Group Blog
OWL2's blog
<<
มิถุนายน 2563
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
14 มิถุนายน 2563
น่าน น้าน นาน (2)
All Blogs
น่าน น้าน นาน (ตอนจบ)
น่าน น้าน นาน (4)
น่าน น้าน นาน (3)
น่าน น้าน นาน (2)
น่าน น้าน นาน (1)
Konnichiwa Nihon no densha (14)
Konnichiwa Nihon no densha (ตอนจบ)
Konnichiwa Nihon no densha (24)
Konnichiwa Nihon no densha (23)
Konnichiwa Nihon no densha (22)
Konnichiwa Nihon no densha (21)
Konnichiwa Nihon no densha (20)
Konnichiwa Nihon no densha (19)
Konnichiwa Nihon no densha (18)
Konnichiwa Nihon no densha (17)
Konnichiwa Nihon no densha (16)
Konnichiwa Nihon no densha (15)
Konnichiwa Nihon no densha (13)
Konnichiwa Nihon no densha (12)
Konnichiwa Nihon no densha (11)
Konnichiwa Nihon no densha (10)
Konnichiwa Nihon no densha (9)
Konnichiwa Nihon no densha (8)
Konnichiwa Nihon no densha (7)
Konnichiwa Nihon no densha (6)
Konnichiwa Nihon no densha (5)
Konnichiwa Nihon no densha (4)
Konnichiwa Nihon no densha (3)
Konnichiwa Nihon no densha (2)
Konnichiwa Nihon no densha (1)
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( ตอนจบ )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 12 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 11 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 10 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 9 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 8 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 7 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 6 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 5 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 4 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 3 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 2 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 1 )
พินิจงานรถไฟสายอีสานด้วยค่าโดยสารเพียง 50 บาท (ตอนจบ)
พินิจงานรถไฟสายอีสานด้วยค่าโดยสารเพียง 50 บาท (5)
พินิจงานรถไฟสายอีสานด้วยค่าโดยสารเพียง 50 บาท (4)
พินิจงานรถไฟสายอีสานด้วยค่าโดยสารเพียง 50 บาท (3)
พินิจงานรถไฟสายอีสานด้วยค่าโดยสารเพียง 50 บาท (2)
พินิจงานรถไฟสายอีสานด้วยค่าโดยสารเพียง 50 บาท (1)
ล่องใค้ ไปอีสาน (ตอนสุดท้าย)
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๑๒ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๑๑ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๑๐ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๙ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๘ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๗ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๖ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๕ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๔ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๓ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๒ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๑ )
ทานตะวัน Express (2)
ทานตะวัน Express (1)
xinchao Vietnam (ตอนจบ)
Xinchao Vietnam ( 13 )
Xinchao Vietnam ( 12 )
Xinchao Vietnam ( 11 )
Xinchao Vietnam ( 10 )
Xinchao Vietnam ( 9 )
Xinchao Vietnam ( 8 )
Xinchao Vietnam ( 7 )
Xinchao Vietnam ( 6 )
Xinchao Vietnam ( 5 )
Xinchao Vietnam ( 4 )
Xinchao Vietnam ( 3 )
Xinchao Vietnam ( 2 )
Xinchao Vietnam ( 1 )
Meeting สุดชายแดนบูรพา (ตอนสุดท้าย)
Meeting สุดชายแดนบูรพา (4)
Meeting สุดชายแดนบูรพา (3)
Meeting สุดชายแดนบูรพา (2)
Meeting สุดชายแดนบูรพา (1)
สะบายดี...จำปาสัก (ตอนสุดท้าย)
สะบายดี...จำปาสัก (ตอนที่ 5)
สะบายดี...จำปาสัก (ตอนที่ 4)
สะบายดี...จำปาสัก (ตอนที่ 3)
สะบายดี...จำปาสัก (ตอนที่ 2)
สะบายดี...จำปาสัก (ตอนที่ 1)
กุลวาขาว แมคคิลวารี
เที่ยวไปกับทัวร์ Circular Train (ตอนสุดท้าย)
เที่ยวไปกับทัวร์ Circular Train (ตอนที่ 6)
เที่ยวไปกับทัวร์ Circular Train (ตอนที่ 5)
เที่ยวไปกับทัวร์ Circular Train (ตอนที่ 4)
เที่ยวไปกับทัวร์ Circular Train (ตอนที่ 3)
เที่ยวไปกับทัวร์ Circular Train (ตอนที่ 2)
เที่ยวไปกับทัวร์ Circular Train (ตอนที่ 1)
เที่ยวสุพรรณ....กับด่วนขุนแผน ตอนที่ 3 (ส่งท้าย)
เที่ยวสุพรรณ....กับด่วนขุนแผน ตอนที่ 2
เที่ยวสุพรรณ....กับด่วนขุนแผน ตอนที่ 1
เที่ยวฉ่ำฝน (ที่ไม่ใช่ธรรมดา) ตอนที่ 6 (สุดท้าย)
เที่ยวฉ่ำฝน (ที่ไม่ใช่ธรรมดา) ตอนที่ 5
เที่ยวฉ่ำฝน (ที่ไม่ใช่ธรรมดา) ตอนที่ 4
เที่ยวฉ่ำฝน (ที่ไม่ใช่ธรรมดา) ตอนที่ 3
เที่ยวฉ่ำฝน (ที่ไม่ใช่ธรรมดา) ตอนที่ 2
เที่ยวฉ่ำฝน (ที่ไม่ใช่ธรรมดา) ตอนที่ 1
ก่อนที่จะมาเป็นถนนวิภาวดีรังสิต
เรื่องราวในอดีตของถนนมิตรภาพ : กรุงเทพฯ - หนองคาย ใน 8 ชั่วโมง
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (12)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (11)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (10)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (9)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (8)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (7)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (6)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (5)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (4)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (3)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (2)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (1)
น่าน น้าน นาน (2)
วันนี้เป็นรายการทัวร์ตัวเม
ืองน่านแทบทั้งวันครับ ส่วนใหญ่จะเป็นวัดวาอารามตา
มประสา คน สว.โชคยังเข้าข้างอยู่บ้าง ที่บรรดาวัดต่างๆนั้น ล้วนตั้งอยู่ใกล้กัน พอเดินข้ามถนนไปมาได้สะดวก รายการยามเช้าก็มีวัดศรีพัน
ต้น วัดช้างค้ำ วัดศรีเมือง และรายการใหญ่ก็คือวัดภูมิน
ทร์
ช่วงบ่าย สองคนลุงป้าต่างมีมติร่วมกั
นว่า ควรนั่งรถรางชมเมือง ของเทศบาลเมืองน่านดีกว่า ก็มีวัดสวนตาล วัดอรัญอาวาส ก่อนกลับมายังที่เดิม
คงได้บุญกุศลมาแจกกันเพียบคราวนี
้แหละ
เวลาราวสองโมงเศษ หลังจากโรงเรียนเปิดสอน และสถานที่ราชการเปิดทำงานแ
ล้ว สองคนลุง-ป้าก็ออกจากที่พัก
ไปชมเมืองบ้าง
สังเกตว่าในตัวเมืองน่าน สัญญาณไฟจราจรจะเปิดแต่ละด้
านโดยไม่มีสัญญาณให้เลี้ยวข
วาแต่อย่างใด ดังนั้น ผู้ที่ขับรถจะต้องระวังตัวก
ันเอาเองว่าจะเลี้ยวขวาได้ สัญญาณไฟแทบจะเปลี่ยนเป็นสี
แดงแล้ว
ปกติตามที่พักจะมีจักรยานให
้ผู้เข้าพักปั่นชมตัวเมืองน
่าน ดังนั้น ตามถนนหนทางมักจะมีเลนสำหรั
บจักรยานแทบทุกสาย จะมีรถยนต์มาจอดบ้างแต่แค่ป
ระเดี๋ยวประด๋าว ไม่จอดแช่เหมือนเมืองอื่นๆ
ขนาดมีรถน้อย ผมยังโดนพี่น้องชาวน่านกดแต
รเตือนสติอยู่สองที ข้อหาเงอะงะ ไม่สังเกตระเบียบการจราจรขอ
งบ้านเขา
น้องผมสังเกตเห็นวิหารแห่งห
นึ่ง สีทองสุกปลั่งทั้งหลัง ขอให้ผมเลี้ยวเข้าไปยังที่จ
อดรถในวัด อ่านป้ายว่า วัดศรีพันต้น
วัดศรีพันต้น สร้างโดยพญาพันต้น เจ้าผู้ครองนครน่าน แห่งราชวงศ์ภูคา (ครองนครน่าน ระหว่าง พ.ศ.1960 - 1969 ) ชื่อวัดตรงกับนามผู้สร้าง คือพญาพันต้น บางสมัยเรียกว่า วัดสลีพันต้น (คำว่า สลี หมายถึง ต้นโพธิ์) ซึ่งในอดีตมีต้นโพธิ์ใหญ่อย
ู่ด้านทิศเหนือและทิศใต้ของ
วัด ปัจจุบันถูกโค่นเพื่อตัดเป็
นถนนแล้ว วัดศรีพันต้นได้รับพระราชทา
นวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2505
ภายในวิหารวัดศรีพันต้นมีภา
พลายเส้นประวัติของพระพุทธเจ้าและประวัติการกำเนิดเมือ
งน่าน โดยช่างชาวน่าน
วัดศรีพันต้นเคยเป็นที่พำนั
กของหลวงปู่ครูบาขันทะ อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีพันต้นซ
ึ่งเป็นพระสงฆ์ผู้ปฎิบัติดี
ปฎิบัติชอบ มีวิชารักษาคนป่วยด้วยการเป
่าคาถาเสกน้ำมนต์และการใช้ส
มุนไพรพื้นบ้านรักษาได้ผลดี
มากโดยเฉพาะโรคกระดูกและแผล
อักเสบจากตุ่มฝีหนองตลอดชีว
ิตของหลวงปู่ครูบาขันทะ ท่านได้เมตตาไปรักษาคนป่วยใ
นโรงพยาบาลน่านเป็นประจำทุก
วัน จนถึงแก่มรณภาพ
(ข้อมูลจากเพจ Museum Thailand)
ขอรูปนางแบบจำเป็นมาประดับฉ
ากหน่อย
วิหารที่สวยงามตั้งเด่นเป็น
สง่ามีสีทองระยับ มีจิตรกรรมปูนปั้น "พญานาคเจ็ดเศียร" เฝ้าบันไดหน้าวิหาร
เข้านมัสการพระประธานในวิหา
รครับ
ทางภาคเหนือ จะมีโบสถ์สำหรับพระสงฆ์ทำพิ
ธีทางศาสนา แยกต่างหากจากตัววิหาร ส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็ก และเป็นโบสถ์มหาอุตม์ตือไม่
มีช่องหน้าต่างแต่อย่างใด เพื่อให้ความศักดิ์สิทธิ์ขอ
งมนต์พิธีคงไว้ในตัวโบสถ์ จึงมีจารีตห้ามสุภาพสตรีเข้
าไปในโบสถ์
สำหรับผู้ที่เรียกร้องสิทธิ
เท่าเทียมกันทางเพศ คงไม่ถูกใจแน่ๆ
ภายในโบสถ์ ก็เรียบๆ ตามภาพที่เห็น
ภายในวัด ยังมีโรงเก็บเรือยาวประจำคุ
้มอีกด้วย
ประเพณีแข่งเรือเมืองน่าน เป็นประเพณีเก่าแก่สืบเนื่อ
งมาแต่โบราณ แต่ก่อนได้กำหนดว่าให้มีการ
จัดการแข่งขันขึ้นทุกครั้งท
ี่มีงานตานก๋วยสลาก (ถวายทานสลากภัต) หมู่บ้านใด วัดใด จัดให้มีงาน ตานก๋วยสลาก ก็ให้มีการเชื้อเชิญหมู่บ้า
น และวัดใกล้เคียงให้นำเรือมา
แข่งขันกัน เพื่อความสนุกสนานสมานสามัค
คีงานตานก๋วยสลากกับการแข่ง
เรือ เป็นประเพณีคู่กันมาแต่โบรา
ณ ทางราชการจึงถือเอางานตานก๋วยสลาก ณ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ซึ่งเป็นวัดหลวงกลางเวียงขอ
งน่าน เป็นการเปิดสนามการแข่งขันเ
รือของน่านราวปลายเดือนกันย
ายนในแต่ละปี และงานตานก๋วยสลากจะไปสิ้นส
ุดในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ประมาณปลายเดือนตุลาคม ถึงต้นเดือนพฤศจิกายน จะเป็นการแข่งขันนัดปิดสนาม
เอกลักษณ์ของเรือเมืองน่าน มีความงดงามไม่เหมือนเรือแข
่งจังหวัดใดในประเทศไทย คือ เป็นเรือที่ขุดจากไม้ตะเคีย
นหรือตะเคียนทองทั้งต้น ด้วยเชื่อกันว่ามีความทนทาน
และผีนางไม้แรง โดยเฉพาะเอกลักษณ์ตรงหัวเรื
อหรือโขนเรือ ที่แกะสลักเป็นหัวพญานาคแบบ
ล้านนา กำลังแสยะเขี้ยวแสดงอำนาจ ส่วนท้ายเรือสลักเป็นหางของ
พญานาค มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง เชื่อกันว่าพญานาคมีความศัก
ดิ์สิทธิ์ จะดลบันดาลให้ฝนฟ้าอุดมสมบู
รณ์ สามารถทำไร่ ทำนาได้ตามฤดูกาล ประเพณีความเชื่อที่เกี่ยวข
้องกับการแข่งเรืออยู่หลายอ
ย่าง ที่สอดแทรกเป็นกุศโลบายในกา
รสร้างความรัก ความสามัคคี ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวขอ
งคนเมืองน่าน เช่น การบูชาสังเวยเทพอารักษ์ที่
สิงสถิตอยู่ในไม้ตะเคียนที่
จะนำมาทำเรือ เรียกว่า "ผีเรือ”หรือคนภาคกลางเรียก
ว่า "แม่ย่านางเรือ” เป็นความเชื่อและถือปฏิบัติ
กันมานาน การนำเรือลงสู่แม่น้ำในรอบป
ี หรือเวลาแข่งขันเรือต้องหาฤ
กษ์ หาวัน และเวลา หรือแม้แต่หลังจากเสร็จสิ้น
ฤดูกาลแข่งเรือแล้ว จะมีพิธีบายศรีสู่ขวัญและเล
ี้ยงผีเรือ เพื่อเป็นสิริมงคลแม่คนในชุ
มชน หมู่บ้าน
การแข่งเรือเมืองน่าน ถือได้ว่าเป็นการรวมน้ำใจ รวมจิตวิญญาณ ผสมผสานของภูมิปัญญาชาวบ้าน
ในชุมชนหมู่บ้านที่มีเรือ หากถึงเทศกาลแข่งเรือ ก็จะนำเรือลงน้ำ เพื่อฝึกซ้อมก่อนการแข่งขัน
ชาวบ้านจะนำข้าวห่อ เงินทองมาช่วยกันสนับสนุนเร
ือของหมู่บ้านของตน จึงถือได้ว่า "การแข่งเรือเมืองน่าน ถือเป็นสมบัติ เป็นมรดกของคนน่านทั้งจังหว
ัด ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง”
การแข่งเรือในปัจจุบันแบ่งเ
ป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทเรือสวยงาม และประเภทเรือเร็ว โดยที่เรือสวยงามนั้น จะเน้นการตกแต่งเรือให้มีรู
ปร่างต่างๆ อย่างสวยงาม และมีความหมายที่เป็นเอกลัก
ษณ์ของเมืองน่าน เช่น บางหมู่บ้านจัดเป็นสถานที่ท
่องเที่ยวก็จะมีการตกแต่งเป
็นวัด และงาช้างดำ แล้วประดับตกแต่งด้วยดอกไม้
ในขณะที่บางลำอาจมีการแสดงศ
ิลปะพื้นบ้านของเมืองน่าน เช่น ฟ้อนล่องน่านซอล่องน่าน หรือดนตรีพื้นบ้าน ซึ่งจะบ่งบอกความเป็นเมืองน
่านในทุกตารางนิ้วของการตกแ
ต่งเรือเลยทีเดียว
เรือประเภทสวยงามนี้ จะได้รับพระราชทานถ้วยรางวั
ลจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้
าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์
อัครราชกุมารี
(จากเพจ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดน่า
น)
ดูหัวเรือสิ อร้าอร่ามเพียงใด ?
ส่วนลำเรือนั้น วาดลวดลายที่สวยสดงดงามตลอด
ลำเรืออีกด้วย
ประเพณีแข่งเรือเมืองน่านนั
้น จะเป็นการแข่งขันเฉพาะคุ้มต
่างๆ และหน่วยงานในจังหวัดน่านเท
่านั้น ไม่เปิดกว้างเหมือนจังหวัดอ
ื่น
จากวัดศรีพันต้น สองคนพี่น้อง ก็ไปยังวัดมิ่งเมืองซึ่งมีศ
าลพระเจ้าหลักเมืองน่านตั้ง
อยู่ด้วย
ตั้งใจจะเข้าไปสักการะพระเจ
้าหลักเมืองน่าน แต่อยู่ในช่วงงานพิธีสืบชะต
าเจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง เลยชะงักไว้ก่อน
โดยมีปู่อาจารย์กล่าวร่ายค่
าวในพิธีอันยืดยาวด้วยสิ
ทำได้แค่ถือโอกาสเก็บภาพเพี
ยงเท่านี้ มาแก้ตัวสักการะในช่วงบ่าย ซึ่งเสร็จพิธีแล้ว
เสียดายที่ไม่ได้เก็บภาพเรื
อยาวของวัดซึ่งได้รับรางวัล
ชนะเลิศในการแข่งขัน ดูแค่รถลากไปพลางๆ ก่อนครับ
หลังจากเก็บภาพเสร็จสรรพแล้
วก็เสาะหาอาหารใส่ท้องตามธร
รมเนียมที่ร้านข้างวัดนั่นแ
หละ
ส่วนใหญ่จะเป็นขนมจีนน้ำเงี
้ยว ช้าวซอยไก่ ส่วนเครื่องดื่มนั้นจะเป็นน
้ำผลไม้ หรือกาแฟสดจากเมืองน่านตามธ
รรมเนียม
ออกจากวัดมิ่งเมืองก็นำรถไป
จอดในบริเวณพิพิธภัณฑสถานแห
่งชาติ น่าน แต่น้องผมบอกว่า เคยเข้าไปชมข้างในแล้ว เลยสละสิทธิ์เดินข้ามถนนไปว
ัดช้างค้ำดีกว่า
แวะเซลฟี่กันนิดที่ซุ้มดอกล
ั่นทม หรือที่เปลี่ยนชื่อให้ทันสม
ัยเก๋ไก๋ว่า "ลีลาวดี" ดอกเริ่มร่วงโรยแล้ว
มองดูที่ฟุตบาท มีป้ายบอกไว้ว่า ได้นำสายเคเบิลไฟฟ้าลงดินเร
ียบร้อยแล้ว
วัดช้างคำ เดิมชื่อ วัดหลวงกลางเวียง เจ้าผู้ครองนครน่าน พญาภูเข่ง เป็นผู้สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ.1949
พระวิหารหลวงวัดพระธาตุช้าง
ค้ำวรวิหาร เป็นวิหารขนาดใหญ่ รูปทรง สร้างตามสถาปัตยกรรม ทางภาคเหนือ ลักษณะภายในโอ่โถง ด้านหน้ามีสิงห์คู่ ยืนตรงเชิงบันได ด้านละตัว มีทางเข้า 3 ทาง ประตูกลาง ทำเป็นประตูใหญ่ และประตูเล็ก อยู่ด้านซ้ายและด้านขวา มีทางขึ้นเป็นประตูเล็ก ๆ ตรงข้ามพระประธาน ด้านทิศตะวันออกและตะวันตกอีก 2 ข้าง ทำหลังคาซ้อนกัน 2 ชั้น มุขลดด้านหน้า และด้านหลัง หน้าบัน ตีด้วยแผ่นกระดานเรียงต่อกั
น แล้วประดับที่ขอบเสา ด้านหน้าทุกต้น ตามลักษณะ สถาปัตยกรรมล้านนาไทย
ภายในพระวิหารกว้างขวาง มีเสาปูนกลมขนาดใหญ่ ขนาด 2 คนโอบรอบ จำหลัก ลวดลายปูนปั้นนูนสูงไว้ เหนือจากระดับพื้นพระวิหาร 1.50 เมตร เป็นลวดลาย กนกระย้าย้อย เหมือนลวดลาย ที่เสาในวิหารวัดภูมินทร์
ภายในวัดประดิษฐาน เจดีย์ช้างค้ำ ซึ่งเป็นศิลปสมัยสุโขทัย อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 20 รอบเจดีย์ มีรูปปั้นช้างปูนปั้น เพียงครึ่งตัวประดับอยู่โดย
รอบ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปทอ
งคำปางลีลา คือ พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี
ซึ่งเป็นทองคำ 65 % สูง 145 เซนติเมตร ยอดพระโมฬีทำเสริมเมื่อ พ.ศ. 2442 หนัก 69 บาท เจ้างั่วฬารผาสุม เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 14 แห่งราชวงค์ภูคา เป็นผู้สร้าง เมื่อวันพุธ เดือน 6 เหนือ พ.ศ.1969 เป็นศิลปะสุโขทัย ประดิษฐานอยู่ที่หอพระไตรปิ
ฎก ใหญ่ที่สุดในประเทศ
พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำวรวิหา
ร เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารี
ริกธาตุไว้ภายใน นับเป็น ปูชนียสถาน สำคัญ เป็นเจดีย์ที่ได้รับอิทธิพล
ทางด้านศิลปะสุโขทัย จากเจดีย์ทรงลังกา คือเจดีย์วัดช้างล้อมนั่นเอ
ง
พระธาตุเจดีย์ สร้างด้วยอิฐถือปูน มีสัณฐานเป็นรูปสี่เหลื่ยมจ
ัตุรัส ซ้อนกัน 3 ชั้น กว้างด้านละ 9 วา ฐานจากชั้นแรกสูงถึงชั้นสอง
มีรูปช้างค้ำอยู่ในลักษณะ เหมือนฐานรองรับไว้ด้านละ 6 เชือก รวมทั้งหมด 24 เชือก
ช้างแต่ละตัว โผล่ส่วนหัว ลอยออกมาครึ่งตัว ขาหน้าทั้งคู่ ยื่นพ้นออกมาจากเหลี่ยมฐาน เหนือขึ้นไปเป็นฐานปัทม์ (ฐานบัว) ซ้อนกัน 3 ชัน และเป็นองค์ระฆังแบบลังกา ต่อจากองค์ระฆัง ทำเป็นฐานเขียง รองรับมาลัยลูกแก้ว ลดหลั่นกันไป เป็นส่วนยอด
ปัจจุบันพระธาตุเจดีย์ช้างค
้ำ ได้รับการบูรณะซ่อมแซม และหุ้นด้วยแผ่นทองเหลืองทั
้งองค์ มีความสวยงามมาก
หอไตรวัดช้างค้ำวรวิหาร สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริ
ยพงษ์ผริตเดชฯ ดังปรากฏในพระประวัติ ของพระองค์ว่า "ร.ศ.127 พ.ศ.2453 ก่อสร้างหอพระไตรปิฏก ในบริเวณวัดช้างค้ำ 1 หลัง 8 ห้อง ยาว 16 วา 1 ศอก กว้าง 5 วา 2 ศอก สูงตั้งแต่ดินถึงอกไก่ 13 วา หลังคาทำเป็นชั้น ๆ ก่ออิฐทาสี เครื่องบนไม้สัก มุงกระเบื้องไม้สัก ทำอย่างแน่นหนา มีเพดานจั่ว 2 ข้าง และเพดาน ทำด้วยลวดลายต่าง ๆ พระสมุห์อิน เจ้าอาวาสวัดหัวข่วง กับจีนอิ๋วจีนซาง เป็นสล่าสิ้นเงิน 12,558 บาท
ลักษณะ โครงสร้างสถาปัตยกรรมมีลักษ
ณะอย่างเดียวกับวิหารและโบส
ถ์ ตั้งอยู่ด้านหน้า คู่กับ พระวิหารหลวง อาคารก่ออิฐโบกปูน ยกพื้นสูงมีสิงห์ยืนอยู่ด้า
นหน้า ตรงเชิงบันใดด้านละ 1 ตัว ตั้งเสาราย รับหลังคาเชิงชายแทนผนัง และก่อผนังปิด ทำเป็นห้องไว้พระธรรม และพระไตรปิฏก ตรงแนวเสาที่รับคาน มีทางเข้าด้านหน้าเป็นประตู
ทางเดียว บานประตูสลักเป็นรูปเทวดา 2 องค์ และมีลายปูนปั้น เป็นรูปยอดปราสาท ทำเป็นชั้นติดหน้าต่างด้านล
ะ 3 บาน ผนังด้านหลังปิดทึบ ด้านนอกสองข้างทาง ระหว่างเสารายและผนัง เป็นทางเดินถึงกันได้ตลอดโด
ยรอบ อาคารสูงหลังคาช้อน 3 ชั้น ไม่มีมุขลด ที่หน้าบัน ใช้แผ่นไม้เรียงต่อกัน เป็นแผ่นๆ ประดับลายปูนปั้น เป็นรูปกนกล้อพระยาครุฑ ระหว่างช่วงเสาประดับด้วยแผ
่นไม้จำหลัก ลายกนก เป็นรูปสามเหลี่ยม สลับลายพุ่มข้าวบิณฑ์คว่ำ และรูปพระยาครุฑห้อยลงมาตาม
แบบสถาปัตยกรรมของล้านนา
ภายในมีลักษณะส่วนกว้างแคบ ส่วนยาวลึก เข้าไปภายใน และส่วนสูงชะลูดขึ้นไปมาก ใช้เป็นที่เก็บพระไตรปิฏก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นใบลาน จารอักษรตัวธรรมมีอยู่เป็นจ
ำนวนมาก ปัจจุบันได้ปรับปรุงเป็นวิห
าร ใช้เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมนี
จากเพจวิกิพีเดียไทยดอทคอม
มีแผนที่แสดงแหล่งท่องเที่ย
วต่างๆ ในจังหวัดน่าน จัดทำโดยการท่องเที่ยวแห่งป
ระเทศไทย
มองทิวทัศน์จากมุมไกลกันก่อ
นครับ
วิหารวัดช้างค้ำ ขอเข้าไปนมัสการพระประธานกั
นหน่อย
ผมว่า เป็นภาพที่ลงตัวดีไม่หยอก กับพระประธานที่ตั้งอยู่เบื
้องหน้า
กับซุ้มสืบชะตาภายในวิหารคร
ับ
ลวดลายปูนปั้นนูนสูงไว้ เหนือจากระดับพื้นพระวิหาร 1.50 เมตร เป็นลวดลาย กนกระย้าย้อย
สิงห์คู่ นั่งเฝ้าตรงเชิงบันได ด้านละตัว
คู่กับนางแบบจำเป็นตามเคย
ป้ายแสดงประวัติของวัดช้างค
้ำ
ภายในหอไตรวัดช้างค้ำวรวิหา
ร
พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมนี ที่ประดิษฐานในหอไตรครับ
ตู้เก็บพระไตรปิฏก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นใบลาน จารอักษรตัวธรรมมีอยู่เป็นจ
ำนวนมาก
รูปภาพโบราณที่วางประดับตู้
แสดงว่าสัตว์ป่ายังมีอยู่ชุ
กชุม
จากทัวร์วัด สองพี่น้องก็เดินข้ามถนนมาย
ังลานโล่ง หน้าศูนย์บริการนักท่องเที่
ยว เทศบาลเมืองน่าน
ผมนึกว่าคงอยู่แถวรีสอร์ทเอ
กชนที่ไหนสักแห่ง แต่มาเจอตัวจังๆ อยู่ที่นี่เอง
ตามที่ผมคิด คงเป็นรถยนต์ใช้งานของแขวงก
ารทางน่านที่ตัดบัญชีแล้ว เพราะรถเอกชนรายอื่นๆ มักจะเป็นยี่ห้อ อีซูสุ และนำตัวถังพื้นบ้านล้านนาม
าใส่ เลยลงตัว ย้อนความหลังสมัยผมยังเด็กไ
ด้แจ่มชัดขึ้นมาอีกครั้งหนึ
่ง
สังเกตว่าตัวถังรถจะค่อนข้า
งสั้น คงมาจากคัทซีของรถดั้มพ์นั่
นเอง
แน่นอน สองคนพี่น้องย่อมออกไปแสดงค
วามสุขรับบรรยากาศวัยเยาว์ต
ามธรรมเนียม
สมัยเด็ก เคยมีผู้ใหญ่ถามผมว่า "โตขึ้นอยากเป็นอะไร?"
ตอบตามประสาเด็กว่า อยากเป็นคนขับรถยนต์ เพราะท่าทางโก้ ใส่แจ็กเก็ต สวมแว่นตาดำ เท่อย่าบอกใคร เรียกเสียงเฮฮาทั่วหน้า คราวนี้ ขอย้อนหลังในวัยเยาว์บ้าง
น้องผมยังชื่นชอบเซลฟี่กับฉ
ากหลังที่เป็นไม้ไผ่ลำใหญ่ คงจะเป็นไม้ไผ่ซางที่จังหวั
ดอื่นเรื่มจะหาดูได้ยากแล้ว
เดินไปยังศูนย์บริการนักท่อ
งเที่ยว ของเทศบาลเมืองน่าน ซึ่งมีหน่วยงานอื่นๆ และภาคเอกชนคอยให้บริการด้ว
ย เช่นกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จองที่พักในอุทยานแห่งขาติใ
นพื้นที่ จ.น่าน ถึง 7 แห่ง รถตู้จัดทัวร์รอบเมืองน่าน และจำหน่ายของที่ระลึกต่างๆ
"รถรางหลั้งหาออกไปตะกี้เจ้
า จะมีรอบบ่ายปู้นละเจ้า" อี่นายหน้าตาสดใสตอบ
"กี๊โมง?"
"บ่ายโมงเกิ่งเจ้า"
"อั้นขอจองรอบนี้ได้ก่ ?"
"มันเมินไปเจ้า เดียวน้องจะออกใบสำรองตี้นั
่งเอาหื้อ ใกล้เวลารถออกก้อยมาซื้อตั๋
วเนาะ"
เป็นอันว่าหยวน น้องผมออกความเห็นว่าช่วงเว
ลาที่เหลือ นั่งชิมกาแฟเมืองน่าน และไปเที่ยวชมวัดภูมินทร์
เส้นทางรถรางสายรอบเมืองน่า
น ตารางเวลาและสนนราคาตามแจ้ง โดยสองคนลุง-ป้าคราวนี้ ได้ใช้สิทธิ์ สว.ครับ
นางแบบจำเป็นขอถ่ายภาพคู่กั
บดอกพวงแสด ที่ผมเห็นคุ้นตาสมัยยังเด็ก แถมน้ำเลี้ยงยังหวานอร่อยด้วย
สิ
หลังจากอิ่มอร่อยกับกาแฟเมื
องน่านแล้ว ต่างคนต่างเข้าห้องน้ำเพื่อ
เตรียมเข้าชมวัดภูมินทร์ต่อ
ไป
กาแฟสดเมืองน่านมีทั่วทุกหั
วระแหงครับ รับรองว่าตาสว่างตลอดการเดิ
นทางเชียวล่ะ
ด้านนี้สำหรับป้อจาย
ด้านนี้สำหรับแม่ญิงครับ
ครั้นฤกษ์งามยามดี ต่างพากันเดินข้ามถนนไปยังว
ัดภูมินทร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้
ามถนน
วัดภูมินทร์ เป็นวัดสำคัญและสถานที่ท่อง
เที่ยวที่มีชื่อเสียงของจัง
หวัดน่าน วัดมีลักษณะที่สำคัญ คือ โบสถ์และวิหารถูกสร้างเป็นอ
าคารเดียวกัน วัดภูมินทร์สร้างขึ้นเมื่อร
าวปี พ.ศ.2139 โดยเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เดิมชื่อ วัดพรหมมินทร์ ซึ่งเป็นพระนามของเจ้าเจตบุ
ตรฯ ผู้สร้างวัด สันนิษฐานว่าในภายหลังได้เร
ียกชื่อกันเพี้ยนมาเป็นชื่อ
วัดภูมินทร์ ในปัจจุบัน
ภาพของวัดเคยปรากฏบนธนบัตรไ
ทยรุ่นที่ 2 ราคา 1 บาท
พระอุโบสถจตุรมุข (พระอุโบสถที่ประกอบด้วยมุข
สี่ด้าน) ของวัดแห่งนี้กรมศิลปากรได้
สันนิษฐานว่า เป็นพระอุโบสถจตุรมุขหลังแร
กของประเทศไทย ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระ
พุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระพักตร์ออกไปทางด้านปร
ะตูทั้งสี่ทิศ หันเบื้องพระปฤษฏางค์ (หัวไหล่) ชนกันประทับนั่งบนฐานชุกชี ปางมารวิชัย นักโบราณคดีบางส่วนสันนิษฐา
นว่าแสดงถึงพระพุทธเจ้าองค์
ต่าง ๆ คือ พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า และพระโคตมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ในขณะที่บางส่วนสันนิษฐานว่
าสร้างขึ้นเลียนแบบลักษณะขอ
งพระพรหมสี่พักตร์ ซึ่งปรากฏในพระนามของผู้สร้
างวัด คือเจ้าเจตบุตรฯ และกลุ่มสุดท้ายมองว่าสื่อถ
ึงพรหมวิหาร 4
วัดภูมินทร์ได้รับการบูรณะค
รั้งใหญ่ในสมัยเจ้าอนันตวรฤ
ทธิเดช เมื่อ พ.ศ.2410 ใช้ระยะเวลารวมเกือบ 7 ปี ซึ่งสันนิษฐานว่าในการบูรณะ
ครั้งนี้ได้ทรงมีรับสั่งให้
วาดภาพจิตรกรรมฝาผนัง (คำเมือง : ฮูบแต้ม) ภายในพระอุโบสถจตุรมุข ซึ่งรวมทั้งภาพที่มีชื่อเสี
ยงเช่น ปู่ม่านย่าม่าน หรือ กระซิบรักบันลือโลก ของ หนานบัวผัน
ข้อมูลจากเพจ ไทยวิกิพีเดียดอทคอม
มีป้ายบอกนักท่องเที่ยวให้แ
ต่งกายมิดชิด รัดกุมโดยทางวัดมีชุดให้เช่
าไว้บริการ จัดทำโดยองค์กร Knowing Buddha Org. และขอความร่วมมือติดตั้งตาม
วัดต่างๆ ซึ่งหลายท่านเคยเห็นมาบ้างแ
ล้ว
เดี๋ยวนี้ฝรั่งมังค่ามักจะแ
ต่งกายให้ถูกต้องกับกาละเทศ
ะแล้ว อาจเป็นเพราะทางไกด์ได้เตือ
นก่อนลงจากรถเข้ามาที่วัด
ยังมีป้ายห้ามจำหน่ายล็อตเต
อรี่ภายในบริเวณวัด อันสร้างความรำคาญให้กับนัก
ท่องเที่ยวได้
เดี๋ยวนี้ "ปู่ม่าน ย่าม่าน" เริ่มออกมาเป็นหุ่นโชว์ถ่าย
ภาพร่วมกับนักท่องเที่ยวแล้
ว
หลังจากน้องผมได้ซื้อดอกไม้
ธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยเสร
็จ เลยขอแถมเป็นรูปโชว์อีกหน่อ
ยหนึ่ง
เป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักท
่องเที่ยวว่า พระประธานในโบสถ์วัดภูมินทร
์แห่งนี้ จะมีถึง 4 องค์ ให้เลือกนมัสการได้ตามใจปรารถนา
ฮูปแต้ม "สูบสาบฮัก" บันลือโลก แต่เลือนไปตามกาลเวลามากแล้
ว อาจเป็นว่าทางช่างได้ซ่อมผน
ังโบสถ์ใหม่ รอให้แห้งสนิท ก่อนที่จะวาดซ่อมแซมต่อไป
คำค่าว "สูบสาบฮัก"ตอนนี้ได้เลือนห
ายไปแล้ว คงรอการบูรณะวาดใหม่
ฟังคำบรรยายจากเสียงจริงของ
วิทยากรกิตติมศักดิ์ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านจำหน่าย
ของที่ระลึกภายในวัดนั่นแหล
ะ
ผนังเดิมที่รอการบูรณะวาดรู
ปใหม่ครับ
เหนือรูป "ปู่ม่าน ย่าม่าน" ด้านบนนั้น เป็นรูปวาดพระพุทธเจ้าเสด็จ
ดับขันธ์ปรินิพพาน และนิทานชาดกทศชาติ เรื่องพระเจ้าเนมียราชเสด็จ
ขึ้นราชรถไปโปรดไปเทศนาธรรม
โปรดเหล่าเทวดาบนสวรรค์ชั้น
ดาวดึงส์
ข้อมูลจากหนังสือ เสน่ห์ฮูปแต้มวัดภูมินทร์ น่าน
เป็นฮูปแต้มแสดงถึงเมืองนรก
ที่พระเนมิยราชได้เห็น หลังจากได้เทศนาธรรมแก่เหล่
าเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
แล้ว
ข้อมูลจากหนังสือ เสน่ห์ฮูปแต้มวัดภูมินทร์ น่าน
สภาพเมืองอินทรปัตถนคร ในนิทานชาดกเรื่อง พระเจ้าคันธกุมาร ซึ่งสะท้อนภาพสังคมไทยในสมั
ย รัชกาลที่ 5 ที่การค้าขายเจริญรุ่งเรือง
ข้อมูลจากหนังสือ เสน่ห์ฮูปแต้มวัดภูมินทร์ น่าน
เป็นฮูปแต้มพระพุทธเจ้าท่าม
กลางพระสาวกทั้งหกรูป จากซ้ายไปขวาคือ พระราหุล พระสิวลี พระสารีบุตร พระอานนท์ ด้านซ้ายจะเป็นพระโมคคัลลาน
ะ และพระมหากัจจายนะ
ข้อมูลจากหนังสือ เสน่ห์ฮูปแต้มวัดภูมินทร์ น่าน
เป็นฮูปแต้มที่พระเจ้าเนมิย
ราชได้พบเห็น หลังจากเทศนาโปรดเหล่าเทวดา
บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ยมบาลสั่งให้นายนิริยบาลให้
นำสัตว์นรกไปเฆี่ยนเสียคนละ
ร้อยห้าที
สวนรูปบนเป็นคู่ชายหญิงกำลั
งกางร่มซึ่งได้ทำบุญกุศลไว้
เมื่อสิ้นชีวิตจึงได้เสวยสุ
ขในสวรรค์
ข้อมูลจากหนังสือ เสน่ห์ฮูปแต้มวัดภูมินทร์ น่าน
เป็นภาพแสดงวิถีชาวบ้านในนิ
ทานชาดกเรื่องพระเจ้าคัทธนก
ุมาร
ข้อมูลจากหนังสือ เสน่ห์ฮูปแต้มวัดภูมินทร์ น่าน
สภาพความรุ่งเรืองของการค้า
ขายในสมัยนั้น ซึ่งจิตรกรได้นำบรรยากาศในส
มัยรัชกาลที่ 5 แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน รวมทั้งเครื่องแต่งกาย หนวดเครารุงรังแบบฝรั่งด้วย
ข้อมูลจากหนังสือ เสน่ห์ฮูปแต้มวัดภูมินทร์ น่าน
ยมบาลสามตน แต่งกายแบบชาวตะวันตก
ข้อมูลจากหนังสือ เสน่ห์ฮูปแต้มวัดภูมินทร์ น่าน
สภาพในพระราชวังดูครึกครื้น
รื่นเริงทีเดียว
ข้อมูลจากหนังสือ เสน่ห์ฮูปแต้มวัดภูมินทร์ น่าน
เจ้าคัทธณะทรงดีดพิณปลุกกอง
กระดูกขาวเมืองชวาทวดี ที่โดนฝูงที่ถูกรุ้ง แร้ง และหงส์จับกินจนเป็นเมืองร้
าง กลับคืนชีพตามเดิม
ข้อมูลจากหนังสือ เสน่ห์ฮูปแต้มวัดภูมินทร์ น่าน
เดินชมเพลิน จนหลุดออกจากตัวโบสถ์แทบไม่
รู้ตัว
ลองมาดูร้านจำหน่ายของที่ระ
ลึกจากทางวัดซิว่า มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ? สุดท้าย ผมได้แค่หนังสือเสน่ห์ฮูปแต
้มวัดภูมินทร์ น่าน เพียงเล่มเดียว
ส่วนเรือแข่งเมืองน่านจำลอง
นั้น สนนราคาจะอยู่ที่ลำละ 200 บาทเท่านั้น
แถมจัดใส่แพ็กเกจให้อย่างดี
อีกด้วย โดยลูกค้าต้องไปแสดงฝีมือใน
การประกอบให้เป็นลำที่สมบูร
ณ์อีกเล็กน้อย
บอกแล้วว่า"ปู่ม่านย่าม่าน"
นั้น กำลังเป็น idol สุดฮอตของชาวเมืองน่านจริงๆ
ออกจากวัดภูมินทร์ สองพี่น้องต่างเดินลัดเลาะไ
ปยังศูนย์บริการนักท่องเที่
ยว เทศบาลเมืองน่าน
ผ่านบ้านคุณหลวงธนาสุนทร (ช่วง โลหะโชติ) อดีตคหบดีเมืองน่านซึ่งลูกห
ลานของท่านได้ดูแลรักษาไว้เ
ป็นอย่างดี บางส่วนยังทำร้านกาแฟออนซอน
ไว้บริการนักท่องเที่ยวผู้ม
าเยือนอีกด้วย
ระหว่างที่รอรถรางชมเมืองน่
านรอบบ่ายออกเดินทางนั้น ได้วนเวียนแวะชมสินค้าหลายห
ลากที่ร้านของฝากนครน่าน
มีตั้งแต่กาแฟสด ผลไม้หลากชนิด ถั่วดาวอินคา ไวน์ผลไม้ และเสื้อผ้าซึ่งสกรีนเป็นภา
พ"ปู่ม่าน ย่าม่าน" อย่างสวยงาม
ถึงจะอยู่ไกลทะเล แต่ก็มีปลาทูทอด ห้อยกระเป๋าจำหน่ายด้วยล่ะ
พอได้เวลา ทางเจ้าหน้าที่ได้ออกประกาศ
ให้นักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋
วแล้วนั้น ขึ้นมาบนรถเพื่อชมเมืองต่อไ
ป
มองดูใกล้ๆ ปรากฎว่า เป็นคัทซีรถตู้ หรือรถบรรทุกเล็ก สวมตัวถังรถรางลงไป เลยหายสงสัยตั้งแต่นั้น
ผ่านซุ้มลีลาวดีอีกครั้งหนึ
่ง ซึ่งยังมีดอกอยู่ ทำเอายกกล้องถ่ายภาพแทบไม่ท
ัน
ผ่านวัดหัวข่วง แต่รถไม่ได้จอดแวะครับ
ผ่านกำแพงเก่าเมืองน่าน
มาจอดให้นักท่องเที่ยวเดินช
มวัดจริงๆ ที่วัดสวนตาล เป็นเวลา 20 นาที
“วัดสวนตาล” วัดเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู
่เมืองน่านมาร่วม 600 ปี สร้างขึ้นในสมัยพระนางปทุมม
าวดีชายาของพญาภูเข็ง เจ้าผู้ครองนครน่านเมื่อราว
ปี พ.ศ.1955 โดยสร้างขึ้น ณ บริเวณด้านนอกของกำแพงเมือง
น่านด้านทิศเหนือ ซึ่งในอดีตเคยเป็นสวนตาลหลว
งมาก่อน
เมื่อสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมา
ชื่อวัดจึงถูกเรียกตามชื่อข
องสวนตาลหลวงนั่นเอง
นอกจากนี้ วัดสวนตาลยังเป็นที่ประดิษฐ
านของ “พระเจ้าทองทิพย์” ทิพย์แห่งทองพระพุทธรูปสำริ
ดองค์ใหญ่ด้วย
ซึ่ง“พระเจ้าทองทิพย์” นี้จะประดิษฐานเป็นพระประธา
นอยู่ในวิหารหลังใหญ่ วัดสวนตาล มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปสำริ
ด ปางมารวิชัยองค์ใหญ่ที่มีขน
าดหน้าตักกว้าง 10 ฟุต สูง 14 ฟุต 4 นิ้วและถูกสร้างขึ้นเมื่อปี
พ.ศ.1993 โดยพระเจ้าติโลกราชแห่งนครเ
ชียงใหม่ โปรดเกล้าฯ เพื่อแสดงถึงชัยชนะ ที่พระองค์สามารถยึดเมืองน่
านไว้ในพระราชอำนาจได้นั่นเ
อง
ในทุกๆ ปี เมื่อถึงช่วงเทศกาลมหาสงกรา
นต์ ชาวน่านจะจัดให้มีงานนมัสกา
รและสรงน้ำ“พระเจ้าทองทิพย์
” พระพุทธรูปองค์สำคัญที่ชาวน
่านให้ความเคารพนับถือ และเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองม
าแต่อดีตเป็นประจำ
ในบริเวณใกล้ๆ วิหารหลังใหญ่ ยังมีวิหารหลังเล็กอีกหนึ่ง
หลัง ซึ่งภายในเป็นที่ประดิษฐาน
พระศรีอริยเมตไตรยปางนั่งพั
บเพียบองค์แรกที่พบในภาคเหน
ือ ซึ่งหาดูได้ไม่ง่ายนัก พร้อมกับมีพระเจ้า 5 ที่ประดิษฐานอยู่ที่เดียวกั
น ทำให้มีประชาชนเดินทางมาสัก
การะกันเป็นจำนวนมากเพื่อเป
็นสิริมงคลกับตัวเอง
ข้อมูลจากเพจ สำนักงานการท่องเที่ยวและกี
ฬาจังหวัดน่าน
จากมุมมองที่เห็นได้ชัดเจนค
รับ
ขอนมัสการพระเจ้าทองทิพย์ พระประธานในโบสถ์วัดสวนตาลก
่อน
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบ
ศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต
ิ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จยังวัดสวนตาล เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2501
พระเจ้าทองทิพย์ ยังได้นำเป็นแผ่นหน้าปกปฏิท
ินอีกด้วย
ประวัติพระนางปทุมาราชเทวีผ
ู้สร้างพระธาตุสวนตาลและพระ
ธาตุเขาน้อย บนแผ่นปักขตืน (ปฏิทิน) ล้านนา
เจดีย์วัดสวนตาล องค์เดิมเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข
้าวบิณฑ์แบบสุโขทัย ต่อมา พระเจ้าสุริยพงษ์ปริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน โปรดให้บูรณะขึ้นใหม่ เมื่อ พ.ศ.2457 ได้แก้ไขรูปทรงเป็นเจดีย์ยอ
ดปรางค์ ดังที่เห็นในปัจจุบัน
ระหว่างที่รอรถรางนำเที่ยวก
ลับมารับนั้น ขอเพลินกับแปลงดอกไม้สวยๆ ในบริเวณวัดไปพลางๆ
เท่าที่สังเกต ตามวัดต่างๆ ในตัวเมืองน่าน จะประดับด้วยสวนดอกไม้สวยๆ สร้างความชื่นชมให้กับผู้มา
เยือนครับ
ขอให้อารมณ์ดี มีใจเบิกบาน ประมาณนี้แหละ
ผ่านหน้าบ้านเจ้าของถิ่นกัน
หน่อย
มาแวะอีกวัดหนึ่งครับ วัดอรัญญาวาส
วัดนี้จะมีอาคารเก็บพระพุทธ
รูปซึ่งแกะสลักจากต้นพญางิ้
วดำ ที่ล้มลงด้วยเหตุธรรมชาติ ถือว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากแ
ละมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ใน
ตัว
พระพุทธรูปที่แกะสลักจากไม้
พญางื้วดำ จะอยู่องค์เล็กหน้าสุด
เป็นไม้พญางิ้วดำที่คงเหลือ
จากการสลักพระคราวนั้นครับ
ส่งท้ายที่อาคารเก็บพระพุทธ
รูปพญางิ้วดำ น้องผมยังบ่นว่าเสียดายที่พ
ลาดโอกาสไปเยือนโฮงเจ้าฟองค
ำ ซึ่งมีของเก่าเก็บให้ยลมากม
าย
แต่วันพรุ่งนี้ จะออกไปยังต่างอำเภอแล้ว
หลังจากนั้นรถรางสายรอบเมือ
งน่าน ได้พานักท่องเที่ยวกลับมายั
งที่เดิม
ตัวอักษรที่เห็น เป็นอักษรฝรั่ง แปลงให้คล้ายตัวเมืองเหนือ อ่านได้ความว่า "น่าน" ครับ
แวะกลับมาเอารถ ซึ่งฝากจอดไว้ที่พิพิธภัณฑส
ถานแห่งชาติ น่าน ตั้งแต่ยามสายแล้ว ขอเก็บรูปอนุสาวรีย์เจ้าสุร
ิยพงศ์ผริตเดช เจ้าเมืองน่านไว้สักหน่อย
ขอซูมมาใกล้ๆ เฉพาะตัวอนุสาวรีย์ รู้สึกว่าวันนี้ ลมค่อนข้างจะแรงด้วยสิ
แผ่นป้ายจารึกเกียรติประวัต
ิของท่าน
ส่งท้ายวันนี้ด้วยภาพคุ้มเจ
้าราชบุตร ทายาทของท่าน มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นทีเดียว แต่เป็นสถานที่ส่วนตัวนะครั
บ จะขอเข้าไปดูตามใจชอบไม่ได
้
ทัวร์เมืองน่าน ยุติลงเพียงแค่นี้ครับ
Create Date : 14 มิถุนายน 2563
Last Update : 15 มิถุนายน 2563 21:15:32 น.
4 comments
Counter : 2251 Pageviews.
Share
Tweet
ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku
,
คุณทนายอ้วน
,
คุณKavanich96
คิดถึงเมืองน่านจังครับ
โดย:
ทนายอ้วน
วันที่: 15 มิถุนายน 2563 เวลา:20:58:41 น.
เดี๋ยวนี้เมืองน่านกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวไปแล้วครับ ที่ส่วนใหญ่ยังคงสภาพเดิมๆ
โดย:
owl2
วันที่: 15 มิถุนายน 2563 เวลา:21:17:39 น.
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย:
Kavanich96
วันที่: 17 มิถุนายน 2563 เวลา:5:09:58 น.
ขอบคุณครับ
โดย:
owl2
วันที่: 17 มิถุนายน 2563 เวลา:11:06:34 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
owl2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add owl2's blog to your web]
Links
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.