bloggang.com mainmenu search
เช้าวันที่สองของการเดินทาง .. ได้เวลาอำลา "เมืองโบราณเฟิ่งหวงพวกเราเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมเช้ามาก พนักงานที่นี่ก็ให้คำแนะนำได้ดีมาก จึงไม่แปลกใจนักว่านักเดินทางมักจะมาพักที่นี่ หลังจากเช็คเอ้าท์ก็สอบถามเส้นทางเรียบร้อยก็ได้เวลาลากกระเป๋าไปต่อแล้วจ้า 





ระหว่างที่เอ็มมี่เจรจาอยู่นั้น จขบ.ก็หันไปเห็นแผนที่ที่เค้าแปะไว้ข้างฝา นี่คือแผนที่เมืองโบราณเฟิ่งหวง
ดูจากแผนที่ไม่ใหญ่เนอะ แต่ลองมาเดินจริงๆ ดิต้องมีสองวันอ่ะ จขบ.พูดเลย
ที่เห็นนี่แค่เส้นทางหลักๆ เท่านั้นนะ เดินจริงซอกซอยเยอะเต็มไปหมด

ตอนนี้พวกเราก็จะเดินทางไปอู่หลิงหยวน ถามไหมว่าทันรถไหมถ้าเดินไม่ทันแน่เลย
งานนี้ต้องวิ่งกันแล้วล่ะ ป้าแก่ๆ อย่างอิชั้นถึงกับหอบเลยทีเดียว







พวกเราเดิน ไม่สิใช้คำว่า "จ้ำ" เลยทีกว่า หมดกันไม่ได้เดินฟินๆ กินบรรยากาศยามเช้าเลย
(หลังจากพวกเราเดินทางกลับประเทศไทยก็ได้ข่าวน้ำท่วมเมืองโบราณแห่งนี้กว่า 3 เมตรเลยทีเดียว ยิ่งทำให้เสียดายเข้าไปใหญ่)


ช่วงเช้าๆ ของที่นี่จะได้เห็นผู้คนค้าขายโดยหาบของมาขายแบบนี้ ที่เห็นเนี่ยเป็นหมูนะจ๊ะ
ถ้าคิดว่ามาเมืองจีนกินอาหารบ้านๆ จะได้กินหมูสด ขอบอกเลยว่าคุณฝันแล้วล่ะบ้านๆ เนี่ยเค้ากินหมูรมควันแบบนี้แหละ
จขบ.เดาว่าน่าจะเป็นการถนอมอาหารแบบหนึ่ง ซึ่งหมูอ่ะเค็มมากเค้าจะซอยเป็นชิ้นเล็กๆ
ขอบอกว่าเล็กมา จขบ.นึกว่าอนุของหมู หมูสับบ้านชั้นยังชิ้นใหญ่กว่าเลยอ่ะ


กว่าจะเดินมาถึงป้ายรถเมล์ทำเอาหอบเลยอิชั้น ซึ่งตอนนี้เฉียดฉิวแล้วเวลาก็ไล่เข้ามา แท็กซี่ก็ไม่มี
จนสุดท้ายเอ็มมี่ตัดสินใจเรียกใช้บริการแท็กซี่ผี (แหม.. นึกว่ามีแต่เมืองไทยเสียอีก) ค่าบริการก็จะแพงกว่าแท็กซี่ปกติ
แต่ก็เอานะดีกว่าตกรถแระกัน







พอมาถึงขนส่งเอ็มมี่กับนุ่นก็วิ่งเลยจ้า มุ่งตรงไปยังที่ขายตั๋ว ส่วน จขบ.และพี่พู่ก็แผนกลากกระเป๋า หลังจากเจรจากันเสร็จก็ได้ตั๋วมา 3 ใบ แต่ใบที่ 4 นี่ดิเป็นเหมือนตั๋วผีอ่ะ ได้ตั๋วแล้วนิขึ้นบนรถเลยจ้า ไม่มีที่นั่งเลยเต็มหมดพวกเราเลยต้องยืน ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่มาไล่ลงรถ อย่าถามนะว่ามันพูดว่าอะไรไม่รู้เหมือนกัน เค้าให้ลงก็ต้องลงอ่ะ คนขายตั๋วก็บอกพวกเราให้รอก่อนเดี๋ยวมีรถไปอีกรอบ เอาวะรอก็ต้องรออ่ะไม่รอจะไปไงฟ่ะ 




รอประมาณชั่วโมงหนึ่งรถก็มาแล้วว.. คนขายตั๋วก็บอกให้ขึ้นคันนี้เลย อิชั้นก็เลือกแถวหน้าเลยจ้า ระหว่างที่รถจอดอยู่นั้นก็มีนวัตกรรมจีนขึ้นมาค้าขายสินค้านวัตกรรมต่างๆ ของประเทศจีน สมกับเป็นเมืองค้าขายจริงๆ ไม่ปล่อยโอกาสให้ว่างเว้น ไม่ได้ขายเปล่านะคะ สาธิตให้ชมเป็นเรื่องเป็นราวเลยจ้า เอ็มมี่บอกเป็นเรื่องปกติมากเดี๋ยวจะได้เห็นนวัตกรรมจีนตลอดการเดินทาง เพราะฉะนั้นมาที่นี่ห้ามตื่นเต้นกับนวัตกรรมจีนเป็นอันขาด มิฉะนั้นจะโดนสิงไม่ลดละเลยเหอะ 


จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจตั๋วแล้วก็พูดเสียงดังเลย ประมาณว่าขายตั๋วไปอู่หลินหลวนแต่ทำไมให้ขึ้นรถไปจางเจียเจี้ย เอาแล้วไงตรูยิ่งมึนๆ อยู่ฟังก็ไม่รู้เรื่อง แต่เจ้าหน้าที่เค้าดีมากอ่ะคืนเงินให้พวกเรา 10 CNY แล้วก็บอกว่าต้องนั่งไปลงจางเจียเจี้ยแล้วนั่งรถกลับมาอู่หลินหยวน การเดินทางก็ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง หลับสบายเลยต้องบอกว่าคนขับรถบัสที่นี่ขับดีมากอ่ะไม่น่ากลัวเลย 










ระหว่างนั่งรถก็ได้เห็นสองข้างทาง วิถีคนแถวนี้ยังเน้นการทำเกษตรกรรม ส่วนใหญ่ก็ปลูกข้าวโพดเป็นหลัก
เห็นปลูกกันทุกบ้านเลย พื้นที่เล็กๆ น้อยๆ ก็ปลูกล่ะ บ้านช่องเค้าก็เหมือนกล่องสี่เหลี่ยม ไม่ว่าจะรวยหรือจนเหลี่ยมทั้งนั้นเลยอ่ะ
จขบ.ก็ถ่ายรูปผ่านกระจกจะมัวๆ นิดหนึ่งนะ



แล้วพวกเราก็เดินทางมาถึงอู่รถที่ต้องไปต่อรถย้อนกลับไปอู่หลินหยวน สังเกตุไม่ยากคันไหนไปอู่หลิงหยวน
เค้าจะมีคนขายแผนที่หุบเขาอวตารอ่ะ ตรงนั้นแหละที่ขึ้นรถ





รถก็หน้าตาเป็นแบบนี้แหละ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็เดินทางมาถึงอู่หลินหยวนแล้ว
จอดบุ๊บก็สามารถเดินตรงไปเลยค่ะ จะเห็นคนเดินกันเยอะๆ ก็เดินตามเค้าไปนั่นแหละทางขึ้นหุบเขาอวตาร



พวกเรานั่งรถบัสมาลงตรงวงเวียนน้ำพุ จากนั้นก็ต่อแท็กซี่ 10 CNY เพื่อมายังทางขึ้นเขาอวตาร
แท็กซี่ก็พยายามขายที่พักและทัวร์พวกเราเหลือเกิ๊น แล้วก็ยื่นกระดาษให้ดู เอ่อ ตรูอ่านไม่ออกมีแต่ภาษาจีน พี่ก็ยังไม่ลดละ
พยายามขายอยู่นั่นแหละ เชื่อจริงเลยว่าเป็นเมืองค้าขาย ขายทุกสถานการณ์ ถามตรูสักคำม๊ะว่าฟังออกเปล่า

มาถึงแล้ววทางขึ้นหุบเขาอวตาร

ว่าแต่ตอนนี้ก็บ่ายแล้ว ออกจากเฟิ่งหวงก็ไม่ได้กินอะไรกันมาเลย ตรงดิ่งมาอู่หลิงหยวนเนี่ย ต้องหาอะไรมาปลดปล่อยความหิวกันเสียหน่อย
หันซ้ายหันขวาเอาร้านนี้แล้วกัน สะดวกดีแลดูน่าจะมีของกินได้เยอะ





เหมือนเดิมเลยก๋วยเตี๋ยวลักษณะหน้าตาเหมือนกันทุกที่ ราคาไม่แพง 10 CNY เส้นเหนียมนุ่มดี
ถามว่าอร่อยไหม ไม่อยากตอบเลยเอาแค่พอประทังชีวิตไปวันๆ พอแระ อย่าคาดหวังว่ามันจะอร่อยเหมือนอาหารจีนบ้านเรานะ
ท้องอิ่มมีแรงแระเดินกันต่อไปจ้า กว่าจะสื่อสารกะเจ้ที่ขายรู้เรื่องทำเอาเหนื่อยเลยทีเดียว ดีนะที่มีโต๊ะข้างๆ พอรู้เรื่องภาษาอังกฤษ
จึงทำให้เราสื่อสารกับเจ้คนขายแกได้เหอะ เอาซะเหนื่อยเลยสั่งก๋วยเตี๋ยวชามเดียว





พวกเราก็เดินกันมาเรื่อยๆ เชื่อยังว่ามาที่นี่ใช้กระเป๋าล้อลากเหอะ ถนนลากสบายไม่ต้องแบกเป้ให้หนัก ทริปนี้กลับมาบ้าน จขบ.ปวดไหล่เลย
เพราะเอากระเป๋าเป้ไปอยู่คนเดียว เข็ดเลยจ้าไปจีนคราวหน้าตรูจะลากอย่างเดียวเลย
มาต่อตอนหน้านะคะ สวัสดีหุบเขาอวตาร

Photo and Story By
Patthanid C.
Create Date :01 เมษายน 2558 Last Update :17 เมษายน 2558 9:19:42 น. Counter : 2439 Pageviews. Comments :0