ด้วยความที่กรุ๊ปเราใหญ่พอสมควรเรือลำเดียวไม่สามารถบรรจุคนทริปเราได้หมดจึงต้องแบ่งกันเป็นสองลำ กลุ่มแรกลงเรือไปก่อนเลย

พวกเราก็รอเรือลำต่อไประหว่างที่ยืนรอเรือกลุ่มแรกก็แล่นกลับมาคือไปวนกลับมายังหน้าท่าเรือเพื่อไปอีกฝั่งหนึ่งค่ะ

สองข้างทางที่เรือล่องไปมันช่างเหมือนคลองแสนแสบบ้านเรา แต่ทำไมไม่สวยงามเหมือนบ้านเค้าหว่าตลอดสองข้างทาง

ต้นไม้เขียวขจีอาคารบ้านช่องทรงโบรานสวยงามและคลาสสิคมาก ตลอดเส้นทางเค้าก็บรรยายไปตลอดเส้นทางถามว่าฟังออกเปล่า

ไม่อยากจะออกตัวแรงหน้าบ้านๆ อย่างอิช้านนฟังไม่รู้เรื่องอ่ะ คริคริ

พอเรือมาถึงสะพานนี้เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นอะไรฟ่ะกะลังถ่ายรูปวิวอยู่เลย อัยยะสวีทจังอ่ะบนสะพานทำเอาอิจฉากันทั้งลำเรือโรแมนติกดีแท้

ด้วยความเสียงดังไงคนข้างบนอายกันเลยทีเดียว

ถ่ายรูปในเรือก็ลำบากหน่อยแนะนำให้นั่งด้านหลังเลยดีกว่า จขบ.นั่งตรงกลางจะลุกก็โดนข้างหลังสะกิดดังนั้นนั่งข้างล่างเลยจ้า

ถ่ายรูปได้ง่ายหน่อยไม่งั้นก็จะติดหน้าคนข้างหน้ามาด้วยเหมือน จขบ.ถ่ายเนี่ยแหละ

ด้วยความที่ถ่ายยากถ่ายเย็น จขบ.เลยอัดวีดีโอมาให้ชมกันเลยจ้า เพื่อประกอบการรีวิวเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยกันค่ะ การล่องเรือเนี่ยเหมือนการได้ชมเสน่ห์แห่งบรูจในอีกรูปแบบหนึ่งเพลินๆ ดีนะ ใช้เวลาพอสมควรในการล่องเรือ จขบ.แอบสังเกตุคนที่นี่แทบไม่อยู่นอกบ้านกันเลยอ่ะตลอดเส้นทางเรือไม่ค่อยมีคนเยอะเท่าไหร่ ไม่เหมือนบ้านเราเนอะไปไหนมีแต่คนเยอะไปหมดแลดูหนาแน่นแต่บ้านเค้าดูคนหลวมๆ ประมาณนั้น แล้วเรือก็มาจอดยังท่าเรือเดิมภารกิจของพวกเราต่อไปคือทานอาหารเย็นค่ะ

ร้านนี้จะเป็นร้านเป้าหมายของพวกเราทานอาหารเย็นกันที่นี่ แต่ตอนนี้ให้เวลาช็อปปิ้งกันก่อนจัดเลยค๊า

มาเบลเยี่ยมทั้งทีต้องช้อป kipling น้องลิงกันเหอะ พิกัดอยู่เยื้องๆ กับตรอกนี้เลย

ล

เจ๊โกกี๊นำทีมพาพวกเราเดินไปช็อปยังช้อปเลยแล้วเวลาต่อจากนี้ก็เป็นวินาทีแห่งความสุขของชาวเรานักช้อปปิ้ง จขบ.งี้เดินวนอยู่หลายเพลา ถามว่าถูกไหม จขบ.ว่าไม่ถูกกว่าพวกหิ้วนะ แต่ถูกกว่าในช้อปเมืองไทยเยอะ ง่ายๆ ซื้อความสบายใจในช้อปก็ของแท้แน่นอนตัวเบากระเป๋าแฟ้ปกันเลยทีเดียว ออกมาตัวเบาดังปุยนุ่นชั้นทำอะไรลงไป อย่างเป้ kipling ก็ราวๆ 2,800 เองล่ะ จากนั้นพวกเราก็เดินไปช้อปปิ้งในห้างกันต่อ มาเที่ยวกับทัวร์ก็ต้องหาซื้อเสบียงให้พร้อมเพราะเวลาไปอยู่โรงแรมชายแดนแล้วจะไม่มีอะไรให้ซื้อเหอะ 

เค้าบอกกันว่ามาเบลเยี่ยมสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ "สตอเบอรี่" ของที่นี่ลูกใหญ่ราคาไม่แพงน่าทานมากๆ ก่อนทาน จขบ.มโนก่อนเลยจ้า พอได้ชิม จขบ.ว่าพันธุ์ 80 บ้านเราอร่อยกว่านะเรื่องความอร่อยเนี่ยแล้วแต่คนชอบจริงๆ ค๊า พอได้ของครบก็กลับไปยังจุดนัดหมายคือร้านอาหารที่เราจะทานมื้อเย็นค่ะ มื่อนี้เป็นอาหารพื้นเมืองตามมาดูกันว่าเค้าทานอะไรกันนน 

ออเดิฟเป็นขนมปังทาเนยเลยขนมปังแผ่นใหญ่มาก

เสริฟ์ต่อด้วยซุปรสชาติก็โอเคดีซุปทานร้อนๆ มันอร่อยอยู่แล้ว

ต่อด้วยสเต็กปลาชิ้นใหญ่มาก จขบ.ทานเมนูนี้ไปปวดหัวเลี่ยนมากไม่อร่อยเลย

ปิดท้ายด้วยขนมหวานก็พอใช้ได้ โดยรวมไม่ถูกปากเริ่มนึกถึงเมนูผัดกระเพราบ้านเราแล้วล่ะ พอทานกันเสร็จก็ได้เวลาเดินกลับไปยังจุดจอดรถบัส คิดดูว่าเพิ่งทานอิ่มแล้วเดินรีบๆ อิชั้นแทบเป็นลมอ่ะคะเดินไปวิ่งไป ข้างหน้าก็เดินกันอย่างเร็วข้างหลังนี่ไม่กล้าแวะถ่ายรูปกันเลยทีเดียวเพราะกลัวช้า

บรูจจ์เป็นเมืองที่มีของน่ารักขายเยอะมากนี่ถ้ามีเวลาคงกระเป๋าฉีกอ่ะ ดีนะที่ต้องรีบเดินทำเวลาเพื่อกลับไปที่รถบัส ไม่อยากจะบอกว่าทำไมตอนกลับที่จอดรถบัสมันไกลจังฟ่ะ แถมแต่ละคนหอบอะไรมารู้ไหมหอบเบียร์มาจ้าอย่างหนักอ่ะ คือเบลเยี่ยมเบียร์ถูกกว่าเนเธอร์แลนด์ไงซื้อกันลืมไปเลยว่ารถอย่างไกล ถามว่าความสวยของบรูจได้ชื่นชมไหม แค่วิ่งตามหัวหน้าไกด์ก็ไม่ทันแล้วม้ายยย เสียดายมากทางเข้าตรงสวนสาธารณะสวยมากมีดอกทิวลิปใหญ่ๆ กะว่ากลับมาทันจะแวะถ่ายรูป ไม่อยากจะบอกแค่วิ่งมาให้ทันขึ้นรถก็หอบแดกแล้วอ่ะ ทริปนี้อิช้านขาแข็งแรงมากจริงๆ ไว้ตามต่อตอนหน้านะจ๊ะจะเข้าโรงแรมคืนที่สองแล้ว

Patthanid C.