|
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๗ )

วันรุ่งขึ้น คุณนพ เจ้าภาพที่ภูเก็ต ได้นำผมออกไปจองตั๋วของกรีนบัส รถทัวร์บ้านเฮา จากภูเก็ตถึงเชียงราย กลับอุตรดิตถ์ในตอนค่ำที่ตัวแทนจำหน่ายตรงสี่แยกท่าเรือ อ.ถลาง โดยขณะที่ตัวแกก็มีโปรแกรมจะออกบินข้ามภาคจากภูเก็ตไปเชียงใหม่ในตอนสายวันรุ่งขึ้น และเดินทางมาที่นครสวรรค์บ้านเกิด รายการทัวร์ภูเก็ตในวันนี้ จึงอยู่ในหัวของแกทั้งวัน
หลังจากจองตั๋วรถทัวร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าภาพบอกว่าจะพาผมไปชมเขารัง จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งหนี่งของภูเก็ต ไม่แพ้ปีนังฮิลล์ทีเดียว

เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๕ สมัยผมเรียนอยู่ที่ชั้น ม.ศ.๔ แผนกศิลปะนั้น ภาควิชาสังคมศาสตร์ได้จัดทำเที่ยวภาคใต้ที่ภูเก็ต บังเอิญแม่ผมใจดี เลยมีโอกาสไปเที่ยวในคราวนี้ด้วย และที่สำคัญที่สุดคือขึ้นไปเที่ยวเขารัง หาดสุรินทร์ หาดราไวย์ และก็นอนวัด ก่อนที่ภูเก็ตจะคึกคักดังระเบิดด้านการท่องเที่ยวจนเป็นข่าวกระทบกระทั่งกับชาวเลเจ้าของถิ่น ที่อยู่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
เพื่อนในภาพด้านซ้ายนี่ ทราบข่าวหลังสุดว่าเป็นนายพลเกษียณอายุไปแล้ว

ขึ้นมาคราวนี้ เขารังได้เปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง มีจุดชมวิวสวยๆ มีหอเกียรติยศ ๑๐๐ ปี ทรงชีโน - โปรตุกีส และอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี สมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต ที่ร่ำลือว่ามีความสามารถชนิดหาตัวจับได้ยากทีเดียว
และผมขอถ่ายรูปกับคุณนพ เจ้าของถิ่น ไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย

ผมขอเซลฟี่ตัวเองบ้าง 

อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี สมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต
จากคราบสนิมที่ติดยู่ตามอนุสาวรีย์ ทำให้ผมคิดว่า เหมือนอนุสาวรีย์ในต่างประเทศ ยังไงยังงั้น

แดดเริ่มแรงขึ้น ผมขอเข้าไปที่หอเกียรติยศ ๑๐๐ ปี ทรงชีโน - โปรตุกีสดีกว่า

และไม่ผิดหวัง มีเรื่องราวเกั้ยวกับเหตุการณ์สมัยท่านโดยไม่ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน ติดไว้ที่บริเวณผนังแปดเหลี่ยมอย่างน่าทึ่งทีเดียว

เช่น ด้านการศึกษา

ด้านการธนาคารและตำรวจ

ด้านการรักษาพยาบาล

อาคารที่ว่าการมณฑล หรือต่อมาเป็นศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งหลังแห่งแรกในประเทศไทย

อาคารพาณิชย์ทรงชีโน - โปรตุกีส ที่ลูกค้าสามารถเดินชมได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นช่วงแดดแรงหรือฝนตกครับ เพราะชายคาของอาคารชั้นบนกันไว้
แต่สมัยหลัง มีเจ้าของห้องหลายห้องได้ก่ออิฐกั้นผนังเอาไว้ ทำให้เจตนารมณ์เดิมต้องสูญหายไป เนื่องจากไม่เห็นประโชน์ข้อนี้

ที่สำคัญคือ ท่านได้สมคบคิดกับหลาน ลักลอบนำเอาเมล็ดพันธุ์ยางพาราที่สุดแสนหวงของจักรวรรดิอังกฤษ นำมาปลูกและขยายพันธุ์ในเมืองไทยได้สำเร็จ สมัยท่านยังดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองตรัง

ผังเมืองภูเก็ตที่ทันสมัยแม่แพ้ปีนัง ก็มาจากดำริของท่าน ซึ่งชาวต่างประเทศเองล้วนแต่ชมเชยเมื่อได้มาเห็น
ท่านวางแผนที่จะพัฒนาเขารังให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองภูเก็ตเหมือนเช่นปีนังฮิลล์ แต่ถึงแก่กรรมก่อนที่จะเห็นการพัฒนาแล้วเสร็จ

หลังจากที่เยี่ยมชมเขารังจนเป็นที่อิ่มอกอิ่มใจแล้ว คุณนพ ก็พาผมลงมาทานมื้อเช้าที่ร้านติ่มซำเจ้าดังของจังหวัดภูเก็ต แถมกำหนดเวลาได้เหมาะด้วยสิ
เพราะอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนจนเต็มร้าน จนรายที่มาถึงทีหลังต้องเลือกวิธีซื้อใส่ถุงกลับไปทานที่บ้าน

นอกจากติ่มซำที่ผมมีโอกาสทานแบบไม่อั้นแล้ว ยังได้มีโอกาสชิม "บะกุ๊ดเต๋" อีกหนึ่งชาม ก่อนที่จะไปเที่ยวชมอนุสาวรีย์เรือขุดลำแรกของเมืองภูเก็ตที่สะพานหินต่อไป

จากร้านติ่มซำ คุณนพก็พาผมไปที่สวนสาธารณะสะพานหิน อยู่สุดถนนภูเก็ต (ทำเป็นรู้ไปงั้นแหละครับ ถ้าเขาจับไปปล่อยจริงๆ ก็หลงเหมือนกัน แฮ่ะๆ)
ซึ่งมีอนุสาวรีย์หลัก ๖๐ ปี ที่จำลองมาจากกะเชอขุดแร่ ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๒ เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ กัปตันเอ็ดเวิร์ด โธมัส ไมล์ ชาวออสเตรเลีย ผู้นำเรือขุดแร่ลำแรกมาใช้ขุดดีบุกเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๒
แต่ชาวบ้านมักจะเรียกกันตามลักษณะที่คุ้นเคยสายตาว่า "อนุสาวรีย์หอย" มากกว่า
ฝรั่งมังค่าบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาชมกันตั้งหลายสิบปีแล้ว ผมผู้มาทีหลัง เลยจัดการเซลฟี่ไว้เป็นที่ระลึกตามระเบียบ ฮ่า...

เก็บรายละเอียดของอนุสาวรีย์กันอีกสักนิดนะครับ

อีกมุมภาพจากสวนสาธารณะสะพานหิน ที่แดดกำลังย้อนแสงเต็มที่ ก่อนที่จะเดินทางไปยังแหลมพรหมเทพต่อไป

ราวปี พ.ศ.๒๕๒๙ ลูกศิษย์เยาวชนชนบทที่ผมเคยอบรมมา ได้เดินทางไปทำงานที่ภูเก็ต และส่งภาพ ส.ค.ส.มาส่งความสุขทักทายผม แต่ถึงกระนั้น ผมก็ไม่มีโอกาสไปเยือนภูเก็ตจนแล้วจนรอด จนกระทั่งมีโอกาสตอนเกษียณอายุนี่แหละ มาดูสิว่า สภาพภูมิประเทศบริเวณนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วบ้าง ?
แต่ที่แน่ๆ ลูกศิษย์เยาวชนชนบทคนนั้น คงย้ายไปทำงานยังที่แห่งอื่นแล้วล่ะ 

แหลมพรหมเทพ มีจุดเด่นตรงประภาคารกาญจนาภิเษก ความสูง ๕๐ เมตร ซึ่งก่อสร้างขึ้นโดยกองทัพเรือและประชาชนชาวภูเก็ต เนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ ๕๐ ปี ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๙ สามารถส่องสว่างเป็นระยะไกลถึง ๓๙ กิโลเมตร
นอกเหนือจากประโยชน์ในการเดินเรือแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของภูเก็ตอีกด้วย

นอกจากลูกศิษย์เคยมาดูแล้ว ถึงเวลาที่อาจารย์แวะมาดูแล้วนิ 

อีกมุมหนึ่ง ตรงกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังลม ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือครับ

อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่หน้าประภาคาร

มองไปจากแหลมพรหมเทพสู่ช่องแคบสุมาตรา จะเห็นน้ำทะเลสีมรกตสวยงามจริงๆ แต่คงไม่น่ามองถ้าหากเกิดคลื่นสึนามิ
ราวเตี้ยๆ ที่เห็นนั้น เป็นม้านั่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาชมพระอาทิตย์ตกครับ

ภายในประภาคาร มีการแสงที่ให้ความรู้มากมาย และมีของที่ระลึกจำหน่ายให้กับผู้มาเยี่ยมชมอีกด้วย
เสียดาย ที่ผมลืมบันทึกภาพเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกประจำวันไว้ด้วย ซึ่งคุณนพบอกว่า จะมีรถนำนักท่องเที่ยวมาชมตะวันตก (น้ำสิหนอ ?) ยิ่งกว่างานมหกรรมเชียวล่ะ ซึ่งแกบอกเลยว่า ไม่อยากพาแขกบ้านแขกเมืองมาชมเลย

อีกด้านหนึ่งของอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ มองจากประภาคารครับ

พอเข้าใจความรู้สึกของเจ้าของถิ่น ซึ่งเปิดโอกาสให้ผมเที่ยวชมตามสบาย 

ส่วนตัวผม ก็ได้ของที่ระลึกจากการไปเยือนประภาคารกาญจนาภิเษกเพียงเท่านี้แหละครับ ใบละ ๓๐๐ บาทแน่ะ ตามลำดับชั้นยศ 

กองทัพเดินด้วยท้องครับ เจ้าภาพเลยพาผมมาเติมพลังลงกระเพาะด้วยหมี่สะปำอันมีชื่อเสียงของภูเก็ต
Create Date : 23 มีนาคม 2560 |
Last Update : 23 มีนาคม 2560 12:44:42 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1652 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: Maeboon วันที่: 23 มีนาคม 2560 เวลา:15:56:06 น. |
|
|
|
โดย: owl2 วันที่: 24 มีนาคม 2560 เวลา:12:34:18 น. |
|
|
|
|
|
|
|