Group Blog
 
<<
เมษายน 2561
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
30 เมษายน 2561
 
All Blogs
 
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 3 )

พอถึงเวลานัดหมาย คุณมัท หัวหน้าทัวร์ แบกไม้เซลฟี่ที่มีโคมไฟฉาย LED แขวนห้อยอยู่ตรงปลาย เดินลิ่วๆ นำคณะพร้อมเดินออกจากโรงแรมไปยังวัด ซึ่งตั้งอยู่ห่างกันราว 800 เมตร โดยมีผู้คนเดินสวนไปมาไม่ขาดสาย

ที่นำลิ่วแบบนั้นเพราะ hobby ที่ชอบคือการ trekking แถมยังมีฝีมือด้านทำกับข้าวอีกด้วย เรียกว่าลูกทีมไม่อดก็แล้วกัน แต่ต้องว่องไวเวลาถูกใช้งานนะ ฮ่า...



ทางผมกับน้อง เดินตามไปแบบไม่รีบร้อนนัก เพราะยังไงๆ ต้องไปพร้อมกันตรงที่รับฝากรองเท้าหน้าประตูวัดอยู่แล้ว ต้องถอดรองเท้ารวมกันไว้เป็นสัดส่วน เวลากลับมาจะได้ค้นหาง่าย ไม่วุ่นวาย



ขอโชว์หุ่นนางแบบที่หน้าวัดสักหน่อย 55555

ทางเดินในวัดจะปูด้วยแผ่นกระเบื้องขัดมันเกือบตลอดทั้งลาน แต่ผมเกรงว่าอาจมีการลื่นล้มได้ เวลาเข้าช่วงฝน เวลาเดินต้องระวังด้วยครับ



ตรงหน้าวัด เชื่อกันว่าเรือของพระเจ้าติสสะ ซึ่งบรรทุกก้อนหินใช้บรรจุเส้นพระเกษาของพระพุทธเจ้า ที่พระอินทร์ช่วยหาให้จากใต้ทะเล มาจนถึงตีนเขา และกลายเป็นหินที่นี่



พอขึ้นมาบนลานวัด ผมถึงกับอึ้งในจำนวนผู้คนที่ขึ้นมานมัสการและนอนวัดที่นี่ เรียกว่าแทบไม่มีที่ว่างกันเลย เหลือเพียงช่องทางเดินไว้เพียงนิดหน่อยเท่านั้น

ไม่มีเสียงลำโพงโฆษณาขายของ รำวงย้อนยุค ภาพยนต์จอยักษ์ หรือสาวน้อยตกน้ำแต่อย่างใด เพราะไม่มีแม้แต่ร้านเดียว

มีแต่เสียงจากกองอำนวยการของทางวัดประกาศแจ้งเรื่องต่างๆ ให้ผู้มาสักการะได้ทราบเพียงนานๆ ครั้ง



ผู้คนมากมายขนาดไหน ลองดูเอาเถิด หลายรายเช่าเสื่อกับผ้าห่มที่นี่ เรียกว่าคนให้เช่ามีรายได้เป็นกอบเป็นกำทีเดียว

แต่จะซักหรือตากแดดบ้างหรือเปล่า ผมไม่ทราบนะ



โฮ้ย...กว่าจะแหวกผู้คนจนมาถึงนี้ได้

ถามกับหัวหน้าทัวร์ ขนาดวันมาฆะบูชา ผู้คนยังขนาดนี้ แล้ววันวิสาขบูชาล่ะ ?

คำตอบที่ได้ยินคือเสียงหัวเราะ ก่อนที่จะบอกว่า พยายามเลื่อนเวลานมัสการไม่ให้ตรงกับช่วงที่ผู้คนหนาแน่นแบบนี้ ถึงจะได้รับความสะดวกพอควร



ได้ดอกไม้พร้องทองคำเปลวสักการะองค์พระธาตุแล้วล่ะ

ที่พม่า ไม่มีการเวียนเทียนดอกไม้สด และแผ่นทองคำเปลวก็เป็นของแท้ผูกด้ายแดงติดกับห่อกระดาษเรียบร้อย

มิใช่ทองวิทยาศาสตร์แบบหลายๆ แห่งในบ้านเรา



หลังจากรับแผ่นทองคำเปลวที่ลูกทัวร์ฝ่ายหญิงฝากไปปิดบริเวณก้อนหินใหญ่ ซึ่งใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากมีผู้คนมากมาย

บางรายที่แก่เฒ่า นอกจากจะปิดทองแล้ว ยังสวดมนต์อีกบทใหญ่ๆ ทำให้ล่าช้าเป็นทวีคูณ

แต่ไม่ว่ากันครับ เรื่องรับฝากแผ่นทองคำเปลวไปปิด มากันตั้งไกลเพื่อทำบุญด้วยกันทั้งนั้น จะทำใจจืดใจดำก็เกินไปล่ะ



มาถึงตอนสำคัญ เอายาผงแดงที่ขึ้นรถไฟไปซื้อหาถึงเมืองลำปางมาโชว์กับสถานที่จริงด้วย โดยมีไกด์ช่วยอาสาบันทึกภาพ

เลยถือโอกาสถามถึงคำแปลจากภาษาพม่าที่ซองยา ได้รับคำตอบว่า "ยาผงพระเจดีย์อินทร์แขวนแก้ลม" เลยให้ยาซองนั้นเป็นรางวัล

และในวันรุ่งขึ้น ยกห่อยาที่เหลือทั้งหมดให้กับหัวหน้าทัวร์ เพื่อนำไปแจกกับทีมงานอีกด้วย



เสร็จแล้ว ขอบันทึกภาพร่วมกันระหว่างสองคนพี่น้องที่ดั้นด้นมาจนถึงที่นี่



มีบันไดลงไปชั้นล่างเพื่อนมัสการองค์พระธาตุอินทร์แขวน โดยไม่มีการหวงห้ามระหว่างเพศแต่ประการใด ยกเว้นการปิดทองเท่านั้น



อย่าเพิ่งต่อว่ามีภาพพระธาตุอินทร์แขวนค่อนข้างมากกว่าแห่งอื่น เพราะได้ยินกิตติศัพท์มาตั้งแต่เล็ก เพิ่งมาเห็นของจริงในคราวนี้เอง

เห็นแล้วทึ่ง ที่ตั้งอยู่หมิ่นเหม่ตรงหน้าผา นับว่าเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่งก็ได้



บริเวณลานชั้นล่าง พอมีที่ทางให้สวดมนต์ภาวนาได้บ้างครับ



แถมผู้คนไม่ค่อยหนาแน่นเหมือนชั้นบน สามารถสวดมนต์ได้สบายใจ



อีกหนึ่งมุมมองในด้านที่เคยเห็น ก่อนเดินขึ้นบันไดกลับมายังชั้นบน

จะไม่มีรั้วใดๆ มาบดบังความงดงามตามธรรมชาติครับ แต่คนมาสักการะปิดทองต้องระวังตัวเองด้วย



กลับมาสู่ความพลุกพล่านของผู้คนบริเวณลานวัดอีกครั้งหนึ่ง



ขอนำมาแวะอาคารซึ่งแสดงถึงรูปปั้นในตำนานผู้เกี่ยวข้องกับพระธาตุอินทร์แขวน รวมถึงรอยพระพุทธบาทจำลอง และภาพปูนปั้นความเป็นมาของพระธาตุอินทร์แขวน ซึ่งผู้หญิงสามารถปิดทองพระธาตุตรงนี้ได้อีกด้วย

ตามตำนานเล่าว่า พระอินทร์เป็นผู้นำก้อนหินนี้มาวางไว้ให้ และเป็นที่มาของคำว่า ไทก์จิโย เป็นภาษามอญแปลว่า หินรูปหัวฤาษี ครับ

เริ่มจากพระพุทธเจ้าทรงประทานพระเกศาแก่เหล่าฤาษีเพื่อนำไปให้เหล่าพุทธศาสนิกชนไปสักการะบูชา ซึ่งฤาษีแต่ละตนได้นำไปบรรจุในพระเจดีย์ต่างๆ ยกเว้นฤาษีตนหนึ่งแอบเก็บเอาไว้เอง โดยซ่อนไว้ในมวยผม เมื่อเวลาผ่านไป ถึงคราวที่ฤาษีตนนี้ต้องละสังขาร จึงมอบพระเกศานี้ให้แก่พระเจ้าติสสะและสั่งไวว่าจะต้องบรรจุลงในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายศรีษะของตน

ร้อนถึงพระอินทร์เมื่อทราบเรื่อง จึงช่วยหาก้อนหินดังกล่าวจากใต้มหาสมุทร นำไปวางที่หน้าผา (บางตำนานกล่าวว่า นำมาไว้ในเรือของพระเจ้าติสสะ และบรรทุกมาจนถึงตีนเขา เมื่อมาถึง เรือที่บรรทุกมากลายเป็นหิน คือที่เราเห็นที่ประตูวัดนั่นแหละ)

ตามหลักธรณีวิทยา กล่าวว่า บริเวณนี้ครั้งดึกดำบรรพ์เคยเป็นทะเลมาก่อน ครั้นเปลือกโลกมีการเปลี่ยนแปลงดันตัวขึ้น ก้อนหินดังกล่าวคงถูกดันขึ้นมาจากใต้ทะเลเช่นกัน และยังคงขยับตัวได้ มิได้ติดแน่นบนหน้าผาแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่อยู่ในพื้นที่เกิดแผ่นดินไหวในเวลต่อมาอีกหลายครั้งก็ตาม

ว่ากันว่า เคยมีผู้ทดลองใช้เส้นด้ายชักผ่านระหว่างก้อนหินกับหน้าผา ปรากฎว่าสามารถชักผ่านได้ตลอด กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งหนึ่ง

ตามตำนานยังกล่าวอีกว่า ก้อนหินนี้ แต่ก่อนยังลอยสูง ไม่แตะพื้น ขนาดไก่ยังลอดได้ เนื่องจากมนุษย์ยังมีจิตใจเป็นกุศล ต่อมา ได้ลดต่ำลงเรื่อยๆ จนติดพื้นเพราะมีผู้กระทำชั่วมากขึ้นจนถึงทุกวันนี้

อาคารอีกหลังที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ตั้งของนัต หรือเทพคุ้มครองสถานีที่นี้ คือ พระนางชเวนันจิน ซึ่งมีรูปปั้นนอนอยู่ เชื่อถือกันว่า หากเจ็บป่วยส่วนใดของร่างกายให้แตะไปที่ส่วนนั้นของรูปปั้นพระนางและอธิษฐาน อาการจะทุเลา (อย่าลืมวางเงินบูชาด้วยนะครับ)

เนื่องจากมีผู้คนมากหลายมาบนบานศาลกล่าว จึงไม่ได้เก็บภาพมาให้เห็น



หลังจากเยี่ยมชมวัดจนเป็นที่พอใจแล้ว ชาวคณะกลับถึงที่พักในเวลา 22.00 น.


Create Date : 30 เมษายน 2561
Last Update : 30 เมษายน 2561 9:09:40 น. 2 comments
Counter : 606 Pageviews.

 
พม่าน่าไปเที่ยวมาก... เคยไปแต่ เมืองบากัน ดูเจดีย์กับที่อื่น

พระธาตอินแขวนนี่ยังไม่เคยไป คงมีสักวันได้ไปครับ

ชอบใจ หนุ่มสาว ไปทำงานประจำวัน หิ้วปิ่นโตไปกัน...


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 30 เมษายน 2561 เวลา:10:37:31 น.  

 
เท่าที่อ่านในพันทิพ จะมีเกจิเรื่องพม่าเยอะที่สุดครับ แต่ไม่ค่อยซอกแซกเหมือนผม เสาไฟฟ้า ป้ายทะเบียนรถบ้านเขาก็ถ่ายรูปมาหมด

ผู้คนบ้านเขายังนิยมหิ้วปิ่นโตจากบ้าน ทั้งๆ ที่ร้านแผงลอยก็มีพอสมควร ราคาคงแพงกระมัง ? ถ้าคิดเป็นเงินจ๊าด

แต่เมืองพม่า ร้านสะดวกซื้อยังไม่มีอย่างบ้านเรานะครับ ถ้าเป็นร้านประเภทนั้น จะเป็นร้านชำ อยู่ในห้องกระจกมากกว่า แต่ไม่ติดแอร์


โดย: owl2 วันที่: 30 เมษายน 2561 เวลา:14:19:35 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

owl2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add owl2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.