bloggang.com mainmenu search
ตอนที่แล้วเราเดินตามหา ร้านมากาเร็ต ร้านขายทาร์ตไข่ชื่อดังบนเกาะมาเก๊า เพื่อลองลิ้มชิมรสชาติทาร์ตไข่มาเก๊าดูสักหน และเมื่อท้องอิ่มเราก็ออกเดินทางสำรวจมาเก๊ากันต่อ หลังจากติดฝนอยู่พอสมควร พวกเราก็ตัดสินใจกันว่า หากเรารอต่อไปมีหวังเราเที่ยวไม่ครบตามโปรแกรมที่วางไว้แน่ๆ เดินลุยฝนมันไปเลยดีกว่า จากร้านมากาเร็ตเราเดินย้อนกลับไปทางจตุรัสมหาวิหาร (Cathedral Square)





จตุรัสแห่งนี้ประกอบด้วยอาคารสามตึกที่เป็นอนุสรณ์สถานอันล้ำค่าของมาเก๊าแทบทั้งสิ้นล่ะ เราเดินเข้าไปในโบสถ์คนไม่ค่อยมี แต่เห็นมีจุดเทียนในในแก้วแล้ววางบนชั้น ไม่รู้ว่าเหมือนเติมน้ำมันบ้านเราหรือเปล่าแฮะ เข้ากันมาได้สักพักก็เดินออก เข้าวัดเข้าวาไม่ค่อยได้มันร้อน อิอิ

จากนั้นพวกเราก็กางแผนที่เดินหาจตุรัสเซนต์โดมินิคกันต่อล่ะ ซึ่งจะบอกว่าสถานที่แต่ละที่มันติดกันมากเดินวนไปวนมาเดียวก็เจอแล้วล่ะ ขอแค่มีแผนที่ในมือก็พอ จตุรัสเซนต์โดมินิค (St.Dominic's Church) เป็นโปสถ์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ๑๕๘๗ โดยบาทหลวงชาวสเปนนิกายโดมินิกัน เดิมนั้นสร้างด้วยไม้กระดาน แต่ต่อมาได้มีการบูรณะใหม่ ถือเป็นโบสถ์ที่มีศิลปกรรมที่งดงามที่สุดในมาเก๊า และมีงานศิลปกรรมของชาวคาทอลิกมาเก๊าเก็บสะสมไว้กว่า ๓๐๐ ชิ้นเลยทีเดียว



ในทุกวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ของทุกปี หญิงชาวคาทอลิกกลุ่มหนึ่งจะแต่งตัวด้วยชุดสีขาวและแบกรูปปั้นแม่พระฟาติมา จากโบสถ์เซนต์โดมินิคไปยังโบสถ์เพนญ่า ถือเป็นประเพณีของมาเก๊าเลยล่ะ



จากนั้นพวกเราก็เดินต่อไปยัง วัดซำไกวุยคุน หรือวัดกวนไท (Sam Kai Vui Kun - Kuan Tai Temple) เป็นวัดเก่าๆ อยู่ใกล้ๆ ตลาดอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ ถ้าไม่สังเกตุเกือบเดินผ่านไปแล้วล่ะ วัดแห่งนี้อยู่บริเวณที่เคยเป็นตลาดมาเก๊าโบราณ แต่เดิมเป็นที่ชุมนุมของพวกพ่อค้าซึ่งมีความสำคัญต่อชุมชนชาวจีนเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งก่อนตั้งหอการค้าจีนในปี ๑๙๑๒ บริเวณรอบๆ วัดเคยเป็นศูนย์กลางของชาวจีนในมาเก๊า แต่เมื่อความสำคัญของตลาดลดลงวัดจึงกลายเป็นที่สำคัญที่สุดของบริเวณนี้



วัดนี้พวกเราเดินเข้าไปเจออ่าม๊าคนหนึ่งทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ เหมือนจะไม่ให้ถ่ายรูปก็เลยเดินออกมาล่ะ เลยมาถ่ายรูปเอาไกลๆ แทน ด้านในเหมือนเค้ากำลังทำพิธีอะไรสักอย่างล่ะ จากวัดกวนไทเราเดินต่อไปยังจุดหมายต่อไปนั่นคือ จตุรัสคอมปะนีออฟจีนัส ซึ่งเดินหลงไปหลงมาอยู่หลายรอบ ไม่ไหวล่ะหิวชะมัด เลยแวะจิ้มเข้าไปหนึ่งร้านในจตุรัสเซนาโดสแควร์นั่นล่ะ ซึ่งต้องบอกว่าที่นี่ร้านอาหารเยอะมาก



ร้านนี้มีชื่อว่า "Cafe Ripite" ล่ะ ซึ่งต้องขึ้นลิฟต์ไปอีกสองชั้น พอเปิดมาก็เจอร้านอาหารเลยล่ะ พวกเราก็ดูเมนูกันอยู่นานมาก ก็นะแหมค่าเงินบ้านเรามันต่างกับบ้านเค้านี่นะ สุดท้ายเลยเลือกบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง ราคา ๒๐ MOP$



ซึ่งต้องบอกว่าถ้วยใหญ่มากๆ แถมเส้นบะหมี่ก็เยอะ โอ้ว มองหน้ากันสองคน รู้งี้สั่งชามเดียวแล้วแบ่งกันกินดีกว่า แต่ต้องยอมรับนะว่าเส้นบะหมี่เค้าเหนียวนุ่มมากเกี๊ยวกุ้งก็อร่อยด้วยล่ะ แต่ด้วยความที่มันชามใหญ่มาก กินกันไม่ไหวจึงมีสภาพอย่างที่เห็นนี่ล่ะ



ขนาดเจ๊พู่เรายังบอกว่า "ไม่ไหวแล้วนะแก" เสียดายก็เสียดายนะ แต่ชั้นกินเข้าไปไม่ไหวแล้วอ่ะ นั่งเขี่ยเส้นกันได้อยู่พักหนึ่งก็เช็คบิลออกไปตะลุยกันต่อ จุดต่อไปที่เราจะต้องเดินหาก็คือจตุรัสคอมปะนีออฟจีนัส เพราะตรงบริเวณนี้จะมีซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลอยู่ด้วย เดินไปก็เดินมาจนหลง

สุดท้ายก็ต้องแวะถามน้องผู้ชายคนหนึ่ง เค้าขายหมูกรอบสำหรับเป็นของฝากอยู่แถวถนนนี้ เราก็กลัวเค้าไม่เข้าใจก็เลยชี้รูปซากประตูเซนต์ปอล แล้วถามว่าไปทางไหน คุยไปคุยมาน้องมันพูดภาษาไทยได้ด้วยอ่ะ งงไปเลย เค้าบอกว่าพูดได้นิดหน่อย แล้วก็บอกทางพวกเราพร้อมกับให้ลองชิมหมูกรอบที่เค้าขาย เราก็ขอบคุณเค้าไว้ขากลับจะแวะมาซื้อนะ เพราะเพิ่งมาวันแรกเองอ่ะ แต่จะว่าไปคนไทยก็มาที่นี่กันเยอะนะ ขนาดคนขายของพูดภาษาไทยได้นี่ สุดยอดอ่ะ



พวกเราเดินมาตามทางที่น้องหมูกรอบบอกก็เจอจตุรัสคอมปะนีออฟจีนัส (Company of Jesus Square) จากประวัติบอกว่า ตึกที่อยู่รอบจตุรัสนี้ถูกสร้างขี้นในปี ๑๙๒๐ ถึง ๑๙๓๐ แต่มีเพียงสองหลังที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ ๑๙ เป็นสไตล์นีโอคลาสสิค ซึ่งจตุรัสแห่งนี้มีสัญลักษณ์ที่สังเกตุคือรูปเด็กหญิงและสุนัข และสัญลักษณ์มิตรภาพระหว่างประเทศจีนและโปรตุเกสล่ะ





สัญลักษณ์สองอันนี่รูปหลังเราพอเข้าใจนะว่ามันหมายถึงอะไร แต่รูปแรกนี่ดิมันเกี่ยวอะไรกับมิตรภาพจีนโปรตุเกสล่ะเนี่ย งงจังแฮะ พวกเราก็เดินถ่ายรูปกันอยู่หน้าจตุรัสแห่งนี้กันสนุกสนาน ดีนะที่ฝนมีช่วงเบรกไม่งั้นไม่มีรูปแน่ๆ



จุดต่อไปที่พวกเราจะเดินกันไปต่อนั่นก็คือ ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล ความใฝ่ฝันของเราเลยล่ะ จำได้ว่าเราเห็นป้ายโฆษณาแห่งหนึ่ง เขียนว่า "สัมผัสความแตกต่างที่มาเก๊า" แล้วก็มีรูปประตูโบสถ์เซนต์ปอลเป็นพื้นหลัง เราคิดในใจเลยว่า "ฉันต้องไปเห็นประตูนี่ให้ได้สักครั้ง" และฝันอันนั้นก็ทำให้เราตั้งทริปนี้ขึ้นมา เพราะอยากรู้ว่าทำไมมาเก๊าจึงแตกต่าง แล้วตอนหน้าจะมาเล่าให้ฟังต่อนะคะ
Create Date :29 กรกฎาคม 2552 Last Update :29 กรกฎาคม 2552 0:16:32 น. Counter : Pageviews. Comments :1