีวิวเค้าบอกเอาไว้ จากนั้นก็เดินลอดสะพานเพื่อไปยังอีกฝั่งข้ามไปยังหอนกกระเรียนเหลือง






พอเข้าเขตหอนกกระเรียนก็จะเห็นโอท็อปเดินขายของกันเพียบ นั่นคือ "พัด" นั่นเอง เรียกว่าถ้าเป็น สว.มาเที่ยวเนี่ย คุณจะได้พัดเป็นของฝากแน่นอน จขบ.ยืนฟังแม้จะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง คนขายเค้าก็พยายามเสนอขายสมกับเป็นประเทศค้าขายจริงๆ ส่วนใหญ่ทัวร์มาก็เสร็จหมดอ่ะ เนื่องจากราคาไม่แพงเป็นของที่ระลึกได้





พวกเราเดินมายังทางเข้าหอนกกระเรียนเหลืองเจอกับร้านขายแพะย่าง ร้านนี้ในรีวิวบอกว่าอร่อย โปรดสังเกตุที่ปักไม้เยอะขนาดนี้ไม่อร่อยก็แปลกแล้วล่ะ จขบ.ยืนดูอยู่ตั้งนานคนรอซึ่งเยอะมากอ่ะ เลยเปลี่ยนความสนใจไปที่หอนกกระเรียน เอายังไงดีล่ะสมาชิกจะเข้าไปหรือไม่เข้า 


นี่เป็นแผนที่พื้นที่ของหอนกกระเรียนเหลือง พวกเราประเมินเวลาแล้วถ้าเข้าไปต้องใช้เวลานานแน่ๆ พื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้
ทุกคนเลยลงความเห็นว่า "ขอ Enter ผ่าน" จ้า



แต่ไหนๆ ก็มาแล้วก็เลยไปยืนไหว้พระด้านหน้าประตูแทน คือเป็นสเกลพื้นที่แล้วไม่ไหวนะถ้าต้องเดินรีบๆ เนี่ย
เราเปลี่ยนแผนไปช้อปปิ้งกันดีกว่าเหอะ 


พวกเราขึ้นสะพานตรงด้านหน้าหอนกกระเรียนแล้วเดินไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางจนเจอถนน Jiefang แลดูคนคึกคักน่าสนใจจัง





จขบ.ชอบแม่ค้าที่นี่อ่ะ เอาผลไม้เสียบไม้ขาย ทานง่านดี ดูเหมือนคนที่นี่ชอบทานผลไม้นะเห็นมีขายตลอดเส้นทางเลย





จากจุดที่ จขบ.ชี้ไปนั้นเป็นจุดที่พวกเราจะเดินลงไปดูว่าที่นี่มีอะไร ทำไมคนถึงดูเยอะจัง แลดูเหมือนเมืองโบราณเลยอ่ะ
ติดตามต่อในตอนหน้านะคะตอนนี้เล่ามายาวแล้ววว


Patthanid C.

Create Date :15 พฤษภาคม 2558 Last Update :12 กรกฎาคม 2558 14:28:15 น. Counter : 2065 Pageviews. Comments :3