ล่องใค้ ไปอีสาน (ตอนสุดท้าย)
หลังจากพร่ำเพ้อมานาน ก็ถึงตอนสุดท้ายเสียที ซึ่งเข้าหน้าร้อนแล้วสิ
อ.กิตติ และลูกสาวได้นำผมมาส่งยังโรงแรมโคราชโฮเต็ล ที่ผมคิดว่าดีที่สุดกว่าที่เจอเมื่อวานนี้
ผมได้ชวนทานข้าวมื้อเย็น แต่ อ.กิตติ ได้ขอตัวเพราะสุขภาพไม่อำนวย ถึงขนาดนั้นยังคุยกันได้เป็นคุ้งเป็นแควนับชั่วโมง แถมยังแนะนำแหล่งอาหารโต้รุ่งบริเวณใกล้ๆ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีให้อีกด้วย
หลังจาก อ.กิตติ และลูกสาวขอตัวกลับบ้านเสร็จแล้ว ทางผมได้ลงมาเตร็ดเตร่อยู่แถวอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีทันที
เออแฮะ.... มีรูปปั้นร่วมสมัยประดับอยู่ด้วย รวมทั้งรูปปั้นแสดงถึงมวยโคราช ที่คนเก่าแก่มักจะนึกถึงนักมวยสมัยคาดเชือกที่มีชื่อเสียงของเมืองโคราช คือ (ยักษ์) สุข ปราสาทหินพิมาย
เหตุที่ได้ชื่อว่ายักษ์นำหน้านั้น เพราะมีเรือนร่างอันใหญ่โตน่าเกรงขามนั่นเอง
ของดีที่มีชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่งประจำเมืองโคราชนั่นก็คือ แมวโคราช หรือแมวสีสวาด นั่นเองครับ
สมัยผมยังเด็ก ป้ออุ้ยผมอุตส่าห์หิ้วแมวพันธุ์นี้ใส่ชะลอมมาอยู่เป็นเพื่อน สองคนพี่น้องทั้งรัก ทั้งเล่น ทั้งรังแกจนมันรำคาญ
พอพ่อผมย้ายบ้านจากบนดอยลงมาอยู่ข้างล่าง เรียกมันมาอยู่ด้วยได้สองสามวัน และหายหน้าไปนับแต่นั้น
มีรูปอนุสาวรีย์วีรกรรมที่ทุ่งสัมฤทธิ์ที่หลายคนนำไปต่อประเด็นทะเลาะกันยืดยาวว่า เป็นการกอบกู้เอกราชของเจ้าอนุวงศ์แห่งกรุงศรีสัตนาคหุต แต่อีกฝ่ายบอกว่าเป็นวีรกรรมของคุณหญิงโม ทำให้การก่อการของเจ้าอนุวงศ์ไม่สำเร็จ
เรื่องในอดีต วางแผนการรบผิดพลาด ดันเก็บเอามาทะเลาะกันได้ เฮ้อ.....
เดินวนรอบอนุสาวรีย์จนจะค่ำมืด ชักสงสัยตะหงิดๆ ว่า อนุสาวรีย์ย่าโมอยู่ตรงไหนหว่า ? หรือใครยกไปขายแล้วกระมัง ? โทรฯ ไปถาม อ.กิตติ ก็งงๆ กับคำถามจากผมเหมือนกัน
สุดท้าย ผมเดินดุ่มๆ ไปถามเจ้าของรถขายผลไม้แถวๆ นั้น ได้รับคำอธิบายว่า อยู่หลังป้ายแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ บริเวณลานหน้าประตูชุมพลนั่นเอง
ครับ ไก่บินว่อนจนหมดฟาร์มเลยล่ะ
รีบจัดแจงซื้อดอกไม้ธูปเทียนขึ้นไปสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ก่อนที่แสงแดดจะหมด แล้วเซลฟี่ตัวเองไว้เป้นที่ระลึก
รวมถึงประตูชุมพลด้วย
พอเซลฟี่เสร้จ ก็ประจงเก็บรูปชาวบ้านชาวเมืองที่ทะยอยมาสักการะย่าโมยามเย็น และเดินออกกำลังกายตามอัธยาศัย
ถ้าเมื่อย ก็มีศาลานวดแผนไทยริมประตูชุมพลให้ใช้บริการก็ได้
แต่สำหรับผม หายแว่บไปทานมื้อเย็นแถวตลาดโต้รุ่งก่อนกลับเข้าโรงแรมเรียบร้อยแล้ว
สามโมงเช้าวันรุ่งขึ้น อ.กิตติ แวะเข้ามารับผมจากดรงแรมไปส่งที่สถานีขนส่งนครราชสีมาแห่งที่ ๒ และบังเอิญที่ว่าทางโรงแรมให้คูปองอาหารมื้อเช้าแก่ผมเกินมา ๑ ใบ กรรมสิทธิ์นี้เลยเป็นของ อ.กิตติ
ด้วยรถบริษัทนครชัยทัวร์เที่ยว ๑๐.๓๐ น. จากนครราชสีมาไปยังเชียงใหม่ ทำให้ผมมีโอกาสได้เห็นสองข้างทางจากนครราชสีมา สีคิ้ว ด่านขุนทด อำลาแผ่นดินอีสานล่ะ
ข้ามอ่างเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์ สู่อำเภอท่าหลวง โคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ก่อนที่จะเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๑ ที่ อำเภอตากฟ้า ไพศาลี หนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ อำเภอเขาทราย วังทรายพูน สากเหล็ก จังหวัดพิจิตร อำเภอบางกระทุ่ม วังทอง สู่อำเภอเมืองพิษณุโลก แวะให้ผู้โดยสารกินข้าวมื้อบ่าย (แต่ไม่ฟรีเช่นเคย)
ผ่านอำเภอวัดโบสถ์ พรหมพิราม อำเภอพิชัย ตรอน และอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ให้ผมลงจากรถกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพในเวลาประมาณบ่ายสามโมงเศษ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนจบเรื่องนะครับ
Create Date : 30 มีนาคม 2560 |
|
3 comments |
Last Update : 30 มีนาคม 2560 7:52:36 น. |
Counter : 1939 Pageviews. |
|
|
|
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ