*** The Babadook *** หนังสือร้ายพิชิตได้ด้วยมายากล *** The Babadook *** The Babadook ผลงานหนังฉายโรงเรื่องแรกของผู้กำกับ Jennifer Kent ที่มีกระแสตอบรับค่อนข้างดีจาก Sundance Film Festival เมื่อต้นปี 2014 แม้หน้าหนังจะเหมือนกับหนังสยองขวัญทั่วๆไป แต่แท้จริงแล้วนี่คือหนังดราม่าจิตวิทยาที่ไม่ได้เน้นไปที่ความสยองขวัญ The Babadook เล่าถึง Amelia (Essie Davis) คุณแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกชาย Samuel (Noah Wiseman) เพียงลำพัง จากนี้ไปเปิดเผยเนื้อหาสำคัญครับ ใครยังไม่ได้ดูแนะนำให้ข้ามไปก่อน สรุปเรื่องราวคร่าวๆกันก่อน Amelia คืออดีตนักเขียนที่ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียสามีจากอุบัติเหตุทางรถยนต์จากการพาเธอไปโรงพยาบาลเพื่อคลอด Samuel นี่เองที่ทำให้ลึกๆแล้วเธอเกลียด Samuel ในฐานะต้นเหตุที่ทำให้เธอสูญเสียสามี อย่างไรก็ตามเธอก็ยังรัก Samuel ในฐานะลูก และในฐานะตัวแทนของสามีที่ตายไป และการที่วันเกิดของ Samuel และ วันตายของสามีสุดที่รักเป็นวันเดียวกัน มันยิ่งย้ำเตือนเธอให้ลืมเหตุการณ์นี้ได้ยากขึ้นไปอีก (ถึงขั้นที่เธอไม่จัดวันเกิดให้ Samuel ในวันเกิดจริง แต่เลื่อนไปจัดในวันอื่น) การสูญเสียในครั้งนั้นทำให้ชีวิตของเธอย่ำแย่ลง จากอาชีพนักเขียนสำหรับนิตยาสาร เธอต้องมาเป็นพยาบาลในสถานบำบัด แถม Samuel ในวัย 6 ขวบก็กำลังซนจนเธอแทบทนไม่ไหว แถมกำลังบ้าเรื่องปิศาจและมายากล นั่นทำให้เธอประสาทเสียจนบ้าคลั่งในท้ายที่สุด หากนำคำว่า Babadook มาสลับและเรียงตัวอักษรใหม่ จะได้ว่า A Bad Book ซึ่ง Babadook เริ่มสร้างความหลอกหลอนให้กับ Amelia และ Samuel ตั้งแต่ Amelia ให้ Samuel เลือกหนังสือเอง 'Cause if it's in a word, or if it's in a book you can't get rid of the Babadook’ you’ll see him if you look. หากพิจารณาในแง่ความหมายแล้ว Babadook คือ “ปิศาจที่พยายามจะเข้ามาในชีวิต” ซึ่งเมื่อคุณมองดีๆคุณก็จะเจอมัน และคุณไม่สามารถหลีกหนีมันไปได้ มุมมองของ Amelia ในมุมมองของ Amelia แล้ว โดยไม่รู้ตัว Babadook ก็คือ Samuel นั่นเอง ชีวิตของเธอแย่ลงเมื่อ Samuel เข้ามา สามีเธอตายเมื่อ Samuel เกิด แถม Samuel เองก็สร้างปัญหาให้เธอปวดหัวแทบทุกวัน แต่เป็นเพราะเธอเองต่างหากที่สร้าง Babadook ขึ้นมา การเลี้ยงลูกแบบเบื่อหน่ายขอไปที การที่ยังไม่สามารถทำใจลืมสามีไปได้ นั่นทำให้ Samuel เป็นเด็กที่เรียกร้องความสนใจ และแปลกแยก แถมพฤติกรรมห่ามๆ อย่างคำพูดว่า “จะตีให้หัวแบะ” ก็เหมือนจะเลียนแบบมาจาก Amelia ตอนสติแตกนั่นเอง (จากหนังจะเห็นได้ว่า พอ Amelia สติแตกเมื่อไรเธอจะพ่นคำหยาบทันที) ปิศาจ Babadook ถูกสร้างขึ้นมาโดยตัว Amelia เอง เธอมองว่า Samuel คือปิศาจที่ทำลายความสุขในชีวิตเธอ จากคำกลอนท่อนสุดท้ายที่ว่า you’ll see him if you look. ดังนั้นการกำจัดปิศาจก็คือ การไม่มอง Samuel ว่าเป็นปิศาจ มุมมองของ Samuel เช่นกันในมุมมองของ Samuel แล้ว Babadook ก็คือ อีกตัวตนหนึ่งของ Amelia ตัวตนที่เหมือนถูกปิศาจ Babadook ที่เข้าควบคุม ซึ่งตัว Samuel เองก็มีส่วนในการสร้างปิศาจนี้ขึ้นมา จากการเรียกร้องความสนใจอันเกินเหตุของเขา ความซนและเอาแต่ใจตามประสาเด็กวัย 6 ขวบ วิธีที่ Samuel เอาชนะปิศาจที่สิงสู่ Amelia นั้นไม่ใช่ลูกดอก หรือเครื่องยิงหินที่เขาสร้างขึ้นมา จากคำกลอนท่อนสุดท้ายที่ว่า you’ll see him if you look. วิธีเอาชนะปิศาจก็คือ การมองว่านี่คือ “แม่” ไม่ใช่ปิศาจ วิถีมายากลคือหนทางเอาชนะปิศาจ Samuel สนใจในมายากล เขาฝึกเล่นกล และศึกษาวิธีการแสดงกล หลักการง่ายๆในการเล่นกลให้ผู้อื่นเชื่อก็คือ ต้องเชื่อว่ากลที่เล่นมันเป็นไปได้เสียก่อน มันถึงจะส่งผลต่อผู้ชมได้ด้วย ซึ่งนี่อาจเป็นการค้นพบวิธีเอาชนะ “ปิศาจ” ของ Samuel ในช่วงท้ายเรื่อง Amelia ที่กำลังบีบคอ Samuel อยู่เลิกบีบคอแล้วคืนสติกลับมาได้ก็เพราะ Samuel ไม่คิดว่า Amelia คือปิศาจแต่เป็นแม่ที่เขารัก มายากลจะเป็นความมหัศจรรย์ได้ก็ต่อเมื่อคุณเชื่อและยอมรับมัน ท้ายที่สุดแม้ทั้ง Amelia และ Samuel จะไม่สามารถกำจัด The Babadook ออกไปจากความคิดได้ แต่พวกเขาเลือกที่จะนึกถึงและควบคุมเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ (ภายในห้องเก็บของ) ภาพแทนของ Babadook ในตัว Amelia และ Samuel ได้เปลี่ยนเป็นปิศาจที่อาศัยอยู่ในห้องของสามีแทน มองในแง่นี้ The Babadook กลับทำให้ความสัมพันธ์ที่แย่ลงของ แม่-ลูก ดีขึ้นมาอีกครั้ง Amelia เริ่มปล่อยวางจากการยึดติดในสามีที่ตายไป เธอหันมาใส่ใจ Samuel มากขึ้น กระทั่งจัดวันเกิดให้ตรงกับวันจริง Samuel ดูเป็นเด็กที่เชื่อฟังมากขึ้น แม่-ลูก คู่นี้เรียนรู้ที่จะรักกันและอยู่กับ Babadook ได้ในที่สุด The Babadook คือหนังดราม่าจิตวิทยาที่ทำได้สนุกและอัดแน่นไปด้วยพลังงาน ด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยมของ Essie Davis และ Noah Wiseman ในบท แม่-ลูก จิตหลุด ที่แบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ งานกำกับของ Jennifer Kent ไม่ได้ขายความสยองหรือฉากชวนสะดุ้งแบบที่หน้าหนังโฆษณา แต่เน้นไปที่ความเข้มข้นของเรื่องราว ที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เล่นเอาผู้ชมลุ้นไปกับ 2 แม่-ลูกจนเหนื่อย ประเด็นทั้งหลายของหนังนำเสนอได้สอดคล้องกับเรื่องราวเป็นอย่างดี มันถูกนำเสนออย่างชาญฉลาดและมีชั้นเชิง เมื่อลองสลับตัวอักษร Babadook อาจแปลว่า A Bad Book แต่ The Babadook คือหนึ่งใน A Good Film ประจำปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย 8 / 10   Create Date : 19 ตุลาคม 2557 5 comments Last Update : 20 ตุลาคม 2557 18:40:25 น. Counter : 5152 Pageviews. Share Tweet

กระทู้ที่ตั้งใน pantip //pantip.com/topic/32735835   โดย: navagan 19 ตุลาคม 2557 17:50:35 น.

ชอบแนวการเขียนมากเลยครับ ขอคารวะ   โดย: OHM IP: 122.155.44.124 20 ตุลาคม 2557 18:50:02 น.

เป็นหนังผีดราม่าจิตวิทยาที่เด่นมากที่การแสดงของ 2 แม่ลูกครับ ชอบๆ   โดย: ปีศาจความฝัน 21 ตุลาคม 2557 11:37:43 น.

ขอบคุณครับ คุณ OHM ตอบคุณปิศาจความฝัน แม่-ลูก นี่นึกไปถึง The Orphanage เลยครับ   โดย: navagan 22 ตุลาคม 2557 12:08:19 น.

ฝากเพจใน facebook ด้วยครับ เนื้อหาเหมือนในนี้นี่แหล่ะ เผื่อใครอยู่ข้างนอก แล้วสะดวกอ่านทาง app facebook บนโทรศัพท์มากกว่า https://www.facebook.com/MovieNavigator Movie Navigator   โดย: navagan 22 ตุลาคม 2557 12:11:01 น.