bloggang.com mainmenu search
ตอนที่แล้วพาเพื่อนๆ ไปชิม ตั่นหนา กันมาแล้ว สำหรับตอนนี้เราจะไปต่อกันที่จตุรัสเอากุสติน เดินหาตั้งแต่กลางวันล่ะหาไม่เจอสักที ที่ไหนได้อยู่ฝั่งตรงข้ามเซนาโด้สแควร์นี่เอง



เป็นซอยให้เดินขึ้นไปด้านบนเป็นเหมือนภูเขามาก่อนเลยล่ะ เพราะเดินขึ้นไปยังกะเดินขึ้นเขาสักลูกไงงั้นล่ะ เล่นเอาเฮฟวี่เวฟอย่าพวกเราเหนื่อยไปตามๆ กัน กว่าจะได้เจอจตุรัสเซนต์เอากุสติน



จตุรัสเซนต์เอากุสติน (St. Augustine's Square) จะมีอาคารสำคัญล้อมรอบเช่นโบสถ์เซนต์เอากุสติน (St' Augustine's Church) โรงละครดอมเปโตรที่ห้า (Dom Pedro V Theatre) โรงเรียนนักธรรมและโบสถ์เซนต์โยเซฟ (St. Joseph's Seminary and Church) และห้องสมุดเซอร์โรเบิรต์โฮทุง (Sir. Robert Ho Tung Library) ซึ่งถนนปูด้วยก้อนหินแบบโปรตุเกส



โรงเรียนนักธรรมและโบสถ์เซนต์โยเซฟ (St. Joseph's Seminary and Church) ว่ากันว่าบุคคลสำคัญที่มีบทบาทในงานมิชชันนารีในประเทศจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้จบการศึกษาจากโรงเรียนนักธรรมแห่งนี้ สร้างขึ้นในปี ๑๗๒๘ มีหลายส่วนคล้ายกับโบสถ์เซนต์ปอล เช่น เส้นโค้งบนทับหลัง ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมโบสถ์แต่ไม่เปิดให้ชมโรงเรียนนักธรรมล่ะ





โบสถ์เซนต์เอากุสติน (St' Augustine's Church) เป็นโบสถ์ที่สร้างโดยใช้ไม้เป็นวัสดุก่อสร้าง ต่อมาได้โบสถ์ถูกย้ายไปที่จัตุรัสซานโตอะกอสทินโยในปี ๑๕๙๑ โดยสมัยนั้นเมื่อฝนตกบาทหลวงจะใช้ใบต้นปาลม์พัดวางคลุมหลังคาโบสถ์ ซึ่งเมื่อเวลาต้นปาลม์โบกไปมาในสายลมดูแล้วเหมือนหนวดมังกร โบสถ์แห่งนี้จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "ลองซองมิว" หรือ "วัดมังกรหนวดยาว" ซึ่งโบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์แห่งแรกที่มีการเทศน์เป็นภาษาอังกฤษในมาเก๊า โดยตามธรรมเนียมชาวคาทอลิก ช่วงเทศกาลอีสเตอร์ของทุกปี ผู้ศรัทธาทั้งหลายจะแบกไม้กางเขนและเดินจากโบสถ์เซนต์เอากุสตินไปยังมหาวิหารแล้วแบกกลับมาไว้ที่เดิมในวันรุ่งขึ้น

แต่ละสถานที่ที่พวกเราเดินวันแรกของมาเก๊าล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่มีประวัติอันยาวนาน มิน่าละที่นี่จึงได้ขึ้นทะเบียนเป็น "มรดกโลก" พวกเราเดินชมสถานที่อยู่พักหนึ่งก็เดินกลับลงมา



พวกเราตกลงกันว่ากลับไปที่พักกันก่อนดีกว่า วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันล่ะ ก็เล่นเดินกันมาราธอนซะขนาดนี้ ตามโปรแกรมวันแรกเราต้องเก็บฝั่งมาเก๊าให้หมด ซึ่งความเป็นจริงไม่หมดหรอกต้องสักสองวันน่าจะหมดพอดีล่ะสำหรับฝั่งเกาะมาเก๊านะ



พอถึงห้องพักก็เลยมีสภาพอย่างที่เห็นคือ พอเจอเตียงยังกะเจอสวรรค์ หมดสภาพไปตามๆ กัน ดีนะที่ที่พักอยู่ใกล้กับเซนาโด้สบายไป แต่อย่าคิดว่าวันแรกเราจะจบแค่นี้ มามาเก๊าทั้งทีจะไม่ไปดูแสงสีก็กะไรอยู่ใช่ป่ะ พอพักเหนื่อยกันได้สักพักก็ออกไปเดินหาน้ำพุที่ทะเลสาบ แต่เดินเท่าไหร่ก็หาทะเลสาบไม่เจอ สุดท้ายไปไปจบที่คาสิโนลิสบัวซะงั้น











ยามค่ำคืนตึกสูงๆ ในมาเก๊าเปิดไฟยิงเลเซอร์กันสุดเหวี่ยง สาเหตุที่เค้าไม่ประหยัดไฟกันเพราะเค้ามีความเชื่อว่าการทำให้เกิดแสงเป็นการเรียกพลังให้กับสถานที่ตามตำราฮวงจุ้ยเค้าล่ะ ดังนั้นยามค่ำคืนที่นี่แสงสีจึงตระการตาเป็นที่สุด ล่อตาล่อใจและเงินในกระเป๋าเรายิ่งนัก

พวกเราเลือกเข้าไปที่ลิสบัว (Lisbua) เข้าไปต้องบอกว่าอลังการเหมือนบ่อนในหนังจีนเลยล่ะ มีหลายชั้นให้เลือกเล่นกันตามอัธยาศัย ตอนแรกเข้าไปเข้าถามเราสองคนว่ามาจากญี่ปุ่นเหรอ เราก็บอกว่าไม่ใช่มาจากไทยแลนด์ ฝรั่งที่เฝ้าประตูเค้าก็เลยบอกว่า ไอเคยไปไทยแลนด์นะ ชอบมากๆ ซะงั้น พวกเราขึ้นลิฟต์ไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นวีไอพีก็ลงลิฟต์กับมาเล่นชั้นปกติ ยืนมองคนอื่นเค้าเล่นอยู่ตั้งนาน ต้องบอกว่า "การโยกสล็อต" เป็นอะไรที่ใฝ่ฝันมากหากมาคาสิโนของโยกสลอตสักเถอะว้า หลังจากที่มองคนอื่นแล้วก็คาดเดาวิธีการเล่น โยกไปโยกมาโดนไปคนละ 40$ ไม่ได้การล่ะขืนอยู่ต่อหมดตัวแน่ๆ เพราะมันสนุกอ่ะ เอาเป็นว่ามาลองให้รู้ว่าเค้าเล่นกันยังไงก็พอแล้วล่ะ ตอนบอกก่อนว่าในคาสิโนไม่มีรูปนะเพราะเค้าไม่ให้ถ่ายรูปอ่ะ

จากนั้นพวกเราก็เดินออกมาเพื่อเดินตามหาดอกบัวทองคำ ที่อยู่ใกล้กับห้างนิวเยาวฮัน เดินกันซะรอบเยาวฮันก็ไม่มีวี่แววดอกบัวทองคำ ไหนหนังสือบอกว่าอยู่ใกล้ห้างเยาวฮันไงฟ่ะ หายังไงก็หาไม่เจอ (ตอนวันกลับจึงมารู้ว่าสาเหตุที่มันหาไม่เจอเพราะห้างเยาวฮันมันมีสองที่) ก็เลยเดินกลับที่พักดีกว่า ระหว่างทางก็เจอร้านขายลูกชิ้น ว้าวๆๆ อยากกินเพราะให้กินหนักๆ ตอนนี้ไม่ไหวล่ะ เหนื่อยชะมัด



เจ้านี้เค้ามีผักกับเห็ดแล้วก็สาหร่ายด้วยล่ะ แต่รสชาติจะเผ็ดร้อนกว่าเจ้าแรก แต่ยังไงก็คอนเฟริม์ว่าอร่อย ภัทรานิตย์ชอบเป็นที่สุด แหมนึกถึงรสชาติแล้วอยากกลับไปมาเก๊าจัง แม่จะกินสักยี่สิบไม้ให้หายอยากไปเลย รอบนี้โดนไป ๔๐ MOP$ ล่ะ แพงอ่ะแต่อร่อยเป็นที่สุด ชอบๆๆๆ มากกกก

แล้วภารกิจวันแรกของพวกเราก็จบลง ตอนแรกคิดว่าฝนตกจะไม่ได้ไปไหนซะอีก แต่ใจอ่ะนะมันไปแล้ว สถานที่เที่ยวอยู่ตรงหน้ามีหรือจะพลาด ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ต้องบอกว่าประทับใจในความเป็นมาเก๊า เมืองที่มีความคลาสสิคมากๆ ถึงแม้ความเจริญจะเข้ามาแต่ก็ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวเลยล่ะ สำหรับตอนหน้าเราจะไปเพื่อนๆ ไปตามรอยเจ้าหญิงวุ่นวายเจ้าชายเย็นชา ไปชิมทาร์ตไข่ดั้งเดิมที่อร่อยโครตๆ บนเกาะไทปากันล่ะ
Create Date :05 สิงหาคม 2552 Last Update :5 สิงหาคม 2552 0:29:17 น. Counter : Pageviews. Comments :1