จากตอนที่แล้วเราเดินเที่ยว ถนนแห่งความสุขกับเซนาโด้สแควร์ กันแล้ว เรามาตามล่าหาจุดหมายที่สองของเรากันต่อดีกว่า โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทานขนมเท่าไหร่นัก แต่สำหรับทริปนี้มันมีความพิเศษตรงที่ว่า "มามาเก๊าต้องไปชิมทารต์ไข่" เค้าว่ากันมาแบบนี้แล้วมิหรือจะพลาด ตามพวกเราไปหาร้าน Margaret ที่ขึ้นชื่อบนเกาะมาเก๊ากันดีกว่า

จากหน้าจตุรัสเซนาโด้พวกเราเดินตรงไปเรื่อยๆ จนเจอสี่แยกแรกเดินผ่านไป ร้านจะอยู่ตรงสี่แยกที่สองล่ะ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปนิดเดียวจะเห็นป้ายร้าน Magaret ล่ะ แต่ขอบอกก่อนที่จะบอกทางให้เพื่อนๆ ฟันเนี่ยหลงหลุดไปหลายที่เลยล่ะ ต้องเดินย้อนกลับมา แถมตอนนี้ฝนเริ่มตกล่ะ แต่นะเพื่อมาร์กาเร็ตเราต้องหาให้เจอ ซึ่งในที่สุดก็เจอจนได้



ป้ายนี้จะเป็นป้ายที่ติดอยู่ตรงซอยทางเข้าไปยังร้าน ป้ายนี้จะติดอยู่สูงหน่อย มองหากันให้ดีๆ นะ พอเห็นแล้วเดินเข้าไปในซอยร้านอยู่ทางขวามือล่ะ





ร้านนี้สังเกตุง่ายคนจะเยอะมาก ที่นั่งก็เต็มที่ยืนก็เต็มเต็มมันทุกที่เลยล่ะ เพราะร้านเค้าดังเลยมีคนจากทุกทั่วสารทิศแห่กันมาที่นี่ ร้านเค้าเปิดทุกวันแหละ แต่จะปิดไม่เหมือนกัน วันจันทร์ถึงเสาร์เปิด ๐๖.๓๐ - ๒๐.๐๐ น. ส่วนวันอาทิตย์เปิด ๐๙.๐๐ - ๑๙.๐๐ น. ล่ะ



ภายในร้านเค้าขายหลายอย่างนะไม่ใช่แต่ทาร์ตไข่อย่างเดียว เห็นมีพวกอาหารจานเดียวด้วยล่ะ แต่ไม่ได้ลองแฮะ เพราะฝนตกที่นั่งก็ไม่มี ที่ยืนรอยังจะไม่มีเลยล่ะ ก็เลยซื้อแต่ทาร์ตไข่ ก็เดินเข้าไปชี้เอาทาร์ตไข่ คนขายคนจึนก็พูดอะไรก็ไม่รู้ เราก็งงดิ ตรูผิดตรงไหนวะ สักพักก็มีป้าคนขายอีกคนพูดภาษาอังกฤษว่าต้องไปจ่ายตังค์ก่อนจึงจะมารับของตรงนี้ อ้าว นึกว่าเดินมาบอกเค้าก่อนว่าจะเอากี่อัน แล้วค่อยถือไปจ่ายตังค์ ราคาทาร์ต์ไข่ก็ 7 MOP$ ประมาณ ๓๕ บาทไทยนั่นล่ะ





เราก็เพิ่งเคยทานทาร์ตไข่เป็นครั้งแรก ก็ไม่รู้จะเปรียบกับอะไรอ่ะนะ แต่ทานแล้วก็อร่อยดีนะ เพราะกัดเข้าไปก็จะเจอเนื้อที่เป็นไข่ล้วนๆ มันๆ อร่อยดี แต่รู้สึกว่ามันจืดไป น่าจะต้องหวานกว่านี้อีกนิด ตอนนี้ฝนกำลังตกเลยล่ะ นี่พวกเรามายืนหลบฝนกินทาร์ตไข่มันตรงหน้าแบงค์อะไรสักอย่างนี่แหละ ฝนตกหนักเลยล่ะ งานเข้าแล้วชั้นมาเที่ยวทั้งทีอุตส่าห์จองเครื่องเดือนมีนาคมเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบายๆ กำลังดี มาเจอภาวะโลกร้อนทำให้อากาศเปลี่ยน เซ็งไปเลย เอานะรอดูฝนสักหน่อย .. เพราะตามโปรแกรมที่เราจัดไว้ครึ่งวันบ่ายนี่เราจะเดินเที่ยวมรดกโลกให้หมดล่ะ