Konnichiwa Nihon no densha (23)
เช้าวันนี้ ชาวคณะได้ออกจากที่พักไปยังสถานีรถไฟฮากาตะ เพื่อโดยสารรถด่วนชินกังเซ็น ซากุระ ไปยังสถานีคาโกชิมา ชูโอะ ซึ่งอยู่ใต้สุดของญี่ปุ่น และเป็นปลายสายทางด้วย เพื่อทำสถิติให้กับตัวเองในการเดินทางครั้งนี้ หกโมงเช้าที่ญี่ปุ่น หากเป็นที่บ้านเราคงราวตีสี่ กำลังนอนใต้ผ้านวมอุ่นสบาย ถ้าในห้องติดแอร์นะครับ ชาวคณะออกจากที่พักไปยังสถานีฮากาตะในเวลาดังกล่าว ชาวบ้านร้านรวงในญี่ปุ่นยังเงียบเชียบอยู่เลย หรืออยู่ในช่วงวันหยุดยาวก็ได้ระหว่างทาง ดูแท็กซี่เมืองญี่ปุ่นไปพลางๆ ก่อนรถเมล์ก็มีนะ รวมทั้งรถแอร์พอร์ตบัสด้วย แต่เพิ่งออกไปก่อนที่ผมจะเก็บภาพเพียงนิดเดียวผ่านแปลงดอกไม้สวยๆ หน้าโชว์รูมรถยนต์ระหว่างทางฟุตบาทราบเรียบ กว้างขวาง มีที่จอดจักรยานให้เสร็จสรรพ ซึ่งรถจักรยานที่นี่ สามารถขี่บนฟุตบาทได้ แต่ห้ามล้ำเส้นเหลืองบนทางเท้าที่ทำไว้สำหรับคนเดินและคนพิการเพียงไม่นาน ชาวคณะได้มาถึงบริเวณหน้าสถานีฮากาตะแล้วมีปฏิมากรรมที่หน้าสถานีเช่นเคย อันเป็นเอกลักษณ์ของสถานีต่างๆ ด้วยแผ่นป้ายบอกความเป็นมาของปฏิมากรรมชิ้นนี้ผ่านหน้าห้องสำรองตั๋ว แต่ชาวคณะได้ดำเนินการมาเรียบร้อยแล้วที่สถานีโตเกียว จึงไม่มีภาระอันใดที่เข้าไปรบกวนอีกเนื่องจากมาแต่เช้า ยังมีเวลาเหลือเฟือให้ทำเพื่อรอเวลารถออกชานชาลาสำหรับขบวนรถด่วน ชิน กังเซ็น มีม้านั่งให้รออยู่เหลือเฟือประชันความหล่อ เมื่อจอดเคียงคู่กันครับเลยส่งคุณอรรณพ เข้าร่วมประชันอีกหนึ่งคนประตูรถเปิดแล้ว ป้ายไฟข้างรถบอกว่า สำหรับผู้ไม่สำรองตั๋ว (Non Reserved)เลยเก็บภาพอีกนิดหนึ่ง เกี่ยวกับการใช้ปุ่มแจ้งเหตุฉุกเฉินให้เจ้าหน้าที่สถานีมาบริการตอนนี้เปิดให้ผู้โดยสารเข้าไปในรถได้แล้วครับ เข้าใจว่าเป็นขบวนรถที่มีระยะทางบริการสั้น (ระยะทางราว 250 กม.แน่ะ) ผู้โดยสารจึงมีไม่มากนักปลั๊กเสียบอุปกรณ์เครื่องไฟฟ้าบริเวณผนังตัวรถต้องชมเชยที่เขาคิดได้ละเอียดดีครับ ดูตามปกติจะเป็นพนักวางมือริมที่นั่งแต่พอยกขึ้นมา กลายเป็นที่วางแก้วหรือขวดน้ำของผู้โดยสารได้อย่างน่าทึ่งทีเดียวเส้นทางรถไฟ ชิน กังเซ็น ซากุระ ช่วง สถานีฮากาตะ - คาโกชิมา ชูโอะขบวนรถเริ่มออกจากสถานีฮากาตะคงไม่ต้องบอกว่าเป็นตึกของบริษัทใด ? แต่รู้ๆ ว่าตั้งอยู่ทั่วประเทศนั่นแหละเป็นอาคารโรงงานอีกบริษัทหนึ่งครับ แต่ผมไม่ยักเห็นของบริษัทคู่แข่งเลยย่านสถานีคูรูเมะสองข้างทางเริ่มโล่งขึ้นบ้าง ก่อนเข้าสู่เมืองคุมาโมโตผ่านไร่นา ให้ชื่นชมบรรยากาศท้องทุ่งข้ามแม่น้ำซูนาสถานีชิน ยัตสุชิโรใกล้ตัวเมืองคาโกชิมาถึงสถานีคาโกชิมา ชูโอะ จะมีพนักงานรอเข้าทำความสะอาดภายในรถหลังจากผู้โดยสารออกมาหมด แต่ส่วนใหญ่จะถือขยะมาใส่ลงถุงเอง ทำให้เบาแรงลงไปอีกมากอ.วิรัตน์ นำชาวคณะไปยังชานชาลาที่อยู่ชั้นล่างของสถานีรูปสวยๆ น่ามองทุกสถานีเลยมุมกาแฟที่ผมคิดว่า ตกแต่งได้สวยงามเชียวล่ะหาแวะซื้อเสบียงตอนกลางวันก่อน คงไม่พ้นอาหารประเภทเบ็นโตะล่ะผ่านมุมจำหน่ายตั๋วด้วยเครื่องอัตโนมัติคุณอรรณพกับโปสเตอร์โฆษณาขบวนรถไฟท่องเที่ยวประจำฤดูกาลนี้ลงมาที่ชานชาลาชั้นล่างของสถานี เพื่อรอขบวนรถไฟท่องเที่ยว Hayato no kaze เดินทางไปยังสถานีโยชิมัตสุระหว่างที่รอ ก็เก็บภาพขบวนรถไฟ Local Train ของJR Kyuchu ที่จอดรอเวลาเดินทางไปพลางๆ ก่อนมาแล้วไง ขบวนรถไฟท่องเที่ยว Hayato no kaze เข้าเทียบชานชาลาตามเวลา รถไฟท่องเที่ยวนี้ มีเดินวันละ 2 เวลาครับจากภายนอก ก็ดูเอี่ยมอ่องแล้ว ถึงแม้ตัวรถจะมีอายุใช้งานนานแล้วก็ตามมีตราประทับไว้เป็นที่สำคัญพอก้าวเข้าไปในตัวรถ ก็ทึ่งกับการตกแต่งภายในด้วยไม้ทั้งคัน ดูโอ่อ่าสุดๆถึงจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ แต่ก็กลมกลืนกับภายในรถดูแค่ที่นั่งเอาเถอะ ยังปราณีตขนาดนี้แล้ว มีโต๊ะวางของระหว่างที่นั่งด้วยดูถังขยะภายในรถ ละเอียดละออขนาดใช้ตะกร้าสานทีเดียวเพื่อให้สมภูมิที่มีโอกาสนั่งรถไฟขบวนนี้ ชาวคณะได้นำเสื้อยืดแสดงโลโก้ของเว็บไซต์มาใส่เหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมายเส้นทางของขบวนรถท่องเที่ยว Hayato no kaze ช่วง สถานี คาโกชิมา ชูโอะ - โยชิมัตสุผ่านตัวเมืองคาโกชิมา ซึ่งอยู่ริมทะเล ขึ้นไปทางเหนือครับเกาะซากุระจิมะ ซึ่ง อ.วิรัตน์บอกว่า เป็นเกาะภูเขาไฟที่มีพลังอยู่ โดยมีหอสังเกตการณ์ อาริมูระ ลาวา ตั้งอยู่บนเกาะ และผมเพิ่งเห็นภูเขาไฟด้วยตาตนเองเป็นครั้งแรกในชีวิตคราวนี้เองเส้นทางรถไฟสายนี้ จะเลียบอ่าวคินโกะ ไปหลาย กม.ทีเดียวมีพนักงานบนรถ มาจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มแก่ผู้โดยสารด้วยครับขบวนรถ Local Train ที่สถานีบนเส้นทางถ้ามีห้องทำงานที่ตกแต่งแบบนี้ อ.วิรัตน์ คงชอบผลัดกันถ่ายรูปบ้างกับภาพเกาะภูเขาไฟซากุระ ก่อนที่จะตัดใจแยกจากริมทะเล สู่ป่าเขาต่อไปเข้าสู่บรรยากาศภายในตัวเกาะบ้างคิดว่าคงเป็นสถานีโชสะมีขบวนรถไฟฟ้าของ JR กิวชู รุ่น 787 จอดอยู่ หน้าตาค่อนข้างผิดแผกจากขบวนทั่วไปผ่านชุมชนที่ดูแล้วเงียบสงบครับก่อนออกจากชุมชนเมืองเข้าสู่บนเขาต่อไปเส้นทางบนเขาอันมีต้นไม้เขียวขจีสองข้างทางบางช่วง ทำให้ผมนึกถึงเส้นทางรถไฟระหว่างลำปาง - ลำพูนถึงคราวโดนตากล้องญี่ปุ่นยิงสวนมาบ้าง ที่สถานีคิเรอิกาวะขบวนรถจอดราว 5 นาที เลยลงไปชมข้างล่างกับเขาหน่อยสถานีแห่งนี้ เป็นสถานีที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคกิวชู มีอายุกว่า 100 ปี เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2446 (ค.ศ.1903) แน่ะ มีผู้มาชมรถไฟขบวนนี้กันไม่น้อยทีเดียวมองดูราวกันแนวผู้โดยสารที่ทำด้วยไม้แล้ว ทำให้ผมนึกถึงสถานีสวรรคโลกบ้านเราขึ้นมาทันใดมีนักท่องเที่ยวหลายคนตั้งใจจะมาเยี่ยมชมนายสถานีซึ่งกำลังเป็น idol ฮิตของสถานีหลายแห่งในญี่ปุ่น นับตั้งแต่นายสถานีตัวแรก ชื่อ ทามะ เคยมีชื่อเสียงโด่งดังมาแล้ว แต่วันนี้อากาศค่อนข้างเย็น นายสถานีเลยถูกอุ้มไปอยู่ในห้องทำงานซึ่งอากาศอุ่นกว่าหน้าตานายสถานีกับแขกผู้มาเยือนออกมาข้างนอกบ้าง ดูภาพสถานีเก่าแก่แห่งนี้แบบเต็มๆ ครับมีแขวนโคมรูปปลากลางลานด้วย แสดงว่าเทศกาลวันเด็กใกล้มาถึงแล้วไปต่อล่ะ มองทิวทัศน์สองข้างทางไปพลางๆ ชอบใจตรงกระจกใสสะอาด ติดตั้งเป็นมุมกว้างนี่แหละจอดที่สถานีคิริชิมะ ออนเซ็น รอขบวนรถสวนมาครับบางช่วง ผ่านบ้านญี่ปุ่นสวยๆ จนน่าอิจฉาจำชื่อดอกที่ปลูกไม่ได้ครับ เป็นรายได้หลักของเกษตรกรที่นี่ทีเดียวผ่านชุมชนเมืองโยโกะกาวะจอดที่สถานีโอสุมิ โยโกะกาวะตัวอาคารสถานี เก่าแก่ไม่แพ้กันกับสถานีคาเรอิกาวะดูแค่ม้านั่งผู้โดยสารและพื้นสถานี ก็พอรู้ถึงความเก่าแก่แล้วครับขอสัมผัสสัญญลักษณ์ของเทศกาลวันเด็กญี่ปุ่นสักหน่อยเถอะบริเวณใดหากเป็นที่ราบ จะพบคลองชลประทานแทบทุกแห่งผ่านชุมชนเมืองคูริโนะจอดรอทางที่สถานีคูริโนะถึงตอนนี้ พขร.ทำความเร็วเพิ่มขึ้น เพราะใกล้จะถึงปลายทางแล้วถึงปลายทางที่สถานีโยชิมัตสุ ชาวคณะได้ออกมารอขบวนรถท่องเที่ยวชินเป่ย จากสถานีฮิโตโยชิ เพื่อเดินทางต่อไป