Group Blog
All Blog
### ขนมครก ###


















ขนมครก ...

ขนมไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณ

 เป็นที่นิยมแพร่หลาย มาตั้งแต่สมัยอยุธยา

 มีการทำเตาขนมครกขาย ตั้งแต่ยุคนั้น

 ทำจากแป้ง น้ำตาล และกะทิ แล้วเทลงบนเตาหลุม

เวลาจะทานต้องแคะออกมา เป็นแผ่นวงกลม

 แล้วมักวางประกบกัน ตอนรับประทาน

นอกจากนี้ยังพบในพม่า ลาว และอินโดนีเซีย

 โดยชาวอินโดนีเซียเรียกว่า serabi

ขนมครกแต่เดิม ใช้ข้าวเจ้าแช่น้ำโม่
รวมกับหางกะทิ

 ข้าวสวย และมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย

ผสมเกลือเล็กน้อย ใช้เป็นตัวขนม

ส่วนหน้าของขนมครก เป็นหัวกะทิ

 ขนมครกชาววังจะมีการดัดแปลง

หน้าขนมครกให้แปลกไปอีก เช่น หน้ากุ้ง

แบบเดียวกับข้าวเหนียวหน้ากุ้ง

หน้าไข่ หน้าหมู แบบเดียวกับไส้ปั้นสิบ

หน้าเผือก หน้าข้าวโพด หน้าต้นหอม

หลักฐานเก่าแก่ที่สุด คือ

วรรณคดีมรดกสุโขทัย เรื่องไตรภูมิพระร่วง

 ซึ่งกล่าวถึงขนมต้ม ที่เป็นขนมไทยชนิดหนึ่งไว้

ขนมไทย เริ่มแพร่หลายมากขึ้นในสมัยอยุธยา

 บางฉบับกล่าวถึง “ ย่านป่าขนม ”

หรือตลาดขนม บางฉบับกล่าวถึง “ บ้านหม้อ ”

ที่มีการปั้นหม้อ และรวมไปถึง

กระทะขนมเบื้องเตา และรัง "ขนมครก"

แสดงให้เห็นว่าขนมครก

และขนมเบื้องนั้นคงจะแพร่หลายมาก

จนถึง ขนาดมีการปั้นเตา และกระทะขาย

ต้นกำเนิดขนมครก เป็นตำนานที่เล่ากันมา

 กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

มีหนุ่มน้อยผู้ยากไร้เงินทอง ชื่อว่ากะทิ

ได้เกิดไปหลงรัก แป้งสาวน้อยแสนสวย

 ซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียว ของผู้ใหญ่บ้าน

ที่มีอิทธิพลล้นฟ้า แป้งและกะทินั้นรักกัน

มาตั้งแต่แรกพบเมื่อครั้งเยาว์วัย

ครั้นเมื่อถึงงานลอยกระทง

ทั้งคู่ ได้อธิษฐานว่า ขอให้ได้ครองรักกัน ชั่วฟ้าดินสลาย

จะไม่มีอะไรมาพรากจากกันได้

กะทิจึงตั้งใจมั่นว่าจะทำงานเก็บเงิน

  เพื่อที่จะนำไปสู่ขอสาวน้อยลูกผู้ใหญ่บ้าน

เมื่อผู้ใหญ่บ้านพ่อของแป้งรู้
จึงคิดจะแยกทั้งสองให้จากกัน

โดยที่ทั้งส่งคนไปทำร้ายกะทิ หวังให้หลาบจำ

จนไม่กล้าเด็ดดอกฟ้าอีก ผู้ใหญ่ยังยกแป้งให้กับปลัดหนุ่ม

คนบางกอกทันทีที่มาสู่ขอหนูแป้ง ในวันงาน

ผู้ใหญ่คิดว่า กะทิก็ต้องมาล้มงานอย่างแน่นอน

 ท่านจึงสั่งให้คนขุดสร้างหลุมพรางรอ

เมื่อแป้งรู้เข้าจึงคิดจะไปเตือนชายหนุ่ม ไม่อยากให้เขามีอันตราย

เมื่อเห็นหน้าคนรัก ทั้งคู่ก็วิ่งเข้าหากันอย่างดีใจสุดชีวิต

แต่แล้วแป้งก็ได้ตกไปในหลุมนั้น

กะทิก็เลยกระโดดตามลงไปเพื่อจะช่วย แต่ก็ไม่สามารถขึ้นมาได้

 อารามดีใจสมุนของผู้ใหญ่บ้านซึ่งแอบซุ่มอยู่

ก็รีบเข้ามาโกยดินฝังกลบหลุม ที่ทั้งคู่หล่นลงไป

เพราะคิดว่าในหลุม มีเพียงหนุ่มกะทิ

ในตอนเช้าผู้ใหญ่ ก็มาที่หลุมพราง
สั่งให้ลูกน้องขุด

 พบร่างของ กะทิตระกองกอด ร่างหนูแป้งลูกสาว

นอนตายคู่กันอย่างมีความสุข

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
อนุสรณ์แห่งความรัก

ที่กระทำสืบทอดกันมาจนเป็นประเพณี ทุกแรม 6 ค่ำ เดือน 6

ชาวบ้านที่ศรัทธา ในความรักของกะทิ กับ แป้ง

 ก็จะตื่นตั้งแต่เช้ามืด เข้าครัว เพื่อทำขนมที่หอมหวาน

ปรุงจากแป้ง และกะทิ บรรจงหยอดลงหลุม

พอสุกได้ที่ก็แคะจากหลุม แล้วนำมาวางคว่ำหน้าซ้อนกัน

เป็นสัญลักษณ์ว่า "จะได้อยู่ร่วมกันตลอดไป"

 ขนมนี้จึงถูกเรียกขานกันในนาม

"ขนมแห่งความรัก" หรือ ขนม คน-รัก-กัน

ต่อมาถูกเรียกย่อ ๆ ว่า 'ขนม ค-ร-ก'

จริงเท็จแค่ไหนไม่ทราบแน่



ขอบคุณที่มา  fb. Anna  Jill

ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ
















Create Date : 10 ธันวาคม 2557
Last Update : 16 กันยายน 2558 12:55:02 น.
Counter : 1716 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ