bloggang.com mainmenu search
สำหรับวันนี้ตามพวกเราไปเที่ยวถนน Orchard สวรรค์ของนักช็อป และ Clarke Quay แหล่งเที่ยวยามราตรีของคนสิงคโปร์กันดีกว่า

ต่อจากตอนที่แล้วไปเที่ยวสวนนกจู่รงกันมา ก็นั่ง MRT สายสีม่วงมาลงที่ Dhoby Ghaut สำหรับใครที่อยากไป Orchart เลยก็ต่อรถ MRT สายสีแดงไปลงสถานี Orchard ได้เลย แต่ตามที่คัมภีร์บอกว่า ลงตรง Dhoby Ghaut แล้วเดินไปเรื่อยๆ ดีกว่า เพราะที่นี่เป็นหัวถนนของ Orchard

ก่อนอื่นเรามารู้จักประวัติของถนน Orchard กันก่อนดีกว่า เดิมทีนั้นถนนเส้นนี้เป็นถนนที่เงียบเหงา เต็มไปด้วยสวนพริกไทยและจันทน์เทศน์ตลอดสองข้างทาง 2.5 กิโลเมตร มีเจ้าของสวนที่ชื่อว่า Scotts, Cuppage และ Cairnall ต่อมาเกิดโรคระบาดทำให้เจ้าของสวนอพยพไปที่อื่น จนกระทั้งศตวรรษที่ 19 รัฐบาลได้เข้ามาฟื้นฟูด้วยการขุดคลองและสร้างตึกสูงในเวลาต่อมา จนกลายเป็นย่านที่มีชื่อเสียงที่สุดในสิงคโปร์ ไม่น่าเชื่อนะว่ามันจะเจริญได้ขนาดนี้จากสวนพริกไทยกลายมาเป็นถนนช็อปปิ้ง

Where to Shop?
Check out the meny malls sprinkled along Singapore's Orchard Road, famous for its fresh pickings of designer labels, stylish fashion, must have accessories, books, jewellery, toys, gadgets and more. Then venture off for fruitful shopping experiences elsewhere on the island. With so many shopping stops, you can count on a great buy for everyone in the family, around every corner.

จากสถานี Dhoby Ghaut พอออกจากสถานีก็เจอกับห้างที่ชื่อว่า Plaza Singapura เป็นห้างในยุคแรกๆ ของ Orchard สร้างในปี ค.ศ 1990





ใหญ่เอาการเลยล่ะ แต่เนื่องจากว่าวันนี้ยังไม่ได้กินมื้อหนักๆ เลย ไม่ไหวแล้วไม่ช็อปแล้วหาของกินกันก่อนดีกว่า เดินไปเดินมาก็เจอ Food เอาล่ะที่นี่ล่ะ แล้วจะกินอะไรดีล่ะฉัน เดินวนไปมาตั้งสองรอบก็ยังเลือกไม่ได้ แต่ไม่ไหวแล้ว เอานี่ล่ะอยากกินอะไรร้อนๆ Seafood Soup นี่ล่ะ เห็นเค้าติดว่า Thai style เอานี่ล่ะ เค้าถามว่าเอาเผ็ดไหม ขอ Spicy เลยงานนี้



อย่างที่เห็นนี่เผ็ดแล้วนะเนี่ย นึกว่าแกงจืดบ้านเรา เอานะไม่ไหวหิวแล้ว ลุยกันเลยดีกว่า ร้านนี้เค้ามีโฆษณาเหมือนหมึกแดงบ้านเราน่ะ ว่าอร่อย มันก็โอเคนะ รสชาติดีเชียวนะ ถ้าคิดว่าทำให้ฝรั่งกินอ่ะ แต่ที่เผ็ด เผ็ดจริงๆ ก็ซีอิ้วพริกนี่แหละ พริกสดที่นี่เผ็ดมากๆ ด้วยความหิวตอนนี้อร่อยหมดล่ะ พอกินเสร็จก็เริ่มอยากได้โค้กสักแก้ว ก็เลยไปที่เคาเตอร์น้ำมาทั้งทีกินโค้กได้ไง ลองอะไรแปลกๆ ดีกว่า

บนกระดานก็มีคำว่า Kopi ขึ้นต้นเรียงเป็นแถวเลย ด้วยความที่คิดเยอะ สงสัยมันต้องอร่อยแน่ๆ เลย เห็นเขียนเรียงเป็นแผงเลย ไอ้เจ้า kopi เนี่ย ก็เลยสั่งนี่ล่ะ พอเห็นเค้าทำเซ็งเลยฉัน ไอ้เจ้า kopi เนี่ยมันกาแฟเย็นนี่หว่า



ให้ตายสิ รสชาติแย่มาก เท่าที่เคยกินกาแฟมา ทำไมมันจืดสนิทอย่างนี้ล่ะ ตั้ง S$1.70 แนะ รู้งี้กินโค้กดีกว่า นั่งกันสักพักเริ่มหายเหนื่อยแล้ว ไปต่อกันดีกว่า ก็ออกจากห้าง ตามคัมภีร์บอกว่าจะต้องไปต่อที่ห้าง Merdien มองไปรอบๆ ห้างนี้มันอยู่ตรงไหนล่ะเนี่ย เริ่มไม่ได้การ ถามเค้าดีกว่า ก็เลยตรงไปถามน้องผู้หญิงคนหนึ่งว่าห้างนี้อยู่ที่ไหน

คำตอบของน้องคือ ไม่รู้จักห้างนี้ แต่ด้วยความมีน้ำใจเค้ากำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่ ก็ถามเพื่อนให้ว่าห้างนี้อยู่ตรงไหน เค้าก็อธิบายว่าให้เดินตรงไป แล้วก็อธิบายอะไรอีกก็ไม่รู้ยาวเชียว ก็เลยเอาคัมภีร์ให้เค้าดูรูป ว่าใช่แน่นะ เค้าบอกว่าใช่ เราก็เลยเดินตรงไปตามที่น้องเค้าบอก





สักพักก็เจอห้าง Meridien เรามาถูกทางกันแล้ว เลยจากห้างนี้ไปตามคัมภีร์บอกว่าจะเจอกับศูนย์อาหารที่มีชื่อว่า "Orchard Hawker" แหมเสียดายเมื้อกี้ยังอิ่มอยู่เลย เลยไม่ได้แวะ



พวกเราก็เลยเดินผ่านไป แล้วก็มาเจอห้าง Orchard Point คัมภีร์บอกว่า ที่นี่รวบรวมสินค้าแบรนด์ดังเอามาลดราคากับสุดๆ ก็เลยต้องแวะกันหน่อยเสียแล้วงานนี้





เดินเข้าไปสงสัยมาผิดช่วงหรือเปล่าเนี่ย เพราะดูเหมือนจะลดแบบธรรมดา 50% เหมือนที่กำลังลดบ้านเราเลย เดินสักพักดูท่าจะไม่ได้อะไรไปดีกว่า

ออกจากห้างก็เดินตรงไปเรื่อยๆ เพราะเป็นถนน Orchard ทั้งเส้น แล้วก็เจอกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Singapore Visitor Centre เป็นตึกที่ทำเก๋มาก ใครผ่านไปมาก็ต้องแวะถ่ายรูปที่นี่ ก็ดูตึกบริการนักท่องเที่ยวเค้าสิ งามแต้งามเหลือ



ตอนนี้ถนนเส้นดูครึกครื้นจัง ผู้คนเดินไปมากับเต็มไปหมด ยังกับถนนมีชีวิต สร้างสีสันให้เมืองนี้ไม่ใช่น้อย พลอยทำให้เด็กบ้านนอกอย่างเราตื่นตาตื่นใจไปด้วย แหม ก็ดูบ้านช่องเค้าสิ น่าเดินชะมัด ระหว่างทางก็เดินเก็บภาพไปเรื่อยๆ











จากรูปจะเห็นเป้าหมายของเราแล้วอยู่ข้างหน้านั่นเอง ESPRIT นั่นเอง ลดตั้ง 70% ไปดูสักหน่อย อยู่บ้านเรา Shop นี่ไม่เคยเข้าเลย แพง แต่อยู่ที่นี่ยังกะ PENA เลย ลด 70% ก็พอซื้อไหวหน่อย แต่สุดท้ายเข้าไปก็ไม่ได้อะไรเลย Window shop จริงๆ เลยงานนี้

ตอนนี้เริ่มมืดแล้วล่ะ พวกเราก็นั่งรอพี่เล็ก เพราะนัดกันว่า จะพาไปดูแสงสีตอนกลางคืน ก็รออยู่ที่หน้าห้าง Takashimaya ระหว่างที่รอก็เห็นคนเดินกินลูกชิ้นลูกโตกันเรื่อยๆ เลย พี่นุชเลยบ่นว่าอยากกินลูกชิ้นจัง มองไปทางไหนก็ไม่มีวี่แววร้านขายลูกชิ้นข้างทาง ก็เลยนั่งมองตาละห้อยต่อไป สักพักพี่เล็กก็เดินมา แล้วก็พาไปร้านนี้



ตอนแรกก็เห็นอยู่ไกลๆ แล้วล่ะว่าร้านนี้มันขายอะไรหว่าคนมุงกันเยอะเชียว แล้วก็ถึงบางอ้อ ร้านขายลูกชิ้นนี่เอง โห ไฮโซจริงๆ เลย คือไม่คิดว่ามันเป็นร้านขายลูกชิ้นเลยนะเนี่ย ที่นี่มีลูกชิ้นปลาลูกโตๆ ที่อร่อยมาก มีปูอัดทอดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเสียบไม้ กุ้งทอดที่ได้รสชาติกุ้งจริงๆ ร้านนี้อร่อยทุกอย่างเลยล่ะ ที่สำคัญถุงใส่น้ำจิ้มเค้าเก๋มากๆ ส่วนถุงสีเหลืองนั่น ถุงลูกชิ้นนะนั่น เป็นถุงผ้าอย่างดีเลย เก๋ไหมล่ะ



ใครได้แวะมาสิงคโปร์ห้ามพลาดร้านนี้เชียวนะ อร่อยจริงๆ ร้านเค้ามีน้ำขายด้วยล่ะ มีอยู่แบบเดียว ไม่ต้องเลือก แค่เลือกว่าเอาหรือไม่เอาแค่นั้นเอง รสชาติก็เปรี้ยวๆ กินกับลูกชิ้นไม่เลี่ยนดีเหมือนกัน

จากนั้นพี่เล็กก็พาเดินเข้าไปเที่ยวในห้าง Taka ที่นี่คนเยอะ จะว่าไปแล้วคนเยอะทุกห้างเลยล่ะ นี่ขนาดเป็นห้างติดๆ กันยาวเกือบสองกิโลนะเนี่ย



ในห้างนี้ขายของเยอะมาก แต่เรามาสะดุดตาตรงไอ้เจ้าเครื่องย่างไก่นี่ล่ะ เก๋ดี ไม่ต้องมาปิ้งเหมือนบ้านเรา ไอเดียเค้าดีจริงๆ



ที่ห้างนี้มีคาร์ฟูด้วยล่ะ ก็เลยเดินเข้าไปซื้อของฝาก เห็นคัมภีร์บอกว่า ส่วนใหญ่ก็ซื้อขนมสิงคโปร์ แต่พี่เล็กบอกว่าไม่อร่อย ก็เลยลองซื้อมาดู สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าลองชิม (รสชาติไม่อร่อยเหมือนที่พี่เล็กบอกเลย)



ในห้างก็มีของบ้านเราไปขายเยอะแยะเลย เถ้าแก่น้อยยังมีเลยล่ะ เพราะฉะนั้นจะซื้ออะไรก็ระวัง Made in Thailandนะจ๊ะ แต่ที่เห็นแปลกก็มีเจ้าน้ำ Anything กะ Whatever นี่ล่ะ น้ำอะไรหว่า พี่เล็กบอกว่ากำลังฮิตในเน็ตเลย มันเป็นน้ำที่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นน้ำอะไรอยู่ข้างใน เพราะฉะนั้นถ้าใครมาที่นี่แล้วสั่งน้ำอะไรก็ได้ ก็จะได้สมใจนึกเลยล่ะ อะไรก็ได้ เออคิดได้ไงเนี่ยคนผลิต



เดินเลือกซื้อของกันอยู่พักหนึ่งก็เดินออก พี่เล็กพาไปเข้า Shop อีกครั้ง ครั้งนี้ค่อยประสบความสำเร็จหน่อยได้มาพอสมควร กว่าจะได้ก็ยากอยู่นะ เพราะ Concept เราคือประหยัด



ช็อปกันเสร็จก็เดินย้อนกลับมาทาง Dhoby Ghaut นั่นแหละ เพื่อไปต่อกันที่ย่าน Clarke Quary แหล่งสถานบันเทิงของคนที่นี่ ออกแนวเหมือน RCA บ้านเรานั่นแหละ แต่แตกต่างที่บรรยากาศผิดกันเยอะ

Are you ready for an evening of good food, drinks, entertainment and dancing by the Singapore River?

Here you can choose from various eating outlets, pubs, sport bars, clubs and even a cabaret. Boat Quay and Clarke Quay have maximised their potential to offer a slew of novel, gilded, multicultural delights and is now branded as a 24 hour entertainment zone. Clarkd Quay in particular has seen a massive revamp to the tune of millions, and now boats cosmopolitan attractions to rival similar waterfront venues around the world.

ที่นี่อยู่ตรงแม่น้ำสิงคโปร์ แต่เดิมที่นี่เป็นที่ขนถ่ายสินค้าผ่านเรือเอี้ยมจุ้นของชาวจีน พอธุรกิจเปลี่ยนไปมีการสร้างท่าเทียบเรือขึ้นมาแทน ที่ตรงนี้เลยเป็นตึกร้าง และในที่สุดรัฐบาลก็เข้ามาบูรณะตึกแถวนี้ให้เป็นแหล่งความบันเทิงของคนสิงคโปร์ จนกลายเป็นแหล่งกินดื่มที่โดดเด่นของสิงคโปร์









วัยรุ่นที่นี่นิยมมานั่งคุยกันที่ริมน้ำนี่ บ้างก็มากันเป็นกลุ่ม บ้างก็มากันเป็นคู่ ดูแล้วก็แปลกตาดี คือไม่คิดว่าจะมานั่งคุยกันริมน้ำแบบนี้ แต่ก็นะบรรยากาศดีจริงๆ









ที่นี่ตกแต่งด้วยแสงสีจริงๆ มีน้ำพุน้ำอยู่ตรงกลาย นักท่องเที่ยวก็ชอบมาถ่ายรูปกันตรงนี้ สวยเชียวล่ะ บางคนก็เล่นน้ำให้มันเปียกซะงั้น สาวๆ พอเปียกน้ำก็ดูเซ็กส์ซี่ไม่หยอก คิดดูล่ะกันขนาดพื้นยังติดไฟเลยล่ะ

แต่เป็นที่สังเกตุว่าคนที่มาเที่ยวส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานเสียมากกว่า ไม่ค่อยเห็นเด็กๆ มาเที่ยวที่นี่เลย (ไม่เหมือนบ้านเรา เพียบ) ทำให้ที่นี่ดูเหมือนสถานที่พักผ่อนหลังเลิกจากงานเสียมากกว่า มานั่งกินดื่มคุยกันเป็นกลุ่ม ดูดีจัง แต่ดูเหมือนว่าร้านที่คนเข้าเยอะๆ จะเป็น PUMP ROOM พี่เล็กบอกว่าที่คนเยอะเพราะไม่เสียค่าเข้า









แต่ร้านที่ดูแปลกตาคงเป็นร้านนี้ที่มีชื่อว่า "CLINIC" ไอเดียเก๋ๆ ของคุณหมอ ที่นั่งเป็นเตียงโรงพยาบาล มีสายน้ำเกลือห้อยด้วย แต่ใส่สีแดงไว้ข้างในเลยดูแปลกดี



ส่วนใครที่อยากหวาดเสียวก็ต้องนี่เลย GMAX REVERSE BUNGY รับรองว่าได้กรี๊ดแบบสะใจแน่ๆ แถมมีกล้องติดให้คนด้านล่างดูหน้าตาแต่ละคนเวลาขึ้นบันจี้ไปแล้วอีกด้วย





พวกเราก็เดินดูกันอยู่สักพักก็เดินกลับบ้าน วันนี้โชคดีได้นั่งรถเมล์สาย 80 รถเมล์สายเทพเจ้า เลยได้นั่งชมวิวกลางคืนไปในตัว แต่เป็นที่สังเกตุว่าในเมืองที่นี่ไม่มีปั๊มน้ำมันเลย จะไปมีก็ออกชานเมืองไปแล้ว ที่นี่จัดระเบียบได้ดีจริงๆ ไม่มีปั๊มน้ำมัน คนก็ไม่ใช้รถหันมาใช้รถสาธารณะแทน

และแล้ววันที่สองของค่ำคืนที่สิงคโปร์ก็จบลง ต้องไปนอนล่ะ เพราะพรุ่งนี้เราต้องไปเซนโตซ่าล่ะ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ 1 วันในเซนโตซ่า ....
Create Date :11 สิงหาคม 2550 Last Update :20 พฤษภาคม 2554 15:56:05 น. Counter : Pageviews. Comments :3