bloggang.com mainmenu search
จากตอนที่แล้วเล่าถึง "โรงแรม AZAT และห้างดองกี้" แล้ว มาตอนนี้เราไปเที่ยวดูอารยธรรมของชาวโอกินาว่ากัน โปรแกรมวันนี้เริ่มที่ "ปราสาทซูริ" อันเลืองชื่อแห่งโอกินาว่า ใครใช้บริการทัวร์ส่วนใหญ่จะต้องมาโดน หลังจากซื้อบัตรเรียบร้อยคณะเราก็ต้องมีภาพหมู่เพราะจากนี้ไปจะแยกย้ายกันแระ 




Shurijo Castle, epitome of the history and splendor of the Ryukyu Kingdom
Shurijo Castle served as the proud and dignified center of Ryukyu Kingdom and its poloitics. foreign affairs and culture. With architectural influences from both China and Japan, the Castle shows its exceptional cultural and historical values in its unique stonework and architectural design. Thus, shurijo was designated as a World Heritage Site in December of 2000, the 11th World Heritage Site within Japan. 

ปราสาทซูริสร้างขึ้นช่วงปลายยุค 1300 มีบทบาทสำคัญในการรวมอำนาจเกาะไว้เป็นหนึ่งเดียว อาคารเป็นปราสาทตามแบบสถาปัตยกรรมของชาวริวกิว ซึ่งเป็นที่ประทับของกษัตริย์โซเอ็ง ในสมัยราชวงศ์โซ ซึงอาณาจักรริวกิวเป็นอาณาจักรหนึ่งทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ใกล้กับเกาะใต้หวัน มีความใกล้ชิดกับทางวัฒนธรรมจีน สถาปัตยกรรมของปราสาทแห่งนี้จึงได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีนในสมัยราชวงศ์หมิง 

และเมื่อปี 1945 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองตอนที่กองทัพสัมพันธมิตรสามารถยกพลขึ้นบกที่โอกินาว่าได้ พิษแห่งสงครามทำให้ปราสาทถูกทำลายลงเกือบทั้งหมด เหลือเพียงกำแพงปราสาทเพียงไม่กี่ส่วนโผล่พ้นเหนือพื้นดินเพียง 20-30 เซนติเมตร  จนกระทั่งปี 1992 ได้มีการก่อสร้างปราสาทซูริโจขึ้นใหม่ทั้งหมดโดยมีโครงสร้างแบบเดิม และในปี 1879 ปราสาทแห่งนี้ได้รับขึ้นบัญชีเป็น UNESCO World Heritage ร่วมกับโบราณสถานอื่นๆ ในเกาะโอกินาว่า 

ที่นี่ก็มีจุดให้ชมอยู่ 14 จุดใครที่ชื่นชอบในแนวประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาดที่จะเข้าไปที่นี่ เค้าจะมีให้แสตปม์เป็นจุดๆ ด้วยนะ ต้องมีเวลาสำหรับการเดินชมที่นี่ค่อนข้างเยอะ พวกเราคิดว่าไม่ไหวเพราะกว้างเหลือเกิน ก็เลยตัดสินใจไม่เข้าชมด้านในอยู่แค่ด้านนอกเท่านั้น 







นี่ก็เป็นทางเข้าเพื่อเข้าไปชมปราสาทซูริด้านใน สนนราคาค่าเข้าคนละ 820 เยน เด็ก 310 เยน
การเปิดปิดมีเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมที่ปิด 17.30 น. เดือนอื่นปิดช้ากว่านี้จ๊ะ







ด้วยความที่ไม่ได้เข้าไปข้างในก็ทำได้แค่เพียงเดินถ่ายรูปเพื่อเดินไปยังจุดทางออกที่ออกคนละทางกับทางขาเข้า แค่เดินเข้าออกนี่ก็ไกลแล้วล่ะไม่ต้องพูดถึงถ้าเข้าไปด้านใน ต้องใช้เวลานานมาก เวลามากับทัวร์สิ่งที่สำคัญมากคือการตรงต่อเวลา นับเป็นหัวใจของการท่องเที่ยวเลยนะ จึงทำให้ทำอะไรต้องเผื่อเวลาไปรอดีกว่าถูกรอนะจ๊ะ




โปรแกรมต่อจากปราสาทซูรินั่นก็คือ "ถ้ำธารมรกตเกียวคุเซ็นโด" เป็นถ้ำหินงอกหินย้อยอยู่ใต้ผืนดินกว่า 30 เมตร ภายในจัดเป็นทางเดินชมความงามของถ้ำที่ยาวกว่า 700 เมตร เป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียเลยทีเดียว ภายในถ้ำมีอากาศเย็นทั้งปี 






เข้ามาถึงก็ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี ที่นี่ให้บริการอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ที่มีอาหารหลายอย่างมาก
แต่หายากที่จะอร่อยเพราะไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ เป็นอาหารแนวพื้นเมืองของที่นี่เลย







ด้วยความที่มาแล้วก็ต้องลองภัทรานิตย์เลยลองหมดเลยจ้า อย่างละนิดอย่างละหน่อย  โอ้ยย.. ไม่ไหวจริงๆ มันไม่ใช่แนวช้านจริงๆ มันต้องสายสุขภาพแล้วล่ะ โปรดสังเกตุมะระผัดไข่ก็มา ข้าวปั้นหน้าปลาอะไรสักอย่างแต่พอลองชิม เอิ่ม เราคงไม่ใช่ชาวโอกินาว่าจริงๆ คนที่นี่สุขภาพดีเพราะกินแบบนี้สินะ




ก่อนจะมาถึงด้านล่างอากาศด้านในเย็นมากประกอบกับความชื้นอีกเย็นเข้าไปใหญ่ แต่ถือว่าเป็นถ้ำที่หินงอกหินย้อยสวยมากจริงๆ เรียกว่าอลังการงานสร้างมาก รายละเอียดยังอยู่ครบครัน





แต่พอเดินมาถึงตรงที่เป็นน้ำสีเขียวและสีฟ้า มีสตั้นไปชั่วขณะคืออะไร??
ถ้ำมรกตที่เห็นในรูปกับถ้ำของจริง คุณพระ!! นี่มันถ้ำนีออนสินะไฟติดกันให้ครบทุกมุม ผิดหวังมากสีเขียวสีฟ้าที่เห็นมันไม่ได้มาจากธรรมชาติแต่มันมาจากติดไฟสีไว้ด้านล่างเพื่อความสวยงาม แต่โปรโมทว่าเป็นถ้ำมรกต ออกมานี่บอกพี่ไกด์เลย พี่หลอกหนูทำไมเนี่ยเดินอย่างไกล!! 






ใกล้ๆ ทางออกยังมีป้ายให้ถ่ายรูปด้วย พอถ่ายออกมาด้วยความที่มันมืดมันเลยน่ากลัวเข้าไปอีก จากนั้นก็เข้าสู่โซนสินค้าโอท็อป ใครที่อยากมีรูปถ่ายชุดชาวญี่ปุ่นสามารถถ่ายได้ที่นี่แหละ ซึ่งคนต่อแถวถ่ายรูปกันยาวมาก ถ้ามีเวลาควรจะรอนะเพราะมีที่เดียวจ้า



ในทุกสถานทีที่ไปสังเกตุเห็นว่าทุกที่มี Otop ขายของหมดเลย จากถ้ำก็จะเจอโรงงานแก้วโรงงานนี้เป็นโรงงานผลิตเครื่องแก้วที่ใหญ่ที่สุดในโอกินาว่า เครื่องแก้วทั้งหมด
ทำด้วยเทคนิคดั้งเดิมโดยไม่ได้ใช้แบบขึ้นรูป มีสีสันสดใสด้วยช่างที่มีความชำนาญ





เป็นโซนที่เราต้องระวังมากตอนเดินชม เพราะถ้าล้มนี้มีเฮเลยจ๊ะ สนนราคาก็ไม่ได้ถูกซะด้วยสิ แต่เรื่องความสวยเนี่ยให้สิบเลย เป็นสิ่งที่ซื้อกลับมาภาระแน่นอน โซนนี้เลยขอผ่านไปดูโซนต่อไปกันดีกว่า



งานหัตถกรรมก็มา ดูราคาแล้วก็ไม่ธรรมดาเลยนะ แต่ก็มีคนซื้อเพราะความที่ไม่เหมือนใคร ญี่ปุ่นเน้นงานด้านความสร้างสรรค์จึงไม่แปลกหรอกที่เราจะกระเป๋าเบากันไปตามๆ กัน


จนมุมสุดท้ายมีความอลังมาก ทริปก่อนหน้าบอกว่าให้มาลองเหล้าตรงทางออกจุดนี้ 
งานดีทีเดียวมีให้เลือกหลายรสชาติ






 
ซุ้มยาดองก็มา ป้าด..นึกว่ามีแต่ประเทศไทยเสียอีก ญี่ปุ่นเค้าก็มีเหมือนกัน
แถมผลิตภัณฑ์หลายหลายกว่าอีก สามารถชิมได้ด้วยนะ แต่เห็นสิ่งที่อยู่ในโหล อุ๊บส์!!

โปรแกรมในวันที่สองก็ทำให้เห็นธรรมชาติบ้านเมืองเค้าก็มีเหมือนเราเช่นกัน
โอกินาว่าก็เหมือนต่างเมืองอารมณ์บ้านนอกประเทศไทยเราเนี่ยแหละ มีห้างไม่เยอะเท่าไหร่

ไว้ตอนหน้าจากพาไปเที่ยวดูแหล่งช็อปปิ้งละลายทรัพย์กันต่อนะจ๊ะ
Photo and Story 
By Patthanid C.
www.atourthai.com
Create Date :02 เมษายน 2562 Last Update :2 เมษายน 2562 2:12:40 น. Counter : 2041 Pageviews. Comments :3