น่าน น้าน นาน (1)
จะว่าไป รายการทัวร์นี้ เกิดจากน้องผมคิดว่า หลังจากเสร็จอบรมนักศึกษาครูสมาธิ ระหว่างรอพักสอบ น่าจะไปเที่ยวน่าน และนั่งรถโดยสารระหว่างประเทศ ไปเยือนหลวงพระบาง สปป.ลาว มั่นใจถึงขนาดจองที่พักไว้ด้วยครั้นสอบถามไปยังสำนักงาน บขส.จังหวัดน่าน ความฝันนั้นเป็นอันสลาย เพราะได้รับคำตอบว่า มีรถเดินระหว่างน่าน - หลวงพระบาง ในเดือนมกราคมนี้เพียง 4 เที่ยวเท่านั้น แถมไม่ตรงกับวันเข้าพักในหลวงพระบางอีกด้วย สำหรับกำหนดเดินรถในเดือนกุมภาพันธ์ ยังไม่ทราบ ต้องโทรฯ ไปสอบถามเองน้องผมตัดสินใจยกเลิกการจองห้องพักในหลวงพระบาง แต่เปลี่ยนรายการมานอนที่น่านแทน เที่ยวชมเมืองให้ทั่วอีก 1 วัน แล้วไปชมจุดผ่านแดนไทย - สปป.ลาว อ.เฉลิมพระเกียรติ ที่บ้านห้วยโก๋น กลับมานอนรีสอร์ทที่ อ.ปัว เที่ยวชมบริเวณโดยรอบ 1 วัน ก่อนเดินทางกลับมาอุตรดิตถ์พักอีก 1 คืน ถึงจะกลับไปบ้านที่ขอนแก่นติดตามจากภาพในอัลบั้มชุด น่าน น้าน นาน ไปเรื่อยๆ ได้เลยครับเมื่อรวมพลพร้อมพรั่งดีแล้ว สองพี่น้องออกเดินทางจากอุตรดิตถ์อย่างไม่เร่งร้อน ผ่าน จ.แพร่ จนถึงบ้านห้วยแก๊ต ต.ห้วยโรง อ.ร้องกวาง เลี้ยวขวาจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 (ถนนยันตรกิจโกศล) เข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1216 ไปยังอุทยานแห่งชาติขุนสถาน อ.นาน้อย จ.น่าน ตามแผนที่อากู๋บอกไปตามเส้นทางได้สักพัก เจอป้ายเตือนว่าทางขึ้น-ลงลาดชัน กรุณาขับรถด้วยความระมัดระวัง ในใจยังคิดว่า คงเหมือนเส้นทางสายแม่มาลัยหรือทางขึ้นดอยอินทนนท์ จึงขับต่อไปเรื่อยๆ แต่ลดเกียร์ออโต้ลงเป็น D 3 ในบางช่วงสวนกับรถปิ๊กอัพชาวบ้านที่ขนข้าวโพด กะหล่ำปลี รถตู้ รถ suv นักท่องเที่ยว ค่อยๆ ไหลลงดอยนานๆ ครั้งจนกระทั่งมาถึงจุดชมวิวที่บ้านสันทะ ต.สันทะ อ.นาน้อย จ.น่าน น้องผมขอให้จอดชมทิวทัศน์สักหน่อย เพิ่งสังเกตว่าประชากรคงเป็นชาวม้งจากป้ายที่ติดอยู่ริมทางขอถ่ายรูปคู่กับป้ายโดยมีนางแบบจำเป็นเป็นส่วนประกอบ เพราะมีเพียงคนเดียวแถมได้ภาษาม้งกลับมาอีกสองคำด้วยนางแบบคงเห็นว่า ภาพแห้งแล้งไปหน่อย เลยขอเปลี่ยนมุมมองบ้างมุมมองด้านล่าง คงไม่ต้องบอกว่าเป็นไร่อะไร ? แต่ถูกเก็บและสีเอาเมล็ดหมดแล้ว ยังไม่ได้เผาไร่เหมือนจังหวัดอื่นเท่านั้นลืมบอกไปว่าจุดประสงค์ของการมาครั้งนี้คืออะไร ? เดี๋ยวค่อยรู้กันภาพส่งท้ายก่อนออกเดินทางต่อไปมาหยุดที่จุดชมวิวอีกหนึ่งแห่ง ซึ่งมีไร่สตอเบอรี่อยู่ใกล้ แต่ยังไม่ออกผล ซุ้ม "สูบสาบฮัก" (กระซิบรัก) ถ้อยคำอันลือลั่นของเมืองน่านเลยขาดไม้ประดับไปอย่างน่าเสียดาย มีชุดม้งให้เช่าสวมถ่ายรูปด้วยนะถึงจะไม่มีสตอเบอรี่ให้ชิม แต่ก็มีผลไม้เมืองหนาวอื่นๆ ให้เลือกซื้อหลายอย่างน้องกับผมเลือกซื้อมะเขือเทศลูกใหญ่ กรอบ อร่อยและพริกหยวกลูกเบ้อเริ่ม เก็บไว้ในตู้เย็นตั้งหลายวัน ยังไม่เน่าเสียเลย สำหรับพริกหยวกนั้น ผมเอามาผัดกินเมื่อวานซืนนี้เอง ยังคงความกรอบเหมือนเก็บสดๆ มาจากไร่นั่นแหละมองไปข้างล่าง เห็นหลังคาคลุมแปลงปลูกสตอเบอรี่อยู่ไกลๆบันทึกภาพเป็นที่ระลึกก่อนไต่เขาไปยังอุทยานแห่งชาติขุนสถานตั้งแต่ซื้อรถมา มีหนนี้แหละ ที่ผมใช้เกียร์ครบเกือบทุกเกียร์ ขนาดเกียร์ออโต้ด้วยนะ ยกเว้นเกียร์ 1 เพียงเกียร์เดียวที่สำรองไว้เวลาเกียร์หมด รถไต่เขาไม่ไหวจริงๆ แต่โอกาสดังว่านั้นมีน้อยเต็มที แล้วสองคนพี่น้องได้มาถึงอุทยานแห่งชาติขุนสถานจนได้ โดยมีบรรยากาศเย็นสบายรอต้อนรับทางเข้าจะอยู่ด้านขวามือของเส้นทาง ชันต้องไต่เขาด้วยเกียร์ 2 ทีเดียว แต่เป็นระยะทางสั้นๆ ก็ถึงลานจอดรถแล้วมองจากอาคารที่ทำการอุทยานลงไปด้านล่าง มีถนนที่มาจาก อ.นาน้อย ตัดผ่านสันเขาให้พอเห็นเล็กน้อย คงใช้ความระมัดระวังตอนขาลง พอๆ กับนักท่องเที่ยวที่จะลงด้าน จ.แพร่ นั่นแหละความอุดมสมบูรณ์ยังมีเหลืออยู่อีกเยอะครับ ซึ่ง จ.น่าน มีอุทยานแห่งชาติอยู่ถึง 7 แห่งทีเดียวอาคารที่ทำการอุทยาน มีพนักงานประจำอยู่คอยรับแจ้งเหตุไฟป่าตลอด 24 ชั่วโมงศูนย์ประชาสัมพันธ์ ร้านอาหาร และลานกางเต๊นท์ลดหลั่นไปตามลำดับจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ ได้รับคำตอบว่า ถ้ามาท่องเที่ยวแบบไปเช้า เย็นกลับ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด นอกจากจะค้างคืนบนอุทยานเท่านั้น หากเช่าเต๊นท์นอน หรืออุปกรณ์ต่างๆ จะชำระเงินตามอัตราที่กำหนด สำหรับดงซากุระนั้น จะอยู่ไปตามทางที่ผ่านมาราว 2.5 กม. แต่ดอกร่วงโรยหมดแล้วน้องผมชวนเดินขึ้นไปยังจุดชมทิวทัศน์ ทีบอกไว้ว่ามีระยะทางราว 250 เมตร แต่ลองออกกำลังขาแล้ว มีอาการหมดเกียร์ เลยให้น้องขึ้นไปเพียงคนเดียวพอไปถึงบันไดที่เห็นเป็นราวไม้ไผ่อยู่ไกลๆ นั้น เจ้าตัวเดินกลับมาบอกว่า ผมคิดถูกแล้วที่ไม่ได้เดินไป เพราะมีป้ายบอกว่าระยะทางยาว 2.5 กม. เลยทำได้แค่โชว์ตามภาพจากอุทยานแห่งชาติขุนสถาน เส้นทางก็ลงเขาเป็นลำดับจนเข้าสู่ตัว อ.นาน้อย ราวบ่ายโมงสามสิบนาที เลยอาศัยฝากท้องไว้กับร้านอาหารที่นั่น สนนราคาออกจะสูงกว่าราคาปกติที่ 40 บาท อยู่นิดๆ แต่คิดถึงระยะทางที่ค่อนข้างไกลจากตัวจังหวัดแล้ว ก็หยวนๆ ไป พอรับได้เส้นทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1026 ที่ผ่าน อ.นาน้อยนี้ เริ่มจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 (ถนนยันตรกิจโกศล) - อ.เวียงสา - อ.นาน้อย - เสาดินฮ่อมจ๊อม - อ.นาหมื่น สิ้นสุดที่หมู่บ้านประมงบ้านปากนาย โดยมีแพขนานยนต์ข้ามฟากไปยังบ้านงอมมด ต.ท่าแฝก อ.น้ำปาด ซึ่งมีทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1339 ไปออก อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ได้ แต่ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์ในช่วงนี้ค่อนข้างแห้ง จนบางครั้ง แพขนานยนต์ไม่สามารถให้บริการได้ ต้องสอบถามชาวบ้านให้ดีก่อนนะครับก่อนเข้าที่พักในเย็นวันนั้น ผมขอแวะไปยังสถานีรถโดยสารจังหวัดน่านว่าทำไม บขส.มีเที่ยวเดินรถไปหลวงพระบางน้อยหนักหนา ?คำตอบอยู่ที่ตารางเดินรถในภาพ เขาไม่พูดรวมถึงรถโดยสารจาก สปป.ลาว ที่เข้ามาสลับเดินรถยังเมืองน่านด้วยนี่นา ช่างชาตินิยมจริงๆและมีตัวอย่างการกรอกแบบฟอร์มเข้าเมืองที่ให้ดำเนินการ พร้อมกับแสดงพาสปอร์ตซื้อตั๋วโดยสารด้วย สามารถนำไปยื่นที่จุดผ่านแดนถาวรไทย - ลาว อ.เฉลิมพระเกียรติ ได้เลย