Group Blog
All Blog
|
### ขนมตูปะหรือข้าวต้มใบกะพ้อ ###
........ สมัยก่อนจะเป็นข้าวต้มลูกโยนชนิดหนึ่ง ที่ทำในเทศกาลต่าง ๆ ของชาวใต้ และเป็นขนมที่ทำจาก ข้าวเหนียวห่อด้วยใบกะพ้อ รูปทรงสามเหลี่ยม ตรงปลายเรียวเล็ก ข้าวต้ม จะเหลือก้านใบ ทำเป็นหางไว้สำหรับหยิบ เป็นที่นิยมกันมากของศาสนาอิสลาม ในงานเทศกาลต่าง ๆ เช่น งานในวันฮารีรายอและในงานอื่น ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของความรักใคร่ กลมเกลียวกัน เพราะการทำขนม ต้องช่วยกันหลายแรง การเตรียม แทงต้ม หรือทำต้ม หรือขนมต้มนั่นเอง โดยต้องเตรียมหายอดกะพ้อ ไว้ให้พร้อมก่อน 2-3 วัน นำข้าวเหนียวแช่ให้อ่อนตัว แล้วผัดด้วยน้ำกะทิให้เกือบสุก จึงนำมาห่อด้วยใบกะพ้อเป็นรูป 3 มุม คล้ายฝักกระจับ แต่ละลูกมีขนาดตาม ใบกะพ้อ เมื่อเสร็จนำไปนึ่งให้สุกอีกที่หนึ่ง ส่วนใหญ่นิยมทำอยู่กัน 2 แบบ คือ ข้าวเหนียวที่มีสีขาว และข้าวเหนียวที่มีสีดำ นอกจากข้าวเหนียวจะมีประโยชน์ทางด้านอาหารแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย เช่น บำรุงร่างกาย ช่วยขับลมในร่างกาย สร้างสารอาหาร เสริมสมรรถภาพกระเพาะอาหาร ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เนียนขึ้น ชาวใต้จะนำยอดอ่อน ที่ยังไม่บานมาห่อข้าวต้มใบพ้อ..... เล่นกันทั่วไป เช่นพัทลุง นครศรีธรรมราช และสงขลา ที่เล่นกันในวันชักพระหรือลากพระ เป็นการเล่นประลองกำลัง หรือประลองฝีมือในหมู่ชายหนุ่ม มักจะเล่นกันในเวลา บ่ายตอนชักพระทางบก กลับวัดระหว่างทาง ก็จะหยุดพักเป็นช่วงๆ แล้วแข่งขัน ซัดต้มกันเป็นคู่ๆ อยู่บนเวทีหรือพื้นที่กำหนด ให้ห่างกัน 6-8 เมตร หันหน้าเข้าหากัน มีลูกต้มวางไว้ข้างหน้า ฝ่ายละประมาณ 25-35 ลูก มีกรรมการคอยเป็นผู้กำหนด การซัดหรือการปาต้ม จะผลัดกันปาคนละครั้ง หรือปาคนละ 3 ครั้ง เป็นการร่วมบุญอย่างหนึ่ง สามารถนำต้มไปให้ เพื่อแสดงความคารวะผู้เฒ่าที่นับถือ แล้วเอาต้มไปแขวนที่เรือพระ เสมือนหนึ่งมอบไว้ เป็นเสบียงเดินทางของคณะแห่เรือพระ โดยอุปมาเหมือนทำบุญ ไปสู่บรรพบุรุษ ผู้ล่วงลับไปแล้วให้ได้กุศล ### ขนมเปี๊ยะ ###
............. สัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคล ความปรารถนาดีต่อกัน และความสมัครสมานสามัคคี เป็นขนมที่มักใช้ประกอบ ในเทศกาลต่างๆของชาวจีน ซึ่งความหมายของขนมเปี๊ยะ และขนมบางอย่าง เป็นตำนานการกู้ชาติ เช่น ขนมไหว้พระจันทร์ ที่ชาวจีนผู้กล้าหาญได้จัดตั้ง ขบวนการใต้ดิน เพื่อกู้ชาติจากมองโกล ในสมัยนั้นในวันเพ็ญเดือนแปด ชาวจีนมีประเพณี สักการะเจ้าแม่กวนอิม โดยทำขนมเปี๊ยะแลกกัน ในหมู่ญาติ ขบวนการใต้ดินจึงใช้ขนมเปี๊ยะสอดไส้ ใส่จดหมายนัดแนะ ให้พร้อมใจกันต่อสู้ มักจะถูกเลือกอย่างพิถีพิถัน เพื่อความเป็นมงคล ของงาน ส่วนใหญ่จะเลือกจากชื่อ และลักษณะของอาหาร มีสามีภรรยาคู่หนึ่งแต่งงาน อยู่ด้วยกันที่บ้านของฝ่ายสามี อยู่มาวันหนึ่งพ่อของสามีป่วยหนัก แต่ไม่มีเงินรักษา ด้วยความกตัญญูภรรยา จึงนำตัวไปขัดดอก แลกกับการยืมเงินมารักษา อาการป่วยของพ่อสามี เมื่อพ่อสามีหาย จากอาการป่วย สามีจึงหาวิธีไปไถ่ตัวภรรยา โดยทำขนมเปี๊ยะ ออกไปขาย ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ มีเงินไปไถ่ตัวภรรยา จึงเกิดเป็นชื่อ เหล่าผั่วเปี๊ยะ ไปทำงานอยู่ ที่กวางโจว เมื่อครั้นจะกลับบ้าน ภรรยาได้ยินข่าวจึงคิดทำขนมเปี๊ยะออกมาเพื่อจะเอาใจสามี เมื่อสามีได้ทาน ถึงกับกล่าวว่ามันวิเศษมาก และก่อนที่จะเดินทางกลับ ไปทำงานจึงขอให้ภรรยา ทำขึ้นมา เพื่อจะนำไปฝากเจ้านาย และเพื่อนๆ ทำให้เกิดการติดอกติดใจ และเกิดการบอกต่อเป็นตำนานจนได้ชื่อว่า เตี่ยจิวเหล่าผ่อเปี๊ยะ ที่มีต่อบรรพชน รวมไปถึงความเอื้ออาทร ระหว่างสามีภรรยาที่มีต่อกัน ทำให้ขนมเปี๊ยะ เป็นขนมที่คนจีนนิยมใช้ในงานมงคล ทั้ง งานหมั้น งานแต่งงาน หรือ เป็นของขวัญ รวมไปถึงการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ขนมเปี๊ยะ คนจีนเรียกว่า ผั่วเปี้ย แต่คนไทยเรียกว่า ขนมเปี๊ยะ แต่เมื่อวัฒนธรรมไทยจีน เริ่มผสมผสานกลมกลืนกัน จนเริ่มมีกลิ่นและมีรสชาติแบบไทยๆ ใส้จึงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ทุเรียน ไข่แดง คนละชนิดกัน เต้าส้อเนื้อแป้งกรอบนอกนุ่มใน และการอบซึ่งเป็นเอกลักษณ์ โดยจะอบทั้งสองหน้า ของขนมทำให้ขนมกรอบและนุ่ม ขนมเต้าส้อทำมาจาก ถั่วเขียวบดผสม กับน้ำตาลแบะแซ ซึ่งมีทั้งไส้หวานและไส้เค็ม ### ขนมแดกงา ###
................... อาหารพื้นเมืองโบราณของไทยเลย เป็นของหวานแบบบ้านๆ มีเฉพาะฤดูกาล คือ หน้าหนาวเท่านั้น ประกอบไปด้วย งาเจียง น้ำอ้อย และข้าวเหนียว ช่วงหน้าหนาวนี้เป็นช่วงที่ข้าวเพิ่งเริ่มออกใหม่ มีความหอมหวานอยู่ในตัว และยิ่งนำมาปรุงกับงาเจียง และน้ำอ้อย ก็ยิ่งทำให้เกิดความหอมหวานยิ่งขึ้น งาเจียงจะมีเฉพาะหน้าหนาวเท่านั้น มีลักษณะเป็นเม็ดกลม คล้ายเมล็ดผักกาด โดยเริ่มจากนำงาเจียง ไปตำให้ละเอียด โดยไม่ต้องคั่ว เพราะจะให้กลิ่นหอมเย็น จากนั้นก็นำน้ำอ้อย ไปตำรวมกับงาเจียงที่ละเอียดแล้ว คลุกแคล้าให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียว ชิมรสให้หอมหวานพอดี นำข้าวไปคลุกเคล้า เวลาจะทานให้นำข้าวไป คลุกเ กับงาและน้ำอ้อย ที่ได้ตำละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ### ขนมหยกมณี ###
.......... ขนมไทยโบราณ ทำง่าย อร่อย ไม่ค่อยมีวางขายในตลาด จึงหาทานได้ยากมาก ทำจากสาคูเม็ดเล็ก กวนกับน้ำและน้ำตาล รับประทานคู่กับมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย แต่เดิมนิยมใช้สีเขียวจากใบเตย จึงเรียกว่า ขนมหยกมณี ปัจจุบันมีการปรุงแต่งสีต่าง ๆ เช่น สีชมพู สีม่วง สีเหลือง เป็นต้น ถ้ามีหลายสีอาจใช้ชื่อเรียกตามสีที่ใส่หรือตั้งชื่อให้ไพเราะ เข้าใจว่าเม็ดสาคูมาจากต้นสาคู แต่จริงๆแล้วไม่เป็นอย่างนั้น เม็ดสาคูทำมาจาก แป้งมันสำปะหลัง ที่มีลักษณะคล้ายแป้งสาคู สมัยก่อนเม็ดสาคูทำมาจากต้นสาคู ที่เป็นพืชตระกูลปาล์ม แต่หลังจากมีการนำเข้า มันสำปะหลัง มาปลูกในประเทศไทย อย่างแพร่หลาย การทำเม็ดสาคู ได้ใช้แป้งมันสำปะหลังแทน ต้นสาคูไม่ถูกนำมาใช้เป็นแป้ง และเม็ดสาคูต่อไป จนในที่สุดป่าสาคู ที่มีนับแสนไร่ในประเทศไทย ในอดีต ถูกทำลาย เหลือไม่กี่หมื่นไร่ ### ขนมเกสรชมพู่ ###
........ ขนมไทยโบราณ คล้ายข้าวเหนียวแก้ว ต่างกันที่ส่วนประกอบหลัก เกสรชมพู่จะดูนุ่มนวล อ่อนโยน ที่ทำจากมะพร้าวขูดขาว น้ำตาลทราย วุ้น ตักใส่ถ้วย รสชาด เกสรชมพู่จะมีความมัน ความหอมของมะพร้าว และมีความหวานเป็นเอกลักษณ์ ต่างกับเกสรลำเจียก ที่รูปลักษณะ และส่วนผสม เกสรชมพู่ทำเป็นคำ คล้ายกับเกสรชมพู่จริงๆ เกสรลำเจียก จะปั้นเป็นลักษณะรียาว หรือคล้ายๆ กระเปาะ และไม่ใส่ผงวุ้น |
tangkay
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?] (‿✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้ แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ .... สิบปีผ่านไป....... อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์ แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ Link |