bloggang.com mainmenu search
ตอนที่แล้วพวกเราสองสาวข้ามฝั่ง จากฮ่องกงมาเซินเจิ้น โดยรถไฟล่ะ จริงแล้วตามแผนเดิมที่วางไว้ของพวกเราคือนอนที่เซินเจิ้นไปแวะเที่ยว WOW (window of the world), สวนสนุก Happy Valley นอนโรงแรมรถไฟสักคืนแล้วค่อยบินกลับ แต่เนื่องจากฝนตกแผนกำหนดการก็โดนเลื่อนหมด ดังนั้นทริปนี้สำหรับเซินเจิ้นก็เหลือแค่อย่างเดียวคือช็อปปิ้ง

สำหรับเซินเจิ้นแล้วที่นี่ใช้ภาษาจีน ในห้าง LoWu สำหรับชาวไทยไม่ต้องกลัวเลยเรื่องภาษาเพราะความที่คนบ้านเรามาเมืองเค้าเป็นว่าเล่น แม่ค้าพ่อค้าที่นี่จึงพูดภาษาไทยได้บ้างล่ะ ซึ่งจากตอนที่แล้วลืมเล่าให้ฟังว่าเข้ามาเดินห้าง Lowu เจอแม่ค้าสิงด้วยล่ะ สาเหตุก็คือเธอจะพยายามตื้อให้พวกเราเข้าไปดูของร้านเธอให้ได้ เรียกว่าเราเดินไปไหนเธอเดินตาม เล่นเอากลัวเหมือนกันนะเนี่ย ดีนะที่เรามากันสองคนเลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ ซึ่งก็ตัดความรำคาญโดยยอมตามเธอไปดูของที่ร้านเธอแต่โดยดี ไม่งั้นการช้อปปิ้งวันนี้ไม่สงบสุขแน่ๆ

พวกเราเดินไปเดินมาบนห้าง LoWu กันสักพัก ไปเดินตลาดตงเหมินกันดีกว่า เพราะบนนี้ช้อปไม่มันเลยอ่ะมีแต่ของแพงๆ ทั้งนั้น ก่อนไปก็แอบไปแวะดูลาดเลาก่อน เพราะคืนนี้เราต้องไป Airport ด้วยรถบัสสาย K568 ก็เลยไปหารถบัสเอาไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องตื่นเต้นเวลาจะกลับบ้าน จากนั้นก็นั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Lowu ไปยังสถานี Laojie ล่ะ





ค่ารถไฟฟ้าก็ 2 CNY เองอ่ะ เรานะชอบป้ายบอกสถานีของที่นี่มาก เพราะมันมีไฟวิ่งด้วยอ่ะ บ้านเราไม่ยักกะมีแฮะสงสัยงบหมดแน่ๆ เลยอ่ะ พอออกจากสถานี ที่นี่มันที่ไหนวะแล้วตรงไหนมันตงเหมินฟ่ะเนี่ย ป้ายก็อ่านไม่ออก เอาวะมาถึงนี่แล้วลุยเดินๆ ไปก่อนล่ะกัน





ข้อมูลตลาดตงเหมิน (Dongmen) เป็นศูนย์รวมแห่งการช้อปปิ้งสินค้าภายในประเทศ ที่นี่นับว่าเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาช้อปปิ้งเป็นอันดับสองรองจากห้าง Lowu ล่ะ เพราะนอกจากที่นี่จะเป็นแหล่งช้อปปิ้งแล้วยังเป็นแหล่งรวมเรื่องอาหารการกินอีกด้วย ตามพวกเราสองสาวมาตะลุยช้อปปิ้งกันดีกว่า



พวกเราก็เดินเข้านั้นออกตึกนี้ชนิดที่ว่าเดินมันไปเรื่อยๆ นั่นแหละ ที่นี่มีสินค้าหลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ของเล่น ราคาก็ไม่แพงเรียกว่าใครชอบต่อรับรองว่าสนุกแน่ๆ ตอนแรกเราก็ไปซื้อกางเกงยีนส์ต่อลงไป 40% แม่ค้ารีบให้เลย เลยรู้ว่าต่อได้อีกจากนั้นก็เข้าไปต่อกันทุกร้าน เรียกว่าต่อแหลก 70% กันเลยทีเดียว



แต่ที่โดนสุดๆ ก็เห็นจะเป็นร้านขายรองเท้าร้านนี้แหละ โอ้โห.. กันเลยทีเดียว จะหาเจอไม่เนี่ย มันกองเป็นภูเขาขนาดนี้ นอกจากนี้ยังมีร้านขายพวกลูกชิ้น ปลาหมึกที่ใครๆ ผ่านไปมาก็ต้องแวะซื้อ





ว่าแต่ที่นี่เค้าไม่ทำงานวันจันทร์กันหรือไงหว่า คนเดินกันเยอะมากๆ ยังกะวันหยุดงั้นล่ะ ลืมเล่าให้ฟังไปว่าที่ตงเหมินจะมีคนคอยเชิญชวนพวกเราตลอดทางเลยว่าทำนั่นทำนี่ไหม หมายถึงศัลยกรรมหรือทำเล็บอะไรทำนองนี้แหละ ไอ้เราก็มองหน้ากันพวกตรูหน้าแย่ขนาดนั้นเลยเหรอฟ่ะ เพราะเดินพุ่งเข้ามาหาเราสองคนตลอดเลยอ่ะ

พวกเราเดินไปเดินมาต่อราคากันสนุกสนาน จนมาเจอร้าน 2 CNY ด้วยล่ะ ก็เหมือนร้าน 20 บาทในตลาดบ้านเรานั่นล่ะ มีของให้เลือกเยอะแต่ของเค้าคิดเป็นเงินไทยก็ 10 บาทเอง พวกเราเดินในตลาดตงเหมินกันเกือบสี่โมงเย็นแล้วไม่ได้การล่ะกลับกันดีกว่า แล้วกลับไงล่ะเนี่ย มองซ้ายมองขวานั่นไง MRT ก็นั่งรถไฟฟ้ากลับไป Lowu

พอมาถึง Lowu ก็เอาของไปเก็บที่ล็อกเกอร์ที่เช่าไว้แล้วก็มาเดินในห้าง Lowu กันอีกรอบ ก็เดินฆ่าเวลาระหว่างรอกลับนั่นล่ะ ที่นี่เรามีเวลาอีก 2 ชั่วโมง เดินไปเดินมาก็ไปเจอร้าน "Yong Li Leather Watches Shop" เจ้าของร้านชื่อ สตีเว่น หรือ A Xiang ตอนแรกก็แค่แวะเข้ามาดูกระเป๋า Louis เฉยๆ พอเค้าตื้อไม่ยอมให้ออกจากร้าน หุหุ ไม่รู้จักเจ๊ตรูซะแล้ว

เจ๊พู่เราเลยลงมือต่อด้วยความชำนาญ จากใบเดียว 420 CNY เหลือ 250 CNY สตีเฟ่นถึงกับส่ายหัวร้องโหเลยทีเดียว สุดท้ายก็เลือกไปเลือกมาได้มา 3 ใบจาก 850 CNY เหลือ 650 CNY ขอรูดการ์ดไม่ให้ชารต์ด้วย สตีเฟ่นยอมแพ้เลย เลยบอกว่าเดี๋ยวกลับมาจะมาแนะนำเพื่อนๆ ไปซื้อ เพื่อนๆ ท่านใดไปเซินเจิ้นก็ลองไปแวะร้านนี้ดูนะ สตีเฟ่นให้ราคาโอเคอ่ะ แถมขอเค้าเกรด AAA ด้วยล่ะ และศัพท์ที่แนะนำก็คือ "ไทกุ้ย" แปลว่าแพง เอาไว้ต่อราคานะ

สิ่งที่ขาดไม่ได้เวลามาช้อปปิ้งอย่าลืมพกเครื่องคิดเลขไปกันล่ะ เพราะหากราคาไม่ดีก็กดเครื่องเลย เอาเท่านี้แหละ โอเคไหมไม่โอเคก็เดินออกเลย ก็สนุกดีเป็นสีสันแห่งการซื้อของมากๆ สุดท้ายพวกเราก็แบกของไปที่ล็อกเกอร์ จัดแจงแพ็คสัมภาระจากกระเป๋าคนละใบเพิ่มเป็น 3 ใบเลยช้านนน



จากนั้นก็ไปขึ้นรถบัสสาย K568 มุ่งหน้าสู่ Airport ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ก็นั่งดูวิวกลางคืนเมืองเซินเจิ้นกันไป





พอมาถึงก็เดินหา International Terminal เลย เดินกันขาลากเลยอ่ะ จากตึก A เราก็เดินมาตึก D เอากลายเป็น Domestic ซะงั้น ตึกมันไม่ได้เรียงจาก ABCD มันเรียง DABC และตึกสุดท้ายคือ C เป็นตึก Inter Terminal เดินกันขาลากเลย แถมตึกต่างประเทศเล็กยังกะในประเทศเลยอ่ะ ไม่ค่อยมีของขายด้วย เลยเดินกลับมาตึก A ใหม่



มาเมืองจีนทั้งทีมาลองพิซซ่าจีนกันหน่อย เป็นงงมากขนาดสนามบินนานาชาติยังไม่ใช้ภาษาอังกฤษเลยอ่ะ พวกเราก็เลยต้องใช้ดัชนีนางตามเคย อยากกินอะไรชี้แหลก





ราคา 30 CNY รสชาติก็ใช้ได้อยู่นะ แต่น้ำส้มนี่ไม่ผ่านรสชาติประหลาดมากอ่ะ พอทานกันเสร็จก็เดินกลับมาตึก C รอ Check In จนถึง 21.30 น. ถึงจะได้เข้าไป แต่กว่าจะผ่าน ตม. อรหันต์ได้ 3 ด่าน ตรวจคนเข้มมากๆ พอผ่านก็ไปนั่งรอเครื่อง รอจนจะหลับเลย เพราะเครื่อง Delay ไปเกือบครึ่งชั่วโมง มาถึงเมืองไทยเกือบตีสามแนะ

สำหรับทริปนี้ถือเป็นอีกทริปที่ประทับใจในการเดินทางต่างแดน เพราะมีเรื่องราวให้เราได้เรียนรู้ตลอดการเดินทาง ภาษาที่สามกลายเป็นสิ่งสำคัญขึ้นมาทันที หลายสิ่งที่คิดไว้ก็ไม่เป็นดังใจนึก มาเก๊าดูเหมือนเป็นเมืองน่าเที่ยว แต่ผู้คนกลับไม่มีน้ำใจสักเท่าไหร่ ผิดกับฮ่องกงที่ผู้คนมีมิตรไมตรีจิตเสียมากกว่าทั้งที่เป็นเมืองใหญ่ เซินเจิ้นก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ การเดินซื้อของทำให้พวกเราได้เรียนรู้ว่าโลกของการค้ามีอะไรมากกว่าที่คิดไว้ ทริปนี้แม้จะผิดแผนไปบ้าง แต่ก็เป็นที่น่าพอใจสำหรับมือใหม่อย่างพวกเรา แล้วพบกันใหม่ทริปต่อไปนะคะ ..
Create Date :02 ธันวาคม 2552 Last Update :2 ธันวาคม 2552 1:38:18 น. Counter : Pageviews. Comments :13