ขนมเปี๊ยะ "ปิ่ง" 餅
.............
สัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคล ความปรารถนาดีต่อกัน
และความสมัครสมานสามัคคี
เป็นขนมที่มักใช้ประกอบ ในเทศกาลต่างๆของชาวจีน
ซึ่งความหมายของขนมเปี๊ยะ และขนมบางอย่าง
เป็นตำนานการกู้ชาติ เช่น ขนมไหว้พระจันทร์
ที่ชาวจีนผู้กล้าหาญได้จัดตั้ง ขบวนการใต้ดิน
เพื่อกู้ชาติจากมองโกล ในสมัยนั้นในวันเพ็ญเดือนแปด
ชาวจีนมีประเพณี สักการะเจ้าแม่กวนอิม
โดยทำขนมเปี๊ยะแลกกัน ในหมู่ญาติ
ขบวนการใต้ดินจึงใช้ขนมเปี๊ยะสอดไส้
ใส่จดหมายนัดแนะ ให้พร้อมใจกันต่อสู้
อาหารที่ใช้ใน งานมงคลของจีนนั้น
มักจะถูกเลือกอย่างพิถีพิถัน เพื่อความเป็นมงคล ของงาน
ส่วนใหญ่จะเลือกจากชื่อ และลักษณะของอาหาร
ตำนานขนมเปี๊ยะมี 2 ตำนาน... ตำนานแรก
มีสามีภรรยาคู่หนึ่งแต่งงาน อยู่ด้วยกันที่บ้านของฝ่ายสามี
อยู่มาวันหนึ่งพ่อของสามีป่วยหนัก แต่ไม่มีเงินรักษา
ด้วยความกตัญญูภรรยา จึงนำตัวไปขัดดอก
แลกกับการยืมเงินมารักษา อาการป่วยของพ่อสามี
เมื่อพ่อสามีหาย จากอาการป่วย สามีจึงหาวิธีไปไถ่ตัวภรรยา
โดยทำขนมเปี๊ยะ ออกไปขาย ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ
มีเงินไปไถ่ตัวภรรยา จึงเกิดเป็นชื่อ เหล่าผั่วเปี๊ยะ
ตำนานที่สอง มีชายคนหนึ่งเดินทางออกจากบ้าน
ไปทำงานอยู่ ที่กวางโจว เมื่อครั้นจะกลับบ้าน
ภรรยาได้ยินข่าวจึงคิดทำขนมเปี๊ยะออกมาเพื่อจะเอาใจสามี
เมื่อสามีได้ทาน ถึงกับกล่าวว่ามันวิเศษมาก
และก่อนที่จะเดินทางกลับ ไปทำงานจึงขอให้ภรรยา ทำขึ้นมา
เพื่อจะนำไปฝากเจ้านาย และเพื่อนๆ ทำให้เกิดการติดอกติดใจ
และเกิดการบอกต่อเป็นตำนานจนได้ชื่อว่า เตี่ยจิวเหล่าผ่อเปี๊ยะ
ตำนานขนมเปี๊ยะ เสมือนตัวแทนของความรัก ความกตัญญู
ที่มีต่อบรรพชน รวมไปถึงความเอื้ออาทร
ระหว่างสามีภรรยาที่มีต่อกัน
ทำให้ขนมเปี๊ยะ เป็นขนมที่คนจีนนิยมใช้ในงานมงคล
ทั้ง งานหมั้น งานแต่งงาน หรือ เป็นของขวัญ
รวมไปถึงการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
ขนมเปี๊ยะ คนจีนเรียกว่า ผั่วเปี้ย
แต่คนไทยเรียกว่า ขนมเปี๊ยะ
เดิมนั้นไส้ จะมีส่วนประกอบ เป็น ถั่วและฟัก
แต่เมื่อวัฒนธรรมไทยจีน เริ่มผสมผสานกลมกลืนกัน
จนเริ่มมีกลิ่นและมีรสชาติแบบไทยๆ
ใส้จึงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ทุเรียน ไข่แดง
ขนมเปี๊ยะ มีลักษณะคล้ายเต้าส้อมาก ต่างกันที่ การใช้แป้ง
คนละชนิดกัน เต้าส้อเนื้อแป้งกรอบนอกนุ่มใน
และการอบซึ่งเป็นเอกลักษณ์ โดยจะอบทั้งสองหน้า
ของขนมทำให้ขนมกรอบและนุ่ม
ขนมเต้าส้อทำมาจาก ถั่วเขียวบดผสม กับน้ำตาลแบะแซ
ซึ่งมีทั้งไส้หวานและไส้เค็ม
ขอบคุณข้อมูลจาก fb. Siriwanna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ