bloggang.com mainmenu search
ตอนที่แล้วเล่าถึง การเดินทางลงจากพระธาตุอินทร์แขวน จากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อตามแผนที่จะเที่ยวเมืองหงสา พวกเราเดินทางใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงครึ่งก็มาถึงพระราชวังบุเรงนอง





ด้วยความที่มาถึงประมาณสี่โมงเย็นแล้ว แถวบ้านเรียกว่า "ปิดทำการสถานที่ราชการแล้ว" เว่นไกด์ของเราก็พยายามเจรจาปรากฏว่าไม่สามารถเข้าไปได้ ก็เลยไม่ต้องเสียค่าเข้า 10$ ไปโดยปริยาย เลยเปลี่ยนโปรแกรมไปพระเจดีย์ชเวมอดอว์ หนึ่งในห้าสิ่งศักดิ์สิทธิของพม่าเลยล่ะ ตามมาดูข้างในกัน









เดินเข้ามาข้างในอลังการงานสร้างเชียวล่ะ พวกเราเสียค่ากล้องคนละ 300 จ๊าด เจดีย์ชเวมอดอร์ หรือเจดีย์พระธาตุมุเตา แห่งนี้ถือว่าเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า มีอายุเก่าแก่กว่า 1,200 ปี สูงถึง 114 เมตร มุเตา ตามภาษามอญ แปลว่า จมูกร้อน เพราะต้องแหงนหน้ามองยอดเจดีย์ จึงทำให้จมูกโดนแดดจนแสบร้อนนั่นเอง









ความศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุมุเตาแห่งนี้เป็นที่เลื่องลือ ตามตำนานเล่าว่า พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของตองอู สมัยเป็นเพียงเจ้าชายวัย 14 พรรษา กล้าที่จะนำทัพบุกเข้าไปเมืองมอญ เพื่อทรงทำพิธีเจาะพระกรรณตามราชประเพณีที่พระธาตุมุเตาแห่งนี้







ซึ่งกว่าศัตรูจะส่งทหารมาปิดล้อมได้หมด ก็ใกล้เสร็จพิธีและพระองค์ก็ทรงนำทหารฝ่าวงล้อมกลับตองอูโดยปลอดภัย ต่อมาเมื่อพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์และเข้ายึดครองหงสาวดีได้แล้ว ทรงย้ายราชธานีจากตองอูมาที่หงสาวดีและถวายมงกุฎทรงยอดพระมหาธาตุแก่พระธาตุมุเตา







ดังนั้นหากใครมาเที่ยวหงสาวดี ไม่มาสักการะพระธาตุมุเตา เหมือนมาไม่ถึงหงสาวดีล่ะ พวกเราเลยใช้เวลาอยู่ที่นี่ค่อนข้างจะนานสักหน่อย จากนั้นจึงเดินทางไปพระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว



พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว เป็นสถานศักดิ์สิทธิ์อันดับสองของเมืองหงสาวดี มีความยาว 181 ฟุต สูง 50 ฟุต สร้างใน พ.ศ. 1537 มีความเชื่อว่าเป็นพระรูปสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในคืนก่อนเสด็จดับขันธปรินิพาน หากสังเกตุให้ดีจะเห็นว่า พระบาทจะวางเหลื่อมพระบาท ไม่เหมือนการวางพระบาททั่วๆ ไป



ด้านหลังองค์พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว มีภาพวาดตำนานว่า มีพระราชาองค์หนึ่งไม่ศรัทธาพุทธศาสนาทรงลุ่มหลงบูชายักษ์ตนหนึ่งขนาดปั้นรูปไว้กราบไหว้ วันหนึ่งขณะที่พระราชาเสด็จประพาสป่าพร้อมพระโอรสและพระโอรสไปพบสาวบ้านกำลังอาบน้ำอยู่ในลำธารก็เกิดความหลงรัก ถึงกัลพากลับเข้าวัง



แต่สาวเจ้าอันเชิญพระพุทธรูปไปบูชาในวังด้วย ทำให้พระราชากริ้วมาก ถึงขั้นสั่งให้ทหารจับพระโอรสและคนรักมัดรวมกันเพื่อจะประหาร แต่ชาวบ้านได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าถ้าพระพุทธเจ้ามีจริงก็ขอให้นางแคล้วคลาด ปรากฏว่าเชือกขาดโดยพลัน ขณะที่รูปปั้นยักษ์แตกกระจาย พระราชาถึงกับทรงหันกลับมานับถือพุทธศาสนา และขอไถ่บาปด้วยการสร้างพะพุทธไสยาสน์เป็นเครื่องเตือนสติ

หากเทียบกับอยุธยาบ้านเรา จะเห็นว่าองค์พระในสมัยก่อนนั้นองค์ใหญ่มาก พม่าก็เช่นกัน สำหรับที่นี่เราใช้เวลาไม่นานนัก เพราะเดี๋ยวจะไม่ทันที่อื่น ตอนนี้เลยเริ่มเหมือนชะโงกทัวร์แล้วอ่ะ



พอไหว้พระกันเสร็จเดินลงมาก็เจอร้านขายของที่ระลึกเต็มไปหมด แต่เสียใจเวลาไม่พอแล้นนน พอขึ้นรถมาเพื่อนๆ ก็ได้เฮกันอีกครั้งเมื่อโปสการ์ด ที่เราซื้อมาเมื่อวันก่อน ที่นี่ขายแค่ 50 บาท เฮ้อ.. จากนั้นก็ไปยังจุดหมายต่อไปคือ วัดเจดีย์ไจ๊ปุ่น ที่มีอายุกว่า 500 ปี







ที่นี่เสียค่ากล้องคนละ 1$ พวกเราจึงลงมติว่าเอาเข้าไปกล้องเดียวดีกว่า ด้านในวัดจะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระพักตร์ไปทั้งสี่ทิศแทนความหมายถึงพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์

โดยมีตำนานเล่ากันว่า "พระราชธิดาทั้งสี่องค์ของกษัตริย์มอญที่อุทิศตนแด่พุทธศาสนาสร้างพระพุทธรูปแทนตนเองและได้สาบานกันไว้ว่าจะไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ ต่อมาน้องสาวคนสุดท้องกลับพบรักกับชายหนุ่มและแต่งงานกัน จึงเกิดอาเพศฟ้าผ่าพระพุทธรูปที่แทนตัวของน้องสาวคนสุดท้องพังทลายลงมา จนต้องมีการสร้างขึ้นมาใหม่ตามที่เห็นในปัจจุบัน โดยพระพุทธรูปองค์นี้จะมีลักษณะแตกต่างจากองค์อื่น ๆ คือจะเป็นศิลปะแบบพม่า



เห็นเค้าบอกว่าองค์ที่สร้างขึ้นใหม่นั้นจะตาเศร้าๆ เราเดินวนกันรอบๆ จขบ. ว่าองค์ทางซ้ายองค์ที่สองอ่ะตาเศร้า แต่น้องๆ บอกว่าองค์ทางขวาองค์ที่สองตาเศร้ากว่า เอาเป็นว่า ..ใครมาแล้วช่วยฟันธงหน่อยว่าองค์ไหน

ตอนนี้ก็หกโมงเย็นแล้วล่ะ หมดทริปพอดิบพอดีสำหรับหงสา ไปหาข้าวเย็นกินกันในย่างกุ้งเลยล่ะกัน ตอนหน้าจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวต่อ ณ มหาเจดีย์ชเวดากอง แล้วไปตะลุยเยาวราชพม่ากันนน ...
Create Date :18 สิงหาคม 2554 Last Update :25 สิงหาคม 2554 18:55:21 น. Counter : Pageviews. Comments :4