bloggang.com mainmenu search
หากเป็นแฟนพันธุ์แท้บล็อก จขบ. มาพอสมควร คงจำกันได้ว่า จขบ.นั้นเคยมีปัญหากับค่าตับตรวจกันอยู่เป็นปีก็มีข่าวดีในที่สุดคือปกติ ดังนั้นเรื่องแบบนี้ประมาทกันไม่ได้เลย เอาล่ะเรามาดูกันสิว่าตับนั้นมีความสำคัญกับเราเพียงใด ก่อนอื่นมารู้จักหน้าที่ของมันกันก่อนนะคะ

ตับ เป็นอวัยวะสำคัญอย่างหนึ่งในร่างกายที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง ทำหน้าที่เป็นแหล่งกำจัดของเสีย สารพิษ ทำลายเชื้อโรคต่างๆ ในร่างกาย นอกจากนี้ตับยังมีหน้าที่ในการสร้างอาหารและภูมิคุ้มกันโรคอีกด้วย ดังนั้นภาวะที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อตับ จึงทำให้เกิดความผิดปกติต่อร่างกายและก่อให้เกิดโรคต่างๆ อีกด้วย

อาการที่มีข้อสงสัยว่าจะเป็นโรคตับ ได้แก่ ตัวเหลือง ตาเหลือง อ่อนเพลียไม่ทราบสาเหตุ บวม ภาวะท้องมาน (มีน้ำในช่องท้อง) เลือดออกง่าย ปวดจุกแน่นท้อง คลำก้อนได้ที่ท้องด้านขวา ผู้ป่วยโรคตับในระยะแรก ส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีอาการแสดงเตือนมาก่อน มักจะเป็นโรคตับที่รุนแรงหรือเกิดภาวะตับแข็งแล้ว ดังนั้นการตรวจร่างกายเพื่อตรวจสอบการทำงานของตับจึงเป็นเรื่องจำเป็น

โรคและภาวะที่เป็นอันตรายต่อตับที่พบบ่อยได้แก่
1. ไวรัสตับอักเสบ (Viral Hepatitis) ไวรัสหลายชนิดสามารถทำลายตับได้ ทั้งที่ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง กลุ่มไวรัสที่พบบ่อยได้แก่
    1.1 ไวรัสตับอักเสบเอ ทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลัน มีไข้ ตัวเหลือง ตาเหลือง คันตามตัว บางรายอาจเกิดตับวายได้ผู้ป่วยจะแพร่เชื้อได้ทางอุจจาระ
    1.2 ไวรัสตับอักเสบบี  ทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง ประเทศไทยพบโรคตับชนิดนี้สูงมากประเทศหนึ่งในโลก พาหะสามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การให้เลือด ตับจะถูกทำลายจนเกิดภาวะตับแข็งและมีโอกาสเกิดมะเร็งตับสูงมากกว่าคนปกติ 200 เท่า
    1.3 ไวรัสตับอักเสบซี  พบประมาณ 0.8-1.48% ของประชากรทั่วไป พบมากในผู้ป่วยที่มีประวัติได้รับเลือดหรือผู้ป่วยไตวายี่ได้รับการฟอกเลือดล้างไตบ่อย ผู้ที่ได้รับเชื้อ 90% จะเกิดภาวะเรื้อรัง และ 70% จะมีอาการอักเสบเรื้อรัง ทำให้เกิดภาวะตับแข็งและมะเร็งตับในระยะต่อมา
ปัจจุบันมีวัคซีนที่สามารถป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบชนิดเอและบีได้แล้ว และมียารักษาสำหรับโรคตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสตับอักเสบชนิด บีและซี ซึ่งจะลดภาวะตับแข็งและการเกิดมะเร็งได้

2. โรคตับจากแอลกอฮอล์ (Alcoholic Liver Disease)  แอลกอฮอล์จากเหล้าจะถูกเปลี่ยนเป็นสารพิษ acetaldehyde มีฤทธิ์ทำลายตับและเป็นสารก่อมะเร็ง ในชาวเอเชียรวมถึงคนไทย มีโอกาสเกิดตับจากแอลกอฮอล์ได้ง่ายกว่าชาวยุโรป ดังนั้นผู้ที่ดื่มสุราควรหมั่นตรวจสุขภาพตับสม่ำเสมอ

3. ตับอักเสบจากไขมัน (Fatty Liver) เกิดจากการที่มีเซลล์ไขมันแทรกในเนื้อตับ ก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง มักพบในผู้ป่วยอายุ 40-60 ปี ที่มีรูปร่างอ้วน มีโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง สามารถทำให้เกิดภาวะตับแข็งได้ 8-17% ผู้ป่วยมักไม่มีอาการ แต่จะตรวจพบแอนไซม์ตับสูงผิดปกติ

ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับควรทำอย่างไร
1. งดดื่มเหล้าสูบบุหรี่
2. หลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่ไม่จำเป็น
3. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารอบหรือตากแห้งที่อาจจะมีสารอัลฟ่าทอกซิน จากเชื้อราที่เป็นสารก่อมะเร็งตับได้แก่ ถั่วลิสงแห้ง เมล็ดพืชตากแห้งหรือพริกแห้ง
4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ไม่ต้องดื่มน้ำหวานบ่อยๆ
5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอ
6. อันนี้สำคัญ มั่นพบแพทย์ตรวจเช็คร่างกายและการทำงานของตับอย่างสม่ำเสมอ

เอาล่ะรู้อย่างนี้แล้วงดเหล้าเลิกบุหรี่หันมาออกกำลังกายกันเถอะ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับเพื่อนๆ ที่ค่าตับสูง ควรดื่มน้ำให้มาก ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ งดของทอดของมัน งดน้ำอัดลม แล้วจะพบว่าค่าตับจะลดลงแหละค่ะ จขบ.เองลดอาหารดังกล่าวจากค่าตับ 70 ลดลงมาอยู่ในระดับปกติ ที่สำคัญค่าตับสูงนั้นอย่านิ่งดูดายนะคะ เพราะมันอาจเป็นโรคร้ายได้แบบไม่ทันตั้งตัว ควรพบแพทย์อย่างต่อเนื่องดีที่สุดค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจากโรงพยาบาลเมืองราช
Create Date :07 กันยายน 2555 Last Update :7 กันยายน 2555 2:00:28 น. Counter : 4009 Pageviews. Comments :0