bloggang.com mainmenu search
หลังจากที่พวกเรากลับจาก โบสถ์กุ๊กไก่ และตกลงซื้อทัวร์กับคุณกลวงเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าห้องพักอาบน้ำแต่งตัวตามเวลานัดหมาย ๙.๓๐ น. คุณกลวงนั่งรถมารับพวกเราไปซิตี้ทัวร์ โดยโปรแกรมแรกพวกเราจะไปชม พระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิเบาได๋กันล่ะ ว่ากันว่าที่นี่เป็นหนึ่งในสามตำหนักที่อยู่ในดาลัด



ค่าเข้าชมก็คนละ 10,000 ด่อง แต่พวกเราไม่ต้องจ่ายเพราะคุณไกด์จ่ายให้พวกเราเสร็จสรรพ จากนั้นคุณไกด์ก็พาเราเข้าไปพระราชวังฤดูร้อนแห่งนี้



พอเข้ามาด้านในพระราชวังเค้าก็ให้พวกเราไปหยิบถุงลักษณะคล้ายๆ ถุงผ้ามาสวมรองเท้าอีกที แบบว่าใครใคร่ชอบคู่ไหนก็เลือกเอาในตระกร้า แต่มีกฏว่ายังไงก็ต้องใส่ถุงผ้านี่ เอาเข้าท่าดีแฮะสถานที่จะได้ไม่เลอะดีอ่ะ







ภายในพระราชวังมีห้องต่างๆ มากมาย วันนี้คนเยอะมากเรียกว่าทุกห้องหามุมถ่ายรูปแบบไร้ผู้คนยากเอาเรื่องเลยล่ะ ที่นี่ถือเป็นไฮไลท์การท่องเที่ยวของเมืองนี้ เลยทำให้ทุกทัวร์มุ่งมาลงที่นี่ นักท่องเที่ยวเลยเยอะเป็นธรรมดา





สิ่งของเครื่องใช้ภายในพระราชวังแห่งนี้คงสภาพเดิมในอดีตไว้เกือบครบทุกอย่าง และเปิดให้เข้าชมเพื่อให้พวกเราได้เห็นถึงวิถีชีวิตของชนชั้นสูงในสมัยนั้น





พระจักรพรรดิ์เบาได๋ องค์จักรพรรดิ์สุดท้ายของเวียตนามครองราชย์ต่อจากพระจักรพรรดิ์ไคคินห์ พระองค์ทรงอภิเษกสมรสกับมารีเทเรส เหวียนหูไท่หลาน สามัญชนชาวเวียตนามใต้ โดยมีพระโอรสและพระธิดาด้วยกัน ๕ พระองค์ว่ากันว่าพระนางมีความงดงามมาก





ต่อมาในสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง พระองค์ได้สละบัลลังค์และทรงลี้ภัยไปอยู่ประเทศฝรั่งเศสและสวรรคตในปี คศ. 1997 ว่ากันว่าในสมัยนั้นพระองค์ทรงไม่มีบทบาทและอำนาจใดทางการเมืองเลย



พวกเราเดินตามเส้นทางการเยี่ยมชมห้องด้านในพระราชวัง ตอนแรกมองดูจากตัวตึกด้านนอกนึกว่าเล็กๆ ที่ไหนได้ข้างในมีห้องเยอะมาก พวกเราเดินจนมาสุดทางชั้นสอง เห็นพี่กี้ยืนถ่ายรูปอะไรกระจกกลมๆ นี่นะ พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แกถ่ายรูปตัวเองผ่านกระจก เออเข้าท่าดีแฮะ พวกเราสี่คนเลยยืนถ่ายกันมั้ง





ลองหามุมถ่ายกันอยู่ตั้งนาน กว่าจะได้อย่างที่เห็นก็กดกันหลายแช๊ะอยู่ แล้วจึงลงมาด้านล่างเพื่อไปยังโปรแกรมต่อไป ถึงตอนนี้ จขบ. ขอถ่ายรูปหน่อยเดี๋ยวเค้าหาว่ามาไม่ถึง โปรแกรมต่อไปของพวกเราคือ "สถานีกระเช้าไฟฟ้าเคเบิ้ลคาร์"





จากพระราชวังมาไม่ไกลมากนักพวกเราก็เดินทางมาถึงสถานีเคเบิ้ลคาร์ ค่าขึ้นกระเช้าก็คนละ 50,000 ด่อง พวกเราเลือกซื้อขาไปขาเดียว เพราะขากลับรถไปรับอีกฝั่งจะได้เปลี่ยนบรรยากาศชมวิวสองข้างทาง







คุณไกด์นำพวกเราขึ้นกระเช้าแล้วก็หนีไปนั่งคนเดียว พวกเราสินั่งกันครบสี่คนเลย จริงๆ แล้วแต่เราว่าจะนั่งกี่คนก็ได้ต่อหนึ่งกระเช้า พอกระเช้าเริ่มเคลื่อนตัวออกไปก็ดูหวาดเสียวจัง เพราะมันดูไม่แข็งแรงเหมือนน้องปิงที่ฮ่องกงเลยอ่ะ

เคลื่อนตัวไปก็โคลงไปมาทำเอาพวกเรานั่งกันนิ่งไม่กระดุกกระดิกเลย หันมาดูคนข้างๆ พี่กี้มันเป็นไรวะนั่งนิ่งไม่มีท่าทีจะขยับตัวเลย แก้วเลยบอกว่า พี่กี้มันกลัวความสูง ถามไปถามมานี่เป็นการนั่งเคเบิ้ลครั้งแรกของพี่กี้ด้วย มิน่าล่ะนั่งนิ่งเชียว





เชื่อหรือไม่ว่า เคเบิ้ลคาร์แห่งนี้เป็นระบบกระเช้าที่ทันสมัยที่สุดของประเทศเวียตนามเลยนะ วิวรอบๆ เมืองนี้สวยจริงๆ ยังกะเมืองในฟาร์มวิวเลยอ่ะ บ้านเมืองเป็นสีๆ มีแปลงผักปลูกกันเป็นระเบียบเรียบร้อย อากาศก็ดี วิถีชีวิตก็แสนจะสงบ มิน่าล่ะเมืองนี้ถึงขึ้นชื่อว่าเป็น "เมืองโรแมนติก" ที่คู่แต่งงานมักจะมาฮันนีมูนที่นี่







พวกเราใช้เวลานั่งชมวิวบนเคเบิ้ลคาร์ประมาณสิบนาทีเห็นจะได้ ก็มาถึงยังอีกฝั่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของ วัดที่มีชื่อว่า Truc Lam Thien Vien Pagoda เป็นวัดที่สร้างอยู่บนเนินเขาเหนือทะเลสาบเตวียนลาม สวยงามมากทีเดียว







ไว้ตอนหน้าจะมาเล่าให้ฟังต่อนะ ขอบคุณรูปสวยๆ จากกล้องเพื่อนติ๊กและเพื่อนแก้วด้วยนะ ขอยืมรูปบางรูปมาใช้ประกอบการบรรยาย ...
Create Date :14 กรกฎาคม 2553 Last Update :14 กรกฎาคม 2553 1:31:04 น. Counter : Pageviews. Comments :9