bloggang.com mainmenu search
ตอนที่แล้วเล่าถึง ชะโงกทัวร์ในหงสา แล้ว มีแฟนคลับถามมาเมื่อไหร่จะจบ ใกล้แล้วจ้า แหม .. มาพม่าทั้งทีไม่ไปเจดีย์ชเวดากองได้เยี่ยงไร หลังจากที่นั่งรถจากดินแดงหงสาเข้ามาย่างกุ้ง เวลาประมาณสองทุ่มแล้วล่ะ เว่นก็พาเรามาที่มหาเจดีย์ชเวดากอง ขอบอกว่าใหญ่โตมากมาย สมแล้วอ่ะที่เค้าเรียกว่า "มหาเจดีย์" เหอะ ค่าเข้าคนละ 5$ ล่ะ







พอเสียค่าเข้าเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะแจกสติ๊กเกอร์สีฟ้ามาให้แปะ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเสียค่าเข้าแล้ว เอาล่ะขึ้นลิฟต์ตามพวกเราแอนด์เดอะแก๊งค์ลุยชเวดากองกัน พวกเราออกจากลิฟท์มาก็เจอคนขายดอกไม้ ราคา 500 จ๊าด ถามเค้าว่าเรียกว่าดอกอะไร เค้าตอบว่า "โกลเด้นฟลาวเวอร์"



หน้าตาก็สวยงามอย่างที่เห็น สวยๆ แบบโกลเด้นฟลาวเวอร์ แหม.. นึกถึงดอกส้มสีทองขึ้นมาทันที ตอนไปกำลังออนแอร์อยู่เชียว เอาล่ะตามพวกเราแอนด์เดอะแก๊งค์ไปทำบูน ทำบุญกันดีกว่า

พระมหาเจดีย์ชเวดากอง หรือ เจดีย์เมืองดากอง ถือเป็นมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของพม่าเชียวล่ะ ว่ากันว่าสูงถึง 326 ฟุตเลยทีเดียว สาเหตุที่สูงนี่ก็เพราะว่ามีธรรมเนียมปฏิบัติให้พระมหากษตริย์แต่ละพระองค์ของพม่าและมอญ ก่อเสริมองค์พระเจดีย์ให้สูงขึ้นเรื่อยๆ จนมาในสมัยของพระนางซินสอบู กษัตรีมอญผู้ครองเมืองหงสาวดี ได้ริเริ่มธรรมเนียมการบริจาคทองเท่าน้ำหนักตัวเองในการบูรณะพระมหาเจดีย์แห่งนี้ ปัจจุบันว่ากันว่า ทองที่หุ้มพระมหาเจดีย์ชเวดากองแห่งนี้มีน้ำหนักถึง 1100 กิโลกรัมเลยทีเดียว





ว้าว.. สมกับคำกล่าวอ้างจริงๆ เลยล่ะ แม่เจ้าโว้ย .. อะไรมันจะอร่าอร่ามขนาดนี้เนี่ย ประกายของทองมองไปแสบตาเลยอ่ะ ไม่อยากจะคิดถึงมูลค่าอันมหาศาล

พวกเราแต่ละคนก็ต่างแยกย้ายกันไปไหว้พระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศรวม 8 องค์ ว่ากันว่า หากใครเกิดวันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

จขบ. ก็มาด้วยเหตุนี้ เพราะเกิดวันอังคาร ปีมะเมีย เค้าบอกไว้ว่าให้มานมัสการพระธาตุในพม่าหรืออินเดียเพื่อเสริมสิริมงคล จึงเป็นเหตุแห่งทริปนี้ ที่สำคัญการมานมัสการองค์พระธาตุนั้นต้องตั้งใจให้มั่นระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงค์ ก็เลยเดินท่องอิติปิโส

ตอนแรกก็คิดว่าสักสิบจบน่าจะเดินรอบมหาเจดีย์แล้วล่ะ .. ปรากฏว่าเดินยังไม่สามรอบเลย ท่องอิติปิโสจะเกินอายุตัวเองแล้วอ่ะ มหาเจดีย์จริงๆ อ่ะ ใหญ่มาก แบบจะใหญ่ไปไหนเนี่ย

และระหว่างที่กำลังท่องอิติปิโสอยู่นั้น ก็มีคุณลุงคนหนึ่งเข้ามาบอกว่า เนี่ยเป็นไกด์นะมาดูนี่สิแล้วก็ลากพวกเราไปดูซะงั้น แกพาไปดูจุดที่จะทำให้มองเห็นยอดฉัตรเพชรเป็นแสงแวววาวล่ะ น่าจะเป็นจุดเดียวที่เห็นด้วยล่ะ



จุดที่จะเห็นแสงจะอยู่ใกล้ๆ กับ Chinese Merited Association นี่แหละ เป็นที่ตั้งธูปเทียนอ่ะ เดินไปเดินมาสังเกตุดีๆ ก็จะเห็นแสงจากยอดฉัตรเพชร



ดูในรูปอาจจะเล็กๆ (จุดสีขาว) แต่ขอบอกว่านั่นนะ หลักร้อยกะรัตเชียวนะคุณๆ ไม่ต้องถามถึงมูลค่าเลยอ่ะ เป็นบุญตาของ จขบ. ยิ่งนัก ที่ได้มีโอกาสมานมัสการพระธาตุในต่างแดนเช่นนี้











ยังแอบนึกในใจเลยว่า ถ้ามีเงินนะจะมานมัสการทุกปีเลยเหอะ (ถ้ามีเงินนะ อิอิ) พอเดินท่องอิติปิโสเสร็จก็เดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ เดอะแก๊งค์ ที่นั่งๆ นอนๆ ถ่ายรูปกันยกใหญ่ ดีนะที่เพื่อนสาวถอยเลนส์ไวด์มาใหม่เก็บมุมรูปหมู่ได้เต็มๆ เลยล่ะ













งานนี้จัดเต็มมาทั้งทีไม่ลืมสวัสดีแบบไทยๆ ด้วยนะ เล่นเอาคนแถวนั้นมองงงกันไปเลย พวกมันทำไรกันเนี่ย ต้องขอบคุณล็อกอินวีปครีมรสมะนาว ที่เอื้อเฟื้อภาพถ่ายมานะจ๊ะ

นี่พวกเราก็อยู่กันมานานแล้วนะเนี่ย สามทุ่มแล้ว นี่กินเวลา "เว่น" ไกด์มาเยอะแล้วนะเนี่ยวันนี้อ่ะ ไปๆ รีบไปกันเถอะ



แต่พอมาเจออีกจุดที่เค้าให้ดูฉัตรเพชรหลายสี แวะดูกันซะงั้น แต่เห็นจริงๆ นะจุดนี้จะสามารถมองเห็นฉัตรเพชรที่ระยิบระยับส่งประกายแสง เป็นสีแดง เหลือง เขียว ม่วง เลยล่ะ แปลกจังอ่ะ เอ้าๆๆ ไปๆๆ กลับๆๆ หิวข้าวแล้นนน

พอไปเจอเว่นก็บอกว่าช่วยพาเราไปส่งร้านอาหารแล้วเอาของไปที่โรงแรมเว่นก็จะได้กลับบ้าน แต่ปรากฏว่าเว่นรออ่ะ เป็นไกด์ที่ทุ่มเทมากอ่ะรอพวกเราลงจากพระธาตุอินแขวนเลสเป็นครึ่งวัน ยังรอเราจนเกือบจะห้าทุ่มอีกต่างหากเหอะ มาเล่าต่อตอนหน้านะเพราะเว่นจะพาเราไปเที่ยวไซน่าทาวน์พม่าล่ะ
Create Date :24 สิงหาคม 2554 Last Update :25 สิงหาคม 2554 18:55:42 น. Counter : Pageviews. Comments :4