bloggang.com mainmenu search

หลังจากตอนที่ปั่นๆ จาก สมาคมฟุกเกี๋ยน จุดหมายไม่รู้เหมือนกันว่าไปไหน เพื่อนใหม่เค้านำทางอ่ะ ปั่นๆ มาได้สักพักก็มาจอดรถตรงข้างๆ สะพานญี่ปุ่น ช่วงบ่ายๆ แบบนี้คนเยอะจัง ถ้าขืนเดินไปตอนนี้ก็เบียดเสียเปล่าๆ เปลี่ยนแผนไปดูที่อื่นก่อนดีกว่าให้คนซาๆ หน่อยค่อยย้อนกลับมา

พวกเราเดินไปทางริมน้ำ ตอนนี้มีกองถ่ายมาถ่ายหนังด้วยล่ะ ว่าแต่ดาราหน้าตาไม่คุ้นเลยอ่ะ พยายามสังเกตุแล้วหน้าตาไม่ดึงดูดใจเท่าใดนัก พูดง่ายๆ ถ้าหล่อล่ะก็เรด้าร์บนศีรษะ จขบ. เนี่ยกระดิ๊กแระ ก็เลยเดินผ่านไปค่ะ ตอนนี้เวลาบ่ายสองแดดกำลังเปรี้ยงๆ เลยอ่ะ ร้อนได้ใจมากๆ หันไปดูคุณเพื่อนเอ้ย.. เริ่มเหมือนเด็กเวียตนามแระ จัดเต็มมาเชี๊ยะเพื่อนตรู



เดินผ่านห้องน้ำ ห้องน้ำเมืองเวียตนามเค้าเรียกว่า "NHA VE SINE" นะคะ ท่องเอาไว้นะเผื่อว่าเค้าไม่เข้าใจ Toilet ก็ นาวีซีนเลยค๊า .. ตอนนี้พวกเราเดินมาหยุดที่ท่าเรือมีสะพานข้ามฟากด้วยล่ะ โอ้โห.. มุมนี้ดูแล้วเหมือนมะละกาจริงๆ เลย มีเรือใบด้วยล่ะ สะพานข้ามแม่น้ำเค้าก็ตกแต่งด้วยโคมไฟ ดูท่ากลางคืนต้องสวยแน่ๆ เลย

เห็นเค้าถ่ายรูปกัน จขบ. แม้หน้าจะบานสุดขีดก็ไม่พลาดอยู่แล้ว มุมนี้เป็นมุมยอดฮิตเหอะ เรียกว่าใครมาที่นี่ต้องมีมุมนี้อย่างแน่นอน พอถ่ายรูปกันหลายช็อตจุใจแล้ว พวกเราก็เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยเพื่อย้อนกลับไปยังสะพานญี่ปุ่น ที่เดินมาเนี่ยอ่ะ ร้านแกลอรี่เพียบ ดูเหมือนที่นี่เค้าถนัดทางด้านงานฝีมือกันอ่ะ

เดินมาเจอแม่ค้าเฉาก๋วย เพื่อนใหม่เราถามว่าทานกันไหม โห.. ไม่น่าถามร้อนๆ แบบนี้อยากกินน้ำแข็งใจจะขาดแระ เพื่อนใหม่เราเล่าให้ฟังว่า เมื่อปีก่อนเค้าเคยมาที่ฮอยอัน ก็มากินร้านนี้แหละ เค้าจำแม่ค้าคนนี้ได้ล่ะ (จำได้ไงฟ่ะ จขบ. แค่เดินเลยไปหลับไปคืนตื่นมาก็ลืมแล้วเหอะ) จากนั้นก็สั่งเลยเหมือนกันเด๊ะ สามแก้วค่ะ

ขอบอกว่าร้อนๆ แบบนี้ได้เฉาก๊วยเย็นๆ มันสุดแสนจะชื่นใจ พอทานวุ้นมะพร้าวหมดขอเติมน้ำแข็งเค้าด้วยเหอะ แม่ค้าก็ใจดีไม่คิดเงินพวกเราด้วย ก็เลยยืนเม้าส์มอยสอยปลาทูกันหน้าร้านนั่นแหละ แล้วก็มีสาวชาวจีน (น่ารักด้วย) เดินมามองพวกเราแล้วก็ชี้ๆ สั่งมั้ง แล้วนางก็เดินไปหาเพื่อน

แม่ค้าก็ใส่เฉาก๊วย วุ้นมะพร้าว น้ำแข็งลงในแก้ว แล้วก็ตักเต้าหู้อ่อน (ที่ใส่เตาทึงอ่ะ) วางด้านบนสุด จขบ. นึกในใจ โห .. กินแปลกจังแฮะ เฉาก๊วยกับเต้าหู้เนี่ยนะมันเข้ากันได้ด้วยเหรอฟ่ะ ดูเฮลตี้จังอ่ะ หรือว่าชาวจีนเค้ากินอาหารเพื่อสุขภาพอย่างนี้ฟ่ะ ถึงได้ผิวสวยเชี๊ยะ

พอสาวชาวจีนคนนั้นเดินกับมารับแก้ว นางถึงกับอึ้งทำไมไม่เหมือนที่พวกเรากินอ่ะ เอ้า.. เวรสั่งผิดเหรอเนี่ย ไอ้เราก็นึกว่าจีนเค้ากินกับแบบนี้ นางก็เหวี่ยงๆ ใส่แม่ค้าเล็กน้อย จะขอเปลี่ยนแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ นางก็เลยต้องจ่ายตังค์แล้วก็กินมันทั้งอย่างนั้นล่ะ ผิวสวยกันเลยทีเดียว

สำหรับเฉาก๊วยนี้ราคาแก้วละ 30,000 ด่อง แก้วละ 50 บาทเลยนะเนี่ยแอบแพงอยู่เหมือนกัน อย่างว่าแหละเมืองท่องเที่ยวราคาก็สูงเป็นธรรมดา พอทานกันเสร็จพวกเราก็เดินย้อนมายังสะพานญี่ปุ่น ตอนนี้คนเริ่มน้อยลงล่ะ

 

สะพานญี่ปุ่น (Japanese Covered Bridge) ก่อสร้างโดยชุมชนชาวญี่ปุ่นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว เป็นสะพานทรงโค้งหลังคามุงกระเบื้องสีเขียวและเหลืองเป็นคลื่น (ตอนนี้ไม่เห็นสีแล้วแหละ) ตรงกลางสะพานมีเจดีย์ทรงจัตุรัสที่สร้างอุทิศให้ดั๊กแดและตรันหวูบุคคลสำคัญ ก่อนเดินข้ามสะพานจะเห็นรูปปั้นรูปสุนัข เมื่อข้ามไปแล้วก็จะเจอกับลิงแหละ จขบ.ไม่ทราบเรื่องที่มาว่าทำไมข้างหนึ่งเป็นลิงข้างหนึ่งเป็นสุนัข ใครทราบโพสบอกกันบ้างนะคะ

สะพานแห่งนี้อีกฝั่งหนึ่งเป็นชุมชนจีน พอข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งจะเป็นชุมชนญี่ปุ่น ฝั่งญี่ปุ่นก็จะเห็นบ้านเรือนเก่าสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ตลอดจนร้านแกลอรี่ริมถนนคนเดินสองฟากฝั่งให้ได้เลือกซื้อหาสินค้างานฝีมือที่หลากหลาย พวกเราเดินดูของกันได้สักพักก็เดินย้อนกลับมาเอาจักรยานเพื่อปั่นต่อไปยังจุดหมายต่อไป นั่นคือ บ้านเลขที่ 101 ล่ะ

ไม่สงสัยเลยว่าสาวๆ เวียตนามเนี่ยเค้าหุ่นดีกันเพราะอะไร ก็เล่นปั่นจักรยานไปไหนมาไหน คนไม่เคยปั่นเนี่ยปั่นยากและเหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันนะ มาถึงตอนนี้รู้สึกเหมือนน้ำหนักหายไปซักหนึ่งกิโลแระ ก็เล่นมาวันแรกก็เดินมันซะทั่วฮานอยเลย มาเว้ก็เดินๆๆ จนมาฮอยอันเนี่ยดีหน่อยได้ปั่นจักรยาน ปกติไปไหนมาไหนก็มาสด้าไฟท์ตลอดอ่ะ อิอิ.. ไว้มาต่อกันตอนหน้านะคะ

By Pathanid C.

Create Date :30 พฤษภาคม 2555 Last Update :30 พฤษภาคม 2555 0:42:24 น. Counter : Pageviews. Comments :2