bloggang.com mainmenu search

หลังจากตอนที่แล้วพวกเราไปเยี่ยมชม สุสานจักรพรรดิ์ Tu Duc แล้ว ไกด์ก็พาแว๊นมาต่อที่ "วัดเทียนมู" (Thien Mu Pagoda) ก็ย้อนกลับไปทางเดิมนั่นแหละผ่านเข้าไปเขตเมืองก่อนโดยวิ่งเส้นถนนเลียบแม่น้ำหอม จากนั้นข้ามสะพานแล้วก็วิ่งเลาะเส้นแม่น้ำหอมอีกฝั่งไปเรื่อยๆ ไม่นานนักเราก็มาถึงวัดเทียนมูกันแล้วค่ะ

หากเห็นเสาสี่ต้นเนี่ยก็แสดงว่ามาถูกที่แล้วค่ะ เพราะที่นี่คือ ทางเข้า "วัดเทียนมู" ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหอม หากมองสูงไปอีกนิดก็จะเห็น เจดีย์เก๋ง 8 เหลี่ยมสูงลดหลั่นกันเจ็ดชั้น ว่ากันว่าแต่ละชั้นนั้นเป็นตัวแทนของชาติภาพต่างๆ ของพระพุทธเจ้า โอ้โห .. นี่แค่ทางเข้านะอลังการไหมล่ะ ส่วนด้านหน้าทางเข้าวัดนั้นเป็นทำเลที่ต้องบอกว่าสุดยอด ไกด์บอกให้พวกเราไปถ่ายรูปตรงนี้รับรองว่าสวยแน่นอน เออดีเว้ยจ้างไกด์ได้ตากล้องด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 



 

 

ป๊ะ .. เข้าท่าเว้ยเฮ้ย ถ่ายรูปเก่งด้วยเหอะไกด์เรา จัดมุมให้เสร็จสรรพ พวกเราเลยได้มีรูปคู่ด้วยกันไม่งั้นเดี่ยวตลอดเหอะ เอาล่ะถ่ายรูปด้านหน้ามาเยอะแล้ว ไกด์ก็บอกพวกเราว่า หนึ่งชั่วโมงนะสำหรับที่นี่ แล้วมาเจอกันตรงจุดจอดรถเหมือนเดิม โอเค..รู้เรื่อง ตามพวกเราขึ้นไปด้านบนกันเลยค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 



 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สองฝั่งซ้ายขวาของเจดีย์มีระฆังขนาดใหญ่ว่ากันว่าหนักถึง 2,000 กิโลกรัมเลยทีเดียว ดูจากลักษณะก็น่าจะได้อยู่ใหญ่มาก ถัดไปก็จะเป็นทางเข้าวัดแล้วล่ะ นี่แค่ทางเข้านะจัดเต็มเชียวอ่ะ ด้านหน้าประตูมีเทพเจ้า 6 องค์เฝ้าอยู่ด้วยล่ะ

แต่ละองค์หน้าไม่เหมือนกันเลยอ่ะ ดูใจดีบ้างดุบ้างแต่น่าเกรงขามทุกองค์ ว่ากันว่าไว้คอยเฝ้าปกป้องไม่ให้ความชั่วร้ายเข้ามาเยือนภายในวัดแห่งนี้ มีเรื่องเล่าว่า วัดแห่งนี้นั้นมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และการเมืองในช่วงยุคหลังของเวียตนาม เมื่อพระภิกษุทิกกวางหยุก เจ้าอาวาสวัดเทียนมูได้ใช้รถออสตินสีฟ้าเป็นพาหนะไปเผาตัวเองที่กลางกรุงโฮจิมินท์ วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2506 (ยังไม่เกิดเลยเหอะ) เพื่อประท้วงการบังคับให้ประชาชนนับถือศาสนาคริสต์และการฉ้อราษฏร์บังหลวงของรัฐบาลโงดินท์เดียมที่เป็นคาทอลิก ซึ่งรวมไปถึงการขัดขวางการฉลองวันวิสาขบูชาของประชาชนในประเทศอีกด้วย

ระหว่างที่พวกเรายืนถ่ายรูปบริเวณหน้าวัด ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกเราว่าให้ออกไป เฮ้ย.. งงดิตรงนี้เค้าห้ามถ่ายรูปเหรอฟ่ะ คนถ่ายเค้าก็ถ่ายกันออกรึ้ม ยังไงเนี่ยพ่อคุณแต่ด้วยความงงไง ก็เลยเดินถอยแล้วก็พบความจริงว่า Him จะถ่ายภาพวิว .. แต่แบบบังอ่ะเข้าใจป่ะ โอ้โห .. มามุขนี้ถึงกับมึนงงคนแบบนี้ก็มีด้วย คนมีมารยาททำไม่ได้นะแบบนี้อ่ะ จากนั้นพวกเราก็เดินเข้าบริเวณวัดค่ะ

ภายในวัดคนเยอะมากเหอะ กว่าจะได้รูปตอนไม่มีคนต้องรอเวลา เพราะที่นี่คณะทัวร์ลงกันเยอะ ต้องเข้าใจอ่ะนะสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตคนก็เยอะเป็นธรรมดา พอไหว้พระกันเสร็จพวกเราก็เดินต่อไปยังด้านหลัง ซึ่งจากข้อมูลเค้าบอกว่ามีรถออสตินสีฟ้าอยู่ที่นี่ด้วยเราก็เลยเดินหาดู

เดินจนทั่ววัดแล้วก็ไม่เห็นวี่แววของรถออสตินเลยอ่ะ ก็เลยเดินกลับดีกว่า ระหว่างได้ที่เดินออกมาได้ยินเสียงภาษาไทยเหอะ คนไทยนี่หว่ามาเป็นครอบครัวเชียว ตอนนี้ก็เลยเวลาตามกำหนดของไกด์แล้วอ่ะ สายตลอด เดินออกมาเนี่ยเจอไกด์รออยู่หน้าประตูวัดเลยเหอะ แหม.. เลสบ้างไรบ้างกว้างซะขนาดนี้

สำหรับการเดินทางมาที่นี่ทำได้สองวิธีคือ แว๊นมาแบบ จขบ. กับอีกวิธีหนึ่งคือล่องเรือมากินลมชมวิวชิวๆ กับสายน้ำ โดยเรือจะมาจอดบริเวณหน้าวัดเลยล่ะ เรียกว่าจอดถึงท่ากันเลยทีเดียว ราคาก็ไม่ถูกนะเนี่ย ตอนกลางคืนเหมาลำ 100 US$ เหอะ เอาล่ะได้เวลาแว๊นรถมอเตอร์ไซค์ไปกันต่อแล้วล่ะ จุดหมายต่อไปของตลาดดงบา ต้องไปแลกตังค์ก่อนแระตังหมดเหอะ ไว้มาต่อตอนหน้าค่ะ .. ง่วงแล้วง่ะ

Create Date :16 พฤษภาคม 2555 Last Update :16 พฤษภาคม 2555 2:14:11 น. Counter : Pageviews. Comments :0