bloggang.com mainmenu search
ตอนที่แล้วเล่าถึง โฮจิมินท์ซิตี้ ไปแล้ว สำหรับตอนนี้อย่างที่บอกไว้เมื่อตอนที่แล้วว่ามาพิพิธภัณฑ์ซากสงครามเวียตนามใต้แล้วจะรู้สึกรักประเทศไทยอย่างมากมาย ตามมาดูกันต่อเลยนะว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น







พิพิธภัณฑ์แห่งนี้แบ่งเป็น 8 โซนในการจัดแสดง แต่ละโซนเล่าเรื่องราวแตกต่างกันไป โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดทำการเมื่อวันที่ 4 เดือนกันยายน พ.ศ 2518 เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งเดียวที่ทันสมัยและรวบรวมเรื่องราวต่างๆ ไว้ครบครัน มีคนมาที่นี่ไม่น้อยกว่าสิบล้านคน เฉลี่ยปีละ 400,000 คนต่อปีเลยล่ะ ตามพวกเราเข้ามาด้านในพิพิธภัณฑ์กันดีกว่า

ห้องแรกที่พวกเราจะเข้าไปชมเป็นห้องจัดแสดงภาพเกี่ยวกับอาวุธที่ใช้ในการรบของสงครามเวียตนาม มีหลายหลายชนิดเลยล่ะตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนขนาดใหญ่ เรียกว่าอาวุธครบครันกันเลยทีเดียว









ภายในห้องจัดแสดงแรก "Vestiges of war crimes and aftermaths" มีภาพเกี่ยวกับทหารในสงครามเวียตนามที่ปฏิบัติต่อชาวเวียตนาม มีภาพหนึ่งที่ทำให้ต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ว่าเค้าถืออะไรในมือ





ภาพที่เราเห็นเป็นทหารยืนถือศีรษะคนอ่ะ อีกภาพก็ลากคนกับรถดูแล้วน่ากลัวชะมัดเลยล่ะ และภาพเกี่ยวกับพลเมืองชาวเวียตนามหลังจากถูกระเบิดที่เรียกกันว่า "ฝนเหลือง" ดูแล้วรู้สึกสงสารและหดหู่มากมายล่ะ









รูปสุดท้ายเพื่อนน่าจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว เพราะจำได้ว่ามีคนฟอร์เวิรด์เมล์เกี่ยวกับการต่อสู้เรียกร้องสิทธิของหญิงชาวเวียตนามท่านนี้ พวกเราเดินต่อไปยังชั้นสองของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ห้องจัดแสดงที่มีชื่อว่า "Historical Truths" แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับสาเหตุของการทำสงคราม







ไม่น่าเชื่อทหารต่างชาติเข้ามาอยู่ในเวียตนามกันหนาแน่นประมาณ 43 กองทัพกระจายกันอยู่ทั่วเลยอ่ะ และรูปสุดท้ายเป็นภาพจุดที่ถูกฝนเหลือง เห็นแล้วโอกาสรอดชีวิตจากฝนเหลืองน้อยมากเลยล่ะ





ห้องจัดแสดงต่อไปเป็นห้องจัดแสดงชื่อ "Requiem" จัดแสดงภาพภ่ายจากนักข่าว 11 ประเทศในระหว่างสงครามเวียตนาม ภาพแต่ละภาพเรียกว่าสุดยอดเลย นักข่าวต้องเกาะติดสถานการณ์สงครามจนแทบจะเรียกว่าไปร่วมรบเลยดีกว่า









ห้องจัดแสดงต่อไปเป็นภาพชื่อว่า "Vietnam - War and Peace" จัดแสดงภาพถ่ายของนักข่าวญี่ปุ่น Ishikawa Bunyo และ Nakamura Goro





ดูจากภาพบ้างภาพแล้วตากล้องไม่รอดแฮะ ยังมีโซนจัดแสดงชื่อว่า "Imprisonment System" แสดงภาพการกักขังและการทรมานดูแล้วหดหู่เข้าไปอีก ที่นี่มีกล่องรับบริจาคเงินด้วยล่ะ มองจากในกล่องได้เยอะทีเดียว เพราะนักท่องเที่ยวที่เข้ามาที่นี่รับรู้จากภาพถ่ายที่ดูโหดร้ายเหลือเกินกับประเทศนี้





และนี่ก็เป็นสัญลักษณ์ของอิสรภาพล่ะ ไม่แปลกใจเลยว่าหน้าบ้านของชาวเวียตนามจะมีนิยมมีสัญลักษณ์รูปนกอยู่





ที่นี่จึงเป็นอนุสรณ์ที่ไว้สำหรับเตือนใจคนรุ่นหลัง และที่นี่ถูกบรรจุอยู่ในทัวร์ทุกทัวร์สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโฮจิมินท์ เหมือนเค้าต้องการสื่อให้นักท่องเที่ยวได้ทราบถึงความโหดร้ายที่พวกเขาได้รับช่วงสงคราม และทัวร์อุโมงค์กุดจี่ ที่ต้องบอกว่ากลอุบายง่ายๆ แต่ไม่ได้ง่ายในการทำลายล้าง เสียดายที่พวกเราไม่ได้ไปกันเพราะเวลาไม่พอล่ะ

พอมาเดินในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แล้วรู้สึกถึงความโหดร้าย ดูแล้วรักประเทศไทยมากมายเลยล่ะ การต่อสู้ของชนรุ่นหลังเพื่อให้ชนรุ่นเรามีผืนแผ่นดินอันเป็นปึกแผ่นแลกมาด้วยเลือดและปัญญาของบรรพบุรุษ เราในฐานะชนไทยเหตุใดจึงแบ่งแยกกัน ..

Blog ใน Mundoyo ตอนพิพิธภัณฑ์ซากสงคราม เบื้องหลังกว่าจะมาเป็นเมืองท่องเที่ยว ณ วันนี้
Create Date :09 สิงหาคม 2553 Last Update :10 สิงหาคม 2553 9:13:43 น. Counter : Pageviews. Comments :3