Group Blog
OWL2's blog
<<
กันยายน 2553
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
12 กันยายน 2553
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (10)
All Blogs
น่าน น้าน นาน (ตอนจบ)
น่าน น้าน นาน (4)
น่าน น้าน นาน (3)
น่าน น้าน นาน (2)
น่าน น้าน นาน (1)
Konnichiwa Nihon no densha (14)
Konnichiwa Nihon no densha (ตอนจบ)
Konnichiwa Nihon no densha (24)
Konnichiwa Nihon no densha (23)
Konnichiwa Nihon no densha (22)
Konnichiwa Nihon no densha (21)
Konnichiwa Nihon no densha (20)
Konnichiwa Nihon no densha (19)
Konnichiwa Nihon no densha (18)
Konnichiwa Nihon no densha (17)
Konnichiwa Nihon no densha (16)
Konnichiwa Nihon no densha (15)
Konnichiwa Nihon no densha (13)
Konnichiwa Nihon no densha (12)
Konnichiwa Nihon no densha (11)
Konnichiwa Nihon no densha (10)
Konnichiwa Nihon no densha (9)
Konnichiwa Nihon no densha (8)
Konnichiwa Nihon no densha (7)
Konnichiwa Nihon no densha (6)
Konnichiwa Nihon no densha (5)
Konnichiwa Nihon no densha (4)
Konnichiwa Nihon no densha (3)
Konnichiwa Nihon no densha (2)
Konnichiwa Nihon no densha (1)
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( ตอนจบ )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 12 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 11 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 10 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 9 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 8 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 7 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 6 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 5 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 4 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 3 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 2 )
มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 1 )
พินิจงานรถไฟสายอีสานด้วยค่าโดยสารเพียง 50 บาท (ตอนจบ)
พินิจงานรถไฟสายอีสานด้วยค่าโดยสารเพียง 50 บาท (5)
พินิจงานรถไฟสายอีสานด้วยค่าโดยสารเพียง 50 บาท (4)
พินิจงานรถไฟสายอีสานด้วยค่าโดยสารเพียง 50 บาท (3)
พินิจงานรถไฟสายอีสานด้วยค่าโดยสารเพียง 50 บาท (2)
พินิจงานรถไฟสายอีสานด้วยค่าโดยสารเพียง 50 บาท (1)
ล่องใค้ ไปอีสาน (ตอนสุดท้าย)
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๑๒ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๑๑ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๑๐ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๙ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๘ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๗ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๖ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๕ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๔ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๓ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๒ )
ล่องใต้ ไปอีสาน ( ๑ )
ทานตะวัน Express (2)
ทานตะวัน Express (1)
xinchao Vietnam (ตอนจบ)
Xinchao Vietnam ( 13 )
Xinchao Vietnam ( 12 )
Xinchao Vietnam ( 11 )
Xinchao Vietnam ( 10 )
Xinchao Vietnam ( 9 )
Xinchao Vietnam ( 8 )
Xinchao Vietnam ( 7 )
Xinchao Vietnam ( 6 )
Xinchao Vietnam ( 5 )
Xinchao Vietnam ( 4 )
Xinchao Vietnam ( 3 )
Xinchao Vietnam ( 2 )
Xinchao Vietnam ( 1 )
Meeting สุดชายแดนบูรพา (ตอนสุดท้าย)
Meeting สุดชายแดนบูรพา (4)
Meeting สุดชายแดนบูรพา (3)
Meeting สุดชายแดนบูรพา (2)
Meeting สุดชายแดนบูรพา (1)
สะบายดี...จำปาสัก (ตอนสุดท้าย)
สะบายดี...จำปาสัก (ตอนที่ 5)
สะบายดี...จำปาสัก (ตอนที่ 4)
สะบายดี...จำปาสัก (ตอนที่ 3)
สะบายดี...จำปาสัก (ตอนที่ 2)
สะบายดี...จำปาสัก (ตอนที่ 1)
กุลวาขาว แมคคิลวารี
เที่ยวไปกับทัวร์ Circular Train (ตอนสุดท้าย)
เที่ยวไปกับทัวร์ Circular Train (ตอนที่ 6)
เที่ยวไปกับทัวร์ Circular Train (ตอนที่ 5)
เที่ยวไปกับทัวร์ Circular Train (ตอนที่ 4)
เที่ยวไปกับทัวร์ Circular Train (ตอนที่ 3)
เที่ยวไปกับทัวร์ Circular Train (ตอนที่ 2)
เที่ยวไปกับทัวร์ Circular Train (ตอนที่ 1)
เที่ยวสุพรรณ....กับด่วนขุนแผน ตอนที่ 3 (ส่งท้าย)
เที่ยวสุพรรณ....กับด่วนขุนแผน ตอนที่ 2
เที่ยวสุพรรณ....กับด่วนขุนแผน ตอนที่ 1
เที่ยวฉ่ำฝน (ที่ไม่ใช่ธรรมดา) ตอนที่ 6 (สุดท้าย)
เที่ยวฉ่ำฝน (ที่ไม่ใช่ธรรมดา) ตอนที่ 5
เที่ยวฉ่ำฝน (ที่ไม่ใช่ธรรมดา) ตอนที่ 4
เที่ยวฉ่ำฝน (ที่ไม่ใช่ธรรมดา) ตอนที่ 3
เที่ยวฉ่ำฝน (ที่ไม่ใช่ธรรมดา) ตอนที่ 2
เที่ยวฉ่ำฝน (ที่ไม่ใช่ธรรมดา) ตอนที่ 1
ก่อนที่จะมาเป็นถนนวิภาวดีรังสิต
เรื่องราวในอดีตของถนนมิตรภาพ : กรุงเทพฯ - หนองคาย ใน 8 ชั่วโมง
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (12)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (11)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (10)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (9)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (8)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (7)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (6)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (5)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (4)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (3)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (2)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (1)
สารคดีสั้น...จาก "คนเมือง" (10)
สวัสดีครับ....
ในปัจจุบัน มีสถานกาสิโนตั้งอยู่บริเวณชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ดึงดูดทรัพย์ของผู้แสวงโชคชาวไทยมากมายหลายแห่ง แต่กิจการบ่อนการพนันชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ได้มีมานานนักหนา ตั้งอยู่ที่บ้านปางวาด เมืองท่าขี้เหล็ก สหภาพพม่า ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากการให้เปิดสัมปทานชั่วคราวของเจ้าฟ้าในรัฐฉานในสมัยนั้น ช่วงตรุษจีนปีละครั้ง เปิดให้เซียนพนันเข้าไปเล่นตลอด 24 ชม. รวมระยะเวลานานหนึ่งเดือน
ทีมงานของวารสารรายเดือนฉบับเดียวของภาคเหนือ คนเมือง เดินทางตามถนนราดฝุ่นจากตัวจังหวัดเชียงราย และลงเรือข้ามน้ำแม่สาย ไปบันทึกภาพและจัดทำสารคดีเผยแพร่ลงในวารสารรายเดือน คนเมือง ปีที่ 1 ฉบับที่ 9 ประจำเดือน มีนาคม 2498
ลองติดตามเรื่องราวและสำนวนการเขียนในยุคก่อน ซึ่งผมคัดลอกมาทุกตัวอักษร เพื่อเข้าถึงบรรยากาศสมัยนั้น
แต่...เรื่องที่นำลงนี้ เป็นเกี่ยวกับเรื่องอบายมุข อาจเป็นตัวอย่างไม่ดีแก่ผู้ที่ยังอยู่ในวัยเยาว์ได้ทดลองกระทำก็ได้ จึงขอได้ใช่วิจารณญาณในการรับชมโดยรอบคอบด้วยครับ
หมายเหตุ
1. ถนนราดฝุ่นในภาพ เป็นเส้นทางพหลโยธินระหว่างตัวจังหวัดเชียงราย ไปยัง อ.แม่สาย แต่เดิมได้กำหนดเป็นเส้นทางหลวงหมายเลข 5 (เขตแดนจังโหลน สะเดา - หาดใหญ่ พังงา - กรุงเทพฯ ลพบุรี - เชียงราย แม่สาย) ต่อมากำหนดเป็นทางหลวงหมายเลข 1 และตัดช่วงระหว่างเชียงราย - แม่สาย เป็นทางหลวงหมายเลข 110 จนกระทั่งกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงหมายเลข 1 ในปัจจุบัน
ผมเคยนั่งรถเมล์ลุยฝุ่นถนนสายนี้ไปเที่ยวแม่สายครั้งหนึ่งสมัยเรียนอยู่ชั้นประถม ต่อมา มีการเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิงจากถนนราดฝุ่นเป็นถนนแอสฟัลติกมาตรฐานสองเลน ตามโครงการก่อสร้างทางหลวงสายเอเซียช่วง นครสวรรค์ เชียงราย แม่สาย เมื่อปี พ.ศ.2515
2. ฝั่งเรือข้ามฟากข้ามน้ำแม่สาย ได้เลิกไปนานแล้ว นับตั้งแต่มีการก่อสร้างสะพาน คสล.เชื่อมระหว่างแม่สาย ท่าขี้เหล็ก ที่หลายๆ คนได้ข้ามไปเที่ยวฝั่งพม่า และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันมาหลายๆ หนนั่นแหละครับ
3. บ่อนปางวาดในเวลาต่อมา ทางการพม่าไม่อนุญาตให้จัดอีก จนกระทั่งอนุญาตให้มีสถานคาสิโนในโรงแรมชั้นหนึ่ง บริเวณสามเหลี่ยมทองคำฝั่งพม่าเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง
...............................
ทาสตัวเอง
ชยาวุธ บรรยาย
พูดถึง
การพะนัน"
ดูเหมือนว่าแทบทุกคนก็ได้ ที่เล่นเป็นหรือพอจะเล่นได้และ คนไหนก็คนนั้น, ถ้าลงได้เล่นก็ฝังใจเหมือนถูก ผีสิง เพราะว่าไม่มีอะไรอีกแล้ว ที่จะได้เงินคล่อง , ไม่เหนื่อยยาก , เหมือนกับการพะนัน !
ว่ากันว่า การพะนันมันมี
ผี
ที่คอยจะสิงคนที่เล่น ใครก็ตามที่ริอ่านเล่นการพะนัน จะ
ติด
มันขนาดเล่นหามรุ่งหามค่ำ ไม่เป็นอันทำมาหากิน ทรัพย์สินที่มีอยู่ก็จะค่อยๆ ละลายหมดสิ้นไปอย่างไม่รู้ตัว
ใครๆ ก็รู้กันอย่างนี้ แต่ใครๆ ก็ยังจะเล่นการพะนันเมื่อมีโอกาส
ในบ้านเมืองของเรา แม้จะมีบ่อนการพะนันอยู่นับไม่ถ้วน ทั้งที่ได้รับอนุญาตจากทางการบ้านเมืองถูกต้อง หรือลักลอบเล่นกันลับๆ โดยมี
อิทธิพล
คุ้มครอง ก็ยังไม่เอิกเกริกและดึงดูดนักเสี่ยงโชคได้มากมายเท่ากับงานปอยที่ปางวาด ณ ฝั่งท่าขี้เหล็ก ดินแดนไทยใหญ่ของสหภาพพะม่า
ที่นั่น , ใครรักจะเล่นการพะนันประเภทไหน มีให้เล่นทุกอย่าง ไม่ต้องกลัวถูกจับ ไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับการพะนันใช้ ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่มีงานปอยประจำปี
ทุกๆ ปี ที่ปางวาดจะมีงานปอย ซึ่งไม่มีอะไรขึ้นหน้าขึ้นตาสักอย่างเดียว บริเวณแคบ... ร้านรวงปลูกสร้างหยาบๆ... ไม่มีการตกแต่ง... ไม่มีทั้งแสงและสี แต่สิ่งเดียวที่มี คือ การพะนันทุกประเภท !
งานปอยที่ปางวาด จึงมีความหมายแต่เพียงว่า บ่อนการพะนันใหญ่ได้เปิดขึ้นแล้ว ใครอยากร่ำรวย หรือฉิบหายขายตัวก็เชิญ !
เมื่องานปอยที่ปางวาดเริ่มต้น ผู้คนจากฝั่งไทยเราซึ่งอยู่ในจังหวัดภาคเหนือและจังหวัดใกล้เคียง ต่างก็เตรียมทุนรอนกันทะมัดทะแมง ที่เป็นเจ้ามือก็ฝึกกลเม็ดเด็ดพรายให้ช่ำชอง เพื่อ
ดูด
เงินจากกะเป๋าลูกค้า... ที่เป็นนักการพะนันก็คิดกะแผนการจะ
ต้อน
เงินจากเจ้ามือมาเข้ากะเป๋าตัว แต่ละคนแต่ละฝ่ายเข้าใจและมั่นใจใน
ชั้นเชิง
ของตนว่าเก่งฉกาจเหนือคนอื่นทั้งนั้น
ทั่วบริเวณบ่อนที่ปางวาด ตั้งแต่เช้าจนยันรุ่ง จึงมีนักเสี่ยงโชคมั่วสุมกันอยู่ ไม่มีเวลาพักผ่อนหลับนอน ใครมือดีเล่นได้ก็หน้าบาน ใครมือไม่ถึงเล่นเสียก็หน้าซีดเซียว เงินหมุนเวียนในบ่อนเป็นเรือนแสน ซึ่งก็เป็นเงินไทยเราทั้งนั้น ใครได้เห็นเข้า ไม่มีหรอกที่จะไม่เกิดความโลภ
เมื่อความโลภเข้าครองใจ คนไหนก็คนนั้น เรื่องจะอิ่มจะพอเป็นไม่มี การพะนันก็เหมือนมีผีสิง เล่นตอนแรกๆ ก็มักจะ
ได้
อยู่เรื่อยไป แต่ตอนหลังๆ เงินที่ได้มานั้น จะดึงดูดเอา
ทุนเดิม
ออกไปเรื่อยๆ จนเกลี้ยงกระเป๋า !
การจัดบ่อนการพะนัน ในงานปอยที่ปางวาด นอกจากจะมีการพะนันชนิดต่างๆ ให้เลือกเล่นกันได้ตามใจชอบแล้ว ในบริเวณบ่อนยังมีร้านรับซื้อทองรูปพรรณตามราคาท้องตลาด... มีสถานที่มิดชิดพอสมควรสำหรับให้เช่าร่างกาย (จัดเฉพาะนักเลงการพนันผู้หญิง)... และฝิ่นให้สูบฟรี เพื่อ
บริการ
นักเสี่ยงโชคที่อับโชคหมดเนื้อหมดตัว นับว่าเป็นแหล่งอบาย หรือโลกันต์บนแผ่นดินผืนนี้ก็ว่าได้
หลายคนรู้ดีว่า ไม่เคยมีใครร่ำรวยเพราะการพะนัน (นอกจากจะเป็นเจ้ามือ หรือคอยเก็บค่า ต๋ง จากการจัดบ่อน) แต่คนเป็นอันมากก็ยังไม่เคยรีรอหรือลังเล- ถ้ามีโอกาสจะได้เล่นการพะนัน
ที่เป็นเช่นนั้น , คนที่มองไม่เห็นตัวเองก็ว่า
การพะนันมันมีผีที่คอยชักจูงให้คนที่เห็นอดเล่นมันไม่ได้
และผู้ที่เสียมานักต่อนัก จนรู้สำนึกก็จะว่า
ไม่ใช่ผีใช่สางอะไรหรอก มันเป็นเพราะความโลภของเราเองต่างหาก คนเราเมื่อมีช่องทางที่จะได้เงินคล่องๆ ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอะไรนักหนา ก็ต้องเดินไปตามช่องทางนั้น ไม่มีใครหรอกที่ไม่อยากได้
บ่อนการพะนันที่ปางวาด ไม่ใช่เพิ่งจะมี แต่มีมานานแล้ว ทุกปีที่ผ่านมา นักเสี่ยงโชคจากฝั่งไทยก็ขนเงินไปทิ้งฝั่งโน้นปีละไม่ใช่น้อย แม้กระนั้น , เมื่อมีงานปอยที่ปางวาดอีก คนที่เคยเสียก็ไม่เข็ดขยาด กลับหอบเงินไปหมายจะ
แก้มือ
เอาทุนเดิมที่เสียไปกลับคืนมา และก็มีบางคนเท่านั้นเองที่จะแก้มือได้สำเร็จดังใจ
ผู้ที่เสียการพะนันก็โยนความผิดไปให้โชคชะตา หรือไม่ก็ปัดให้พ้นๆ ตัวเองไปเป็นเรื่องผีของสาง เรื่องที่จะลงโทษตัวเองนั้นมีน้อยคนนัก ธรรมดาของคนเรามักเข้าข้างตัวเองอย่างนี้
แต่- ความจริงนั้น , ถ้าเราจะมองจิตใจของเราเองอย่างพินิจ มองตัวเองอย่างที่เรามองดูคนอื่น เราก็จะได้ประจักษ์ในความจริงว่า หากเราไม่ยอมตัวเข้าไปพัวพัน หากเราไม่เป็นทาสตัวเอง ปล่อยให้ความละโมบเข้าครองใจ โชคชะตา หรือผีการพะนัน มันจะทำอะไรเราไม่ได้เลย
ตัวเราเอง จิตใจของเราเอง - ที่บงการให้เป็นไป
เงินทองเท่าไหร่ก็ไม่พอให้การพะนันผลาญ
ตรงท่าข้ามฝั่งไทยมีป้าย
เตือนสติ
บอกไว้อย่างนี้ แต่กระนั้นก็ยังไม่มีใครแยแส... ไม่มีใครเชื่อ... ไม่มีใครหยุดคิด ทุกคนข้ามไป... แต่ละคนพกเงินไปคนละไม่น้อยและน้อยคนเหลือเกินที่จะหอบเงินกลับมา
ฉันได้ร่วมห้าพันแล้วนา ถ้าเลิกเสียตอนนั้นก็สบายไปแล้ว นี่เราอยากได้สักแปดพัน มันจึงดูดเอาเราเข้าไปตั้งสามพัน
คนที่กลับมายังฝั่งไทย มักจะบ่นอย่างนี้แทบทุกคน
และนั่นแหละ- สิ่งที่เรียกกันว่า
ผี
การพะนันเข้าสิง ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ผีใช่สางอะไรหรอก หากเป็นเพราะความโลภของเราเอง เป็นเพราะเรายังเป็นทาสของตัวเองและเอาชนะตัวเองไม่ได้ต่างหาก...
...................
ปอยปางวาด
นิคม กิตติกุล ถ่ายภาพ
ชยาวุธ บรรยาย
กล่าวกันว่า บ่อนการพะนันต่างๆ ตั้งอยู่ได้ ก็เพราะความโลภอันไม่มีขอบเขตของมนุษย์ จากพฤติการณ์ที่เราได้พบเห็นเมื่อคราวข้ามฝั่งสายไปตระเวน
ปอยปางวาด
ที่ท่าขี้เหล็กเมื่อตรุษจีนคราวนี้ ทำให้เราตระหนักว่าคำกล่าวนี้เป็นความจริงที่สุด
ที่ฝั่งแม่สายอันเป็นพรมแดนระหว่างไทย กับ สหภาพพม่า เราพบบุคคลจากฝั่งไทยข้ามเรือขนาน เพื่อไปเสียภาษีให้เจ้าฟ้ากลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ไม่มีใครเลยที่แยแสต่อคำเตือนของทางราชการที่เขียนติดไว้ตรงท่า
ขณะที่เราก้าวเข้าไปสู่บริเวณปอยปางวาด ภาพที่เด่นและสะดุดตาที่สุดคือบ่อนหวย
มะก่องถี่
ของเจ้าฟ้า ซึ่งออกวันละ ๒ เวลา หวยที่จะออกในวันนั้นถูกบรรจุไว้ในถุงและชักขึ้นแขวนไว้บนยอดเสาที่เห็นตระหง่านอยู่นั้น
ถึงแม้ตอนที่เราไปถึงนั้นจะเป็นเวลาเช้า แต่บ่อนการพะนัน
แบกะดิน
ทั้งหลายก็กำลังครึกครื้นยิ่ง มีประชาชนซึ่งถูกผีพะนันเข้าสิงทั้งหลาย ยืนบ้างนั่งบ้าง ล้อมวงเป็นกลุ่มๆ ทุกคนมีความหวังอยู่เพียงประการเดียว คือคิดจะล้มเจ้ามือ แต่ทุกคนก็เรียนรู้เมื่อสายเสียแล้วว่า ผู้ที่ถูกล้มนั้นจะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก... ลูกค้า
ที่ปอยปางวาด มีไพ่ป๊อกเพียง ๓ ใบ มีเสื่อเพียงผืนเดียว มีหน้าม้าดีๆ และมีศิลปะในการตลบตะแลงมากๆ หน่อย ใครๆ ก็สามารถเปิดบริการต้มหมูได้ เพราะที่ปางวาด มีสุกรทุกขนาดสำหรับให้ต้มและตุ๋นทุกเมื่อ
การพะนันที่นิยมกันมากในหมู่พวกไทยใหญ่เจ้าของถิ่น และรู้สึกว่าจะไม่สู้ร้อนแรงเหมือนการพะนันประเภทอื่น คือ การเล่น
มะโขกโหลก
ซึ่งใช้ทอดด้วยลูกเต๋าขนาดใหญ่สามลูก เต๋าเหล่านี้มีรูปสัตว์ต่างๆ เป็นเครื่องหมายแทนตัวเลข เป็นกีฬาประเภทเบา (กระเป๋า) ที่นิยมกันมากในหมู่แฟนหญิง
ในบรรดาผู้ที่หอบเงินไทยข้ามฝั่งสายไปส่งส่วยให้แก่เจ้าฟ้านั้น มีจำนวนไม่น้อยที่เป็นสุภาพสตรี ซึ่งครั้งแรกก็ใจแข็งนักหนา ที่จะยอมเสียภาษีให้แก่เฉพาะรัฐบาลไทย แต่พอถูกเซ้าซี้เข้าหน่อย เธอก็อดที่จะช่วยอุดหนุนเจ้าฟ้าเพื่อรักษาสัมพันธไมตรีเสียมิได้
แต่... แน่ละ สำหรับพวกผู้ชายอกสามศอกคืบอย่างพวกเรา ไหนๆ จะมาอุดหนุนเจ้าฟ้าทั้งที ก็ขอได้นั่งใกล้กับเจ้ามือที่เป็นหญิงสาว เพราะรู้สึกว่าบรรยากาศมันครื้นเครงยิ่งขึ้น ไอ้เรื่องจะเสียหรือจะได้ไม่ต้องพูด เพราะไม่ว่าจะได้หรือจะเสียเราย่อมหัวเราะได้ทั้งนั้น ถึงแม้หลายต่อหลายครั้งจะเป็นการหัวเราะอย่างไม่สู้จะ
สมบูรณ์แบบ
ก็ตามที.
.................
(นิตยสารรายเดือน คนเมือง ปีที่ 1 ฉบับที่ 9 ประจำเดือน มีนาคม 2498)
Create Date : 12 กันยายน 2553
Last Update : 13 กันยายน 2553 12:02:43 น.
2 comments
Counter : 2883 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อเกมส์การพนันบางชื่อไม่เคยรับรู้มาก่อน
ห้าพันบาทในสมัยนั้นคงเป็นเงินที่มากพอสมควร
นิสัยรักการพนันคงอยู่ในสายเลือด
หากมีโอกกาส คนสมัยนี้ก็ไม่ยอมละทิ้งเช่นเดียวกันครับ
โดย:
Insignia_Museum
วันที่: 12 กันยายน 2553 เวลา:23:01:51 น.
ขอบคุณครับที่มาแวะชม
การพนันบางชนิด จะมีเฉพาะท้องถิ่นภาคเหนือตอนบน หรือในรัฐฉานของสหภาพพม่าครับ (โยนความผิดไปให้เขาเลย หุ หุ)
สมัยโน้น ทอง 1 บาท จะมีค่าราวๆ 450 บาทเท่านั้นเอง
เชื่อเถอะครับว่า ถึงบ้านเมืองจะก้าวหน้าเพียงใด ยังมีคนชอบการพนันอยู่นั่นแหละ เหมือนคำคมที่ มจ.อากาศดำเกิง รพีพัฒน์ กล่าวในนวนิยาย "ละครแห่งชีวิต" ของท่านว่า
"การพนัน เป็นมรดกของมนุษยชาติ"
โดย:
owl2
วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:0:34:25 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
owl2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add owl2's blog to your web]
Links
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ห้าพันบาทในสมัยนั้นคงเป็นเงินที่มากพอสมควร
นิสัยรักการพนันคงอยู่ในสายเลือด
หากมีโอกกาส คนสมัยนี้ก็ไม่ยอมละทิ้งเช่นเดียวกันครับ