bloggang.com mainmenu search



ตอนที่แล้ว จขบ.เล่าถึง "กระเช้าขึ้นฟานซิปัน" มาตอนนี้เราก็มาถึงจุดด้านบนกันแล้วค๊า การเดินทางต่อไปนั้นคือการออกนอกอาคารเพื่อไปยังยอดเขาฟานซิปัน ตอนอยู่ในอาคารก็ดูอุ่นๆ สบายๆ ใจชื้นแล้วล่ะ คือไม่ได้เตรียมการมาเจอหนาวคิดว่าคงเบาๆ แหละทริปนี้ ที่ไหนได้ขุ่นพระนี่ช้านต้องมาเจออากาศขนาดนี้เลยเหรอฟ่ะ





ยอดเขา Fansipan แห่งนี้ในอดีตเคยเป็นหนึ่งในลิสของผู้พิชิตเขาเพราะที่นี่สูงที่สุดในแถบลาว กัมพูชา เวียตนามและได้ฉายาว่าเป็น "Top roof of Indochina" การเดินทางนั้นต้องใช้เวลาเดินเท้ากันข้ามวันข้ามคืนเลยทีเดียวกว่าจะพิชิตเขาลูกนี้ได้ แต่หลังจากกระเช้าสร้างเสร็จเมื่อเดือน ก.พ 16 ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เหมือนบ้านเราในกรณีของภูกระดึงเลยหากมีกระเช้าเสน่ห์ของความท้าทายก็จะหายไป เพราะเวลามีกี่กระเช้าความไกลก็เหลือเพียงไม่กี่สิบนาทีเหมาะแก่กลุ่ม สว. (สูงวัย) เป็นยิ่งนัก





ดูคนอื่นมาเต็มมากเจ็คเกตเบาๆ คือไรไม่ได้เตรียมตัวไงเลยไม่รู้ว่ามันหนาวมาชิลมากตรูเหมือนมาทะเล
โชคดีที่เดรสนี้ผ้าโครตจะร้อนจึงรอดไปแต่เย็นขาอิบอายย 555











ช่วงที่ จขบ.เดินทางไปนั้นตลอดที่เดินขึ้นบันไดนั้นก็จะเห็นการก่อสร้างส่วนต่างๆ ที่ใช้คนเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว เชื่อว่าหากก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ที่นี่ต้องสวยมากแน่ๆ ใช่แต่จะมีแค่กระเช้านะดูจากร่องรอยการก่อสร้างน่าจะมีรถรางต่อขึ้นมาเลยจ้า อำนวยความสะดวก สว. (สูงวัย) เป็นที่สุด



ด้วยความที่ต้องเดินเท้าขึ้นบันไดกว่า 600 ขั้น ทำเอาสมาชิกในทริปเพื่อนโอ๋ของเราถึงกับเงิบ จนต้องบิ้วกันตลอดทางเอ้ยยมาแล้วยังไงก็ต้องขึ้นนะไม่งั้นมาไม่ถึงนะเฟ้ยย ให้กำลังใจกันไปเรื่อยๆ ตลอดการเดินทาง หนาวก็หนาวก้าวขาจะไม่ออกเมื่อไหร่จะถึงฟ่ะ









ตลอดสองข้างทางที่กำลังเร่งการก่อสร้างก็ทำให้เราได้เห็นว่าการสร้างสิ่งที่สูงเสียดฟ้าแบบที่นี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ กว่าจะนำอุปกรณ์ขึ้นมาได้ก็ลำบากยากเย็นใช้รอกดึงขึ้นมาเป็นระยะๆ ไอ้เรานี่ถึงกับเสียวศีรษะเลยทีเดียว เพราะระหว่างเดินรอกก็ขนของข้ามหัวเราไป ไหนจะเหล็กที่มีคนงานค่อยขนขึ้นๆ ลงๆ เรียกว่านักท่องเที่ยวเดินไปหลบไป เออเพลินดี









ที่เห็นระโยงระยางนั้นคือรอกที่เค้าใช้ขนของมาก่อสร้างเดินไปหยุดไปเหมือนได้พักไปตลอดทาง
บันไดก็ชันเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ แต่มาแล้วนี่ค่ะยังไงก็ไม่ถอย





จขบ.ว่าปลายปีนี้คงไม่ได้เห็นวิวแบบนี้แล้วล่ะ เดินไปก็หยุดดูไปมันเป็นชิ้นไหนกันหว่า
ถ่ายรูปไปก็พักไปบันไดเยอะแท้ ทางราบพี่นี้ไม่มีหวั่นแต่ทางชันนั้นพี่ยอม!!









แล้วก็ตะเกียกตะกายมาจนถึงยอดเขาฟานสิปันคนบานเชี๊ยะ มองแทบจะไม่เห็นจุดไฮไลท์กันเลย
ยิ่งตอนทัวร์มานะแม่เจ้าประคุณเอ้ยเขาหินนี่หายเลยทีเดียวมีแต่คนเกาะกันแน่น









แต่ไหนๆ มาแล้วช้านต้องได้ภาพกับสามเหลี่ยมรอไปค่ะ คนก็เยอะแถมยัวเยี๊ยะอีกพูดง่ายๆ หากใครหวังว่าจะได้ภาพตอนโล่งๆ มีชั้นและสามเหลี่ยมสัญลักษณ์เท่านั้น ท่านต้องขึ้นมาเช้ามากก่อนทัวร์ลงนั่นแหละ พวกเรานี่ขยับซ้ายขยับขวากว่าจะได้รูปที่พอดีนี่ถึงกับถอดใจ เอาแค่นี้แหละวะเพื่อนเยอะมาก



ขนาดเห็นว่าถ่ายรูปอยู่นะก็ไม่มีถอยค่ะยืนกันหนาแน่นประหนึ่งมาด้วยกันเลยทีเดียว
คนเยอะจุง จขบ.ยิ่งเป็นภูมิแพ้คนด้วยเห็นคนเยอะๆ แล้วเวียนหัว





ที่นี่นอกจากคนจีนจะมาเที่ยวกันเยอะแล้วคนเวียตนามก็เที่ยวในประเทศเยอะเหมือนกัน
แต่แปลกใจตรงที่ฝรั่งเนี่ยมีน้อยมากสงสัยไม่ใช่แนว









ก่อนกลับก็ต้องขอพรกันหน่อยมาตั้งไกลเอาเลขท้ายขามาแระกันท่าน ขอให้ได้ขอให้โดน!! รางวัลใหญ่นะคะท่าน (แอบตามอยู่สามงวดกว่าจะถูก กิกิ) แล้วก็ได้เวลาเดินลงนั่งกระเช้ากลับลงมายังด้านล่างก่อนกลับก็แวะช้อปปิ้งซื้อเสื้อที่ระลึกกันหน่อย (แม่ด่าประจำซื้อจังเสื้อยืดจะเต็มตู้แระ) มันเป็นความชอบส่วนบุคคลเนอะไม่ได้มาซื้อกันง่ายๆ นะต้องจัด

ระหว่างเดินเลือกซื้ออยู่นั้นก็แอบสังเกตุเห็นสายตาประชาชีไมมองตรูกันแปลกๆ วะ แอบถามเลยชอบเห็นนักท่องเที่ยวใส่หมวกบ้านเค้ามันต้องงี้ดิเข้าเมืองหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม พร็อปชั้นดีเลยหมวกเวียตนามเนี่ยสารพัดประโยชน์เดินไปไหนมาไหนไม่ร้อนด้วย จากความหนาวเย็น จขบ.ลงมาก็บ่ายๆ พอดีอากาศช่างแตกต่างมากร้อนอิบอายเลยข้างล่าง ได้เวลาเดินเที่ยวชมซาปาเมืองที่ใครก็อยากมากันแล้ว ไว้มาเล่าต่อตอนหน้านะจ๊ะจะรีบปั่นค๊าา 





Create Date :08 กุมภาพันธ์ 2560 Last Update :17 กุมภาพันธ์ 2560 0:07:47 น. Counter : 2669 Pageviews. Comments :2